นายกฯ เผยในหลวงมีพระราชกระแสรับสั่งเรื่องของความรัก ความสามัคคี ให้รัฐบาลดูแลประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ทำให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพให้ดีที่สุด และรักษาอัตลักษณ์ของไทยไว้ให้ได้ ก่อนเดินสายฟังมุมมองสื่อทุกสำนักช่วยผลักดันขับเคลื่อนประเทศ ผบ.ทสส.ปลุกเหล่าทัพช่วยกัน "รวมไทย สร้างชาติ" งามหน้าสภาล่ม! ฝ่ายค้านรับไม่ได้เป็นตรายางรับรองรายงานแผนปฏิรูป เสนอนับองค์ประชุม ซีกรัฐบาลตามกันยังไงก็มาไม่ครบ "ธนาธร" อ้างสิทธิพลเมืองนั่ง กมธ.งบฯ ได้ "ปารีณา" ยื่นประธานสภาฯ สอบจริยธรรมก้าวไกล ตั้งคนถูกตัดสิทธิ์นั่ง กมธ.
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 12.35 น. วันที่ 8 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในการเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายข้อราชการตามช่วงระยะเวลาของรัฐบาล เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสรับสั่งในเรื่องของความรัก ความสามัคคี และรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดูแลเรื่องความเป็นธรรม ความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ พระองค์ทรงเน้นย้ำในเรื่องเหล่านี้ รวมทั้งทำให้บ้านเมืองของเรานั้นมีเสถียรภาพให้ดีที่สุด บริหารจัดการทุกอย่างให้ได้ในทุกมิติ ในส่วนปัญหาใดก็ตามที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ก็ขอให้รัฐบาลได้มีแผนงานโครงการในการลงไปดูแลให้สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่ ให้เป็นไปด้วยความเหมาะสม
“สิ่งที่ทรงให้ความสนใจเป็นพิเศษคือเรื่องของน้ำ ป่า การกักเก็บน้ำต่างๆ เพื่อประชาชนที่ยังได้รับความเดือดร้อนจะได้รับการช่วยเหลือดูแล พระองค์ทรงให้ความสนพระทัยในเรื่องเหล่านี้มาก สำหรับการบริหารจัดการในด้านอื่นๆ นั้น รัฐบาลก็จะทำหน้าที่ของรัฐบาลให้ดีที่สุด เพื่อสนองพระราโชบายต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของการสืบสาน รักษาและต่อยอด ต้องดำเนินการให้เหมาะสม ให้ดีที่สุด”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสรับสั่งอีกเรื่อง คือประวัติศาสตร์ชาติไทย ความเป็นอัตลักษณ์ของประเทศไทย ซึ่งเราทุกคนควรภูมิใจในเรื่องเหล่านี้ และรักษาไว้ให้ได้ และเราคงต้องเปรียบเทียบกับต่างประเทศด้วยว่าเรามีความแตกต่างกับเขาอย่างไรในบริบทต่างๆ หลายอย่าง ซึ่งรัฐบาลก็รับสนองฯ ตรงนี้ เราต้องช่วยกันศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ได้ เรามีการพัฒนามาตามลำดับ หลายคนยังมีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ตนเข้าใจ แต่ก็ต้องนึกถึงด้วยว่าที่ผ่านมาเราได้อะไรไปแล้วบ้าง ในส่วนตรงนี้หลายคนก็ได้ไปแล้ว แต่ยังไม่พอ เพราะความต้องการไม่มีวันสิ้นสุด ตนเข้าใจดี เราเองก็ต้องค่อยๆ ทยอยดำเนินการ จัดลำดับสำหรับความเร่งด่วนของแผนงานโครงการ การใช้จ่ายงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด สิ่งเรานี้ต้องไปด้วยกันให้ได้ ด้วยความรัก ความสามัคคีไปด้วยกัน เพื่อสร้างประเทศไทยให้เข้มแข็งต่อไป ต้องทำให้ประเทศไทยและประชาชนมีความสุข
"เราต้องให้ประชาชนทั้งปลาและเบ็ด เพราะถ้าเราให้ปลาไปเยอะเยอะมากๆ งบประมาณเราก็มีจำกัด ก็จะกลายเป็นปัญหางบประมาณในอนาคต เราต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุม ครม.ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดนัดพบบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ เพื่อรับฟังมุมมองในการขับเคลื่อนประเทศ 2 ประเด็น คือ ประเด็นที่คนไทยและประเทศไทยของเราควรให้ความสำคัญในสถานการณ์ปัจจุบัน และปัจจัยที่จะช่วยผลักดันและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ทีมงานทำจดหมายประสานไปยังถึงกองบรรณาธิการสื่อสิ่งพิมพ์ 10 ฉบับ เพื่อประสานเข้าพบ โดยประเดิมเริ่มต้นเดินสายพบกับบรรณาธิการสื่อในเครือโพสต์พับลิชชิ่งและไทยโพสต์เป็นสื่อแรกในช่วงบ่ายวันนี้ ก่อนมีคิวพบกับเดลินิวส์ ไทยรัฐ และเนชั่น ในวันที่? 9? ก.ค. ส่วนในวันศุกร์ จะเป็นคิวของสื่อในเครือมติชนกรุ๊ป ต่อเนื่องไปถึงสัปดาห์หน้า เปิดวันจันทร์มีคิวพบกับสื่อในเครือผู้จัดการ ตามลำดับ แต่ยังไม่มีกำหนดนัดพบสื่อมวลชนประเภทอื่น
ผบ.ทสส.ปลุกรวมไทยสร้างชาติ
วันเดียวกัน พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมประชุม ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนั้น พล.ท.อภิสิทธิ์ นุชบุษบา เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร หัวหน้าทีมโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้เน้นย้ำให้เหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติปลูกฝังกำลังพลทุกนายให้มีความจงรักภักดี ปกป้อง พิทักษ์รักษา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเดือนนี้เป็นเดือนมหามงคล มีวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ประดับธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดทั้งเดือน
นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำให้เหล่าทัพเตรียมความพร้อมด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในห้วงฤดูฝนที่อาจเกิดภัยธรรมชาติได้ ตลอดจนกวดขันกำลังพลทุกระดับอย่างใกล้ชิดในการประพฤติปฏิบัติตนตามแบบธรรมเนียมทหารอย่างเคร่งครัด ไม่กระทำการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ พร้อมทั้งใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบในการแสดงความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของสังคมต่อไป ผบ.ทสส.ให้เหล่าทัพช่วยกันในเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้กล่าวเรื่องรวมไทยสร้างชาติ เพื่อนำไปสู่ความรักสามัคคีปรองดองของคนในชาติ
ด้านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า? กรณีที่บรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายกฯ และรัฐบาล รวมถึงการปรับ ครม.นั้น? ที่ผ่านมานายกฯ และรัฐบาลได้ทำงานอย่างหนักในการทำงานเพื่อประเทศ และประชาชน ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ค้างคาจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ โดยได้มีการแก้ไขปัญหาหลายอย่างจนเป็นที่ยอมรับจากคนในประเทศและต่างประเทศ โดยไม่มีรัฐบาลใดทำได้แม้แต่รัฐบาลในยุคเพื่อไทย หากนายกฯ จะมีการปรับ ครม.จริง จะหาคนที่มีความรู้ความสามารถมาทำงานอย่างแน่นอน ลองหันกลับไปดูตัวเลขในสมัยรัฐบาลในอดีตที่พรรคเครือข่ายเก่าเป็นรัฐบาลว่ามีคนว่างงานตกงานและคนจนมากแค่ไหน ก่อนที่จะกล่าวหาว่าใคร ฝ่ายค้านก็เห็นผลงานของนายกฯ แต่ก็ทำเป็นแกล้งไม่รู้ เพราะกลัวประชาชนนิยมชื่นชอบผลงานรัฐบาลปัจจุบันมากกว่าผลงานของรัฐบาลพวกตัวเองในอดีต อยากให้ย้อนกลับไปดูว่าในรัฐบาลสมัยพรรคเพื่อไทยได้ทำให้ประชาชนบ้าง และทำให้ประชาชนหายความยากจนได้หรือไม่ มีแต่ทิ้งหนี้ชาวนาไว้ให้รัฐบาลปัจจุบันตามมาแก้หนี้ล้างหนี้ให้ ลืมแล้วหรือ?
"การที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยต่างพากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในขณะที่นายกฯ และรัฐบาลกำลังเป็นที่ยอมรับจากประชาชน และนานาประเทศ ที่ให้การชื่นชมในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ก็เพราะอยากทำลายความน่าเชื่อถือของนายกฯ และรัฐบาลในตอนนี้ โดยลืมคำนึงถึงประเทศชาติว่าขณะนี้ประเทศอยู่ในช่วงที่ทุกฝ่าย รวมถึงฝ่ายค้าน จะต้องมาช่วยกันแก้ไขปัญหาให้ประเทศร่วมกัน เพราะนายกฯ พูดชัดเจนว่าต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อให้คนไทยประเทศไทยมีเศรษฐกิจก้าวไปข้างหน้า ประชาชนอยู่ดีมีสุข ตามแนวทางรวมไทยสร้างชาติ แต่ไม่รู้ทำไมบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยเหล่านี้คิดไม่เป็น" นายสุภรณ์กล่าว
ที่รัฐสภา ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณารับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2562) นั้น ปรากฏว่า ส.ส.ฝ่ายค้านได้สลับกันลุกขึ้นอภิปรายไม่พอใจที่รายงานฉบับนี้นำเข้าสภาทุก 3 เดือน แต่ไม่มีความคืบหน้าเลย จึงอยากให้ถอนรายงานฉบับนี้ออกไปก่อน
งามหน้าสภาล่ม!
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า การที่จะให้สภาเป็นตรายางเพื่อแสตมป์ในสิ่งที่รัฐบาลเสนอมา ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย พวกผมรับไม่ได้ที่จะมาให้อภิปรายรับทราบ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับรัฐบาล หากพวกท่านไม่ถอนรายงานออกไป พวกตนไม่สามารถพิจารณาได้ จึงจะขอมติให้ตรวจสอบองค์ประชุม วันนี้ขอเอาจริง เนื่องจากอยากให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลได้มาฟังข้อเท็จจริงเรื่องแผนปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติของประเทศ
จากนั้นนายชวนได้เชิญสมาชิกที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาภายในห้องประชุม ก่อนที่จะกดออดเรียก เนื่องจาก ส.ส.ซีกรัฐบาลนั่งอยู่ในห้องประชุมน้อยมาก ทำให้เกิดความวุ่นวาย ส.ส.ซีกรัฐบาลรีบวิ่งเข้าห้องประชุม โดยกดไมค์ขอแสดงตน ระหว่างนั้น ส.ส.ซีก รัฐบาลต่างขอเวลาประธานให้รอ ส.ส.ซักพักใหญ่ๆ เนื่องจาก ส.ส.อยู่ระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการ โดยหลาย กมธ.คงไม่ทราบว่ากำลังจะมีการตรวจสอบองค์ประชุม
ขณะที่นายชวนยืนยันว่า จะให้เวลาสมาชิก เพราะบางคนไม่ทราบว่าเรียกเพราะอะไร อาจจะนึกว่าลงมติ แต่นายครูมานิตย์ เสนอให้นับองค์ประชุม จึงเรียกเข้ามา ขณะที่ ส.ส.ซีกฝ่ายค้าน ต่างทยอยลุกออกจากที่นั่ง ไปยืนรอผลการนับองค์ประชุม อยู่ภายหลังห้องประชุมกันจำนวนมาก พร้อมกันนี้ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล เดินเข้าห้องประชุมมาพอดี โดยระบุว่าวันนี้มีการประชุมกรรมาธิการไม่ต่ำกว่า 30 คณะ และขณะนี้กำลังมีการเตรียมการเพื่อประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 นัดแรก ซึ่งถือว่า ส.ส.อยู่ในสภาเกือบทั้งหมด จึงขอให้นายครูมานิตย์ถอนการนับองค์ประชุมออกด้วย
แต่นายครูมานิตย์ลุกขึ้นตอบโต้นายวิรัชว่า เข้าใจบทบาทของสภาทั้งหมด แต่เรื่องนี้ฝ่ายค้านรับไม่ได้จริงๆ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่จะทำให้เด็กรุ่นหลังอีกหลาย 10 ปี จึงอยากเห็น ครม.และเพื่อนผู้แทนมาช่วยกันติติง และอยากเห็นการปฏิรูปให้ทันกับยุคปัจจุบัน ผมไม่ใช่คนเกเร ยืนยันให้มีการนับประชุม
นายชวนยืนยันอีกว่า ไม่มีใครตำหนินายครูมานิตย์ เพราะท่านมีสิทธิ์ที่จะเสนอนับองค์ประชุม จากนั้นนายชวนกดออดอีกครั้ง โดยยังมี ส.ส.รัฐบาลเดินเข้าห้องประชุมเพื่อแสดงตนอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึง ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีด้วย พร้อมระบุว่า ขอให้ ส.ส.ฝ่ายค้านที่ยืนอยู่หลังห้องหาที่นั่งให้เรียบร้อย อย่ายืนเกะกะ ขณะที่ส.ส.รัฐบาลพยายามขอเวลาประธานรอเพื่อนสมาชิกที่กำลังเดินทางมา โดยชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้แก้เกมเพื่อดึงเวลาต่อ โดยให้นับประชุมด้วยการขานชื่อ แต่นายชวนไม่อนุญาต และกล่าวว่า "ผมให้เวลาขณะนี้แล้ว ถ้ายังไม่ครบก็คงตำหนิใครไม่ได้"
กระทั่งนายชวนให้เวลาสมาชิกแสดงตนนานกว่า 20 นาที นายชวนจึงสั่งปิดการแสดงตน ซึ่งผลปรากฏว่าองค์ประชุมมีเพียง 231 เสียงเท่านั้น ซึ่งถือว่าองค์ประชุมไม่ครบ 244 เสียงจาก 487 เสียง ทำให้นายชวนต้องสั่งปิดการประชุมทันที ในเวลา 13.05 น.
เปิดชื่อ 53 สส.โดดประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ ส.ส.ที่ไม่ได้ร่วมแสดงตนในฝ่ายรัฐบาล จำนวน 53 คน แบ่งเป็นพรรคพลังประชารัฐ จำนวน 27 คน ได้แก่ ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี, นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง ส.ส.สุโขทัย, นายฐานิสร์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว, น.ส. ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์, นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว, นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา, นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี, นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง, นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์, นายประทวน สุทธิอำนวยเดช ส.ส.ลพบุรี, นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน, นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา, น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม., นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ, น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม., นายวัชระ ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส, นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา, นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี, นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี, นายสันติ พร้อมพัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี, นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ต, นายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 16 คน ได้แก่ นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก, นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร, นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา, นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.วชิรา ภรณ์ กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี, นายวิวรรธน์ นิลวัชรมณี ส.ส.สุราษฎร์ธานี, นายวีระชัย วีระเมธีกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี, นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายอภิชัย เตชะอุบล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายอัศวิน วิภูศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคภูมิใจไทย จำนวน 4 คน ได้แก่ นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุรินทร์, น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
นอกจากนี้ ยังมีพรรคพลังท้องถิ่นไท จำนวน 2 คน นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี และนายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา จำนวน 2 คน นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม, นายนพดล มาตรศรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมทั้ง พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังชาติไทย และนายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังไทยรักไทย
สำหรับฝ่ายค้านที่ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุม จำนวน 9 คน แยกเป็นพรรคก้าวไกล 6 คน ได้แก่ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายจรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.ชลบุรี, นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม., นายทศพร ทองศิริ ส.ส.กทม., นายธีรัชชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสุรวาท ทองบุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคเพื่อไทย จำนวน 2 คน ได้แก่ น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี และนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. อีกทั้ง น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ
"ทอน"อ้างสิทธิพลเมือง
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ในสัดส่วนโควตาของพรรคก้าวไกล กล่าวว่า จะร่วมทำงานในฐานะคณะกรรมาธิการ จนถึงวาระที่ 2-3 ที่จะส่งร่างเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ส่วนที่จะมีผู้ไปยื่นให้ตรวจสอบจริยธรรมของตนเองนั้น ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ โดยส่วนตัวไม่มีอะไรที่เสียหาย สามารถดำเนินการได้ และพร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มที่ สิทธิที่ถูกตัดคือสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังคงมีสิทธิในฐานะพลเมืองที่จะทำหน้าที่โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นทางเศรษฐกิจและการเมือง
"การจัดทำงบประมาณปี 2564 จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบคู่ขนานกับการใช้งบประมาณตาม พ.ร.ก. 3 ฉบับของรัฐบาล ที่ใช้แก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังย่ำแย่ ดังนั้นงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนจะต้องใช้ทุกบาททุกสตางค์ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีความกังวลว่าหากใช้งบแบบเดิมๆ อาจเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ กรอบการจัดทำงบประมาณปี 2564 ยังคงเหมือนเดิม ในภาวะที่ขีดความสามารถของประเทศมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะมีปัญหาใหม่เข้ามาคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่รัฐบาลยังไม่เปลี่ยนแปลงการจัดงบประมาณเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด เชื่อว่าหากไม่มีการปรับเปลี่ยน ในอนาคตจะสร้างวิกฤติทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มว่าจะแย่กว่าสถานการณ์วิกฤติต้มยํากุ้งปี 2540"
นายธนาธรกล่าวอีกว่า ในการตัดงบของกองทัพในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ตามที่ ส.ส.บางส่วนได้เคยอภิปรายให้ตัดลดอาจจะเป็นไปได้ยาก ก่อนจะกล่าวเชิญชวนให้ประชาชนตื่นตัวทางการเมือง เพื่อส่งเสียงว่าเวลานี้ควรใช้งบประมาณของรัฐในการดูแลประชาชนหลังวิกฤติโควิดให้เกิดการสร้างงานและสร้างความมั่นคงในการดำเนินชีวิตให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะการจ้างงาน และเห็นว่ายังไม่ควรที่จะใช้งบการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์หรือการใช้งบสำหรับการอบรมสัมมนา
นายธนาธรกล่าวถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นด้วยว่า คณะก้าวหน้าเตรียมบุคคลที่สนใจลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่น ที่คาดหวังจะเปลี่ยน แปลงทางการเมืองระดับท้องถิ่น โดยเปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดาที่ไม่มีชื่อเสียงทางการเมือง หรือเป็นลูกหลานนักการเมืองที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการเมืองท้องถิ่นในนามคณะก้าวหน้า โดยไม่ใช่พรรคการเมือง เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงการเมืองในประเทศสามารถเริ่มด้วยการเปลี่ยนแปลงการเมืองท้องถิ่น
ขณะที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯ โดย น.ส.ปารีณากล่าวว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้เพื่อขอให้สภาตั้งกรรมการสอบจริยธรรมพรรคก้าวไกล กรณีเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็น กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2564 เนื่องจากถูกตัดสิทธิทางการเมืองและเคยลาออกระหว่างเป็น กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2563 มาแล้ว โดยนำเอกสารเกี่ยวกับงบประมาณของกระทรวงกลาโหมออกไปบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งผิดจรรยาบรรณการทำหน้าที่ กมธ.
ห้ามเกี่ยวข้องพรรคการเมือง
น.ส.ปรีณากล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีการเสนอชื่อของนายวราเทพ รัตนากร เป็น กมธ.งบฯ 64 ในสัดส่วนพรรค พปชร.ที่เคยเป็นจำเลยในคดีทุจริตโครงการออกสลาก เลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว หรือ หวยบนดินนั้น หากผู้ใดเห็นว่าไม่เหมาะสมก็สามารถร้องต่อ ประธานสภาฯ ได้เช่นเดียวกัน แต่ส่วนตัวมองว่านายวราเทพไม่ได้ทำผิดจรรยาบรรณหรือเอาข้อมูลของ กมธ.ออกมาบิดเบือนต่อสาธารณชนแต่อย่างใด จึงถือว่าเป็นคนละกรณีกัน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธรเคลื่อนไหวเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่น ทั้งที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ว่าตนไม่มีความเห็น เพราะไม่ทราบเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายธนาธรถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง สามารถเคลื่อนไหวเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ลงสมัครรับเลือกตั้งเองไม่ได้ เพราะเป็นลักษณะและคุณสมบัติต้องห้าม แต่เคลื่อนไหวและสนับสนุนได้ ไม่มีอะไรห้าม เป็นการใช้สิทธิในฐานะประชาชนพลเมืองทั่วไป
เมื่อถามว่า นายธนาธรสามารถออกไปเชิญชวนหรือรณรงค์ให้มาเลือกผู้สมัครเลือกตั้งท้องถิ่นได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ได้ พลเมืองดีเขาก็ทำกันอย่างนั้น เมื่อถามย้ำว่าหากไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองก็ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ใช่
พล.อ.ประวิตร? วงษ์สุวรรณ? รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง? (กกต.)? ยุบ? พปชร. เนื่องจากปรากฏภาพกรรมการบริหารพรรคหลายคน ไปเทียบเชิญ? พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค โดยใช้สถานที่ของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ซึ่งอาจเข้า ข่ายผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า "ก็ แล้วแต่เขา แล้วแต่กฎหมาย"
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า พล.อ.ประวิตรได้ออกหนังสือที่ พปชร. 225/2563 ถึงคณะกรรมการบริหารพรรค ผู้แทนสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และสมาชิกที่ได้รับเชิญจากคณะกรรมการบริหารพรรค จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 2/2563 ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ เวลา 15.00 น. ณ อาคารสำนักงานใหญ่ เลขที่ 547 ถนนรัชดาภิเษก โดยมีวาระที่สำคัญคือ การพิจารณาการเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง จำนวน 11 คน โดยที่ประชุมจะมีการเคาะตัวบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 หลังจากที่นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ได้รับใบเหลือง และศาลฎีกามีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |