เมื่อวันพุธที่ 8 กรกฎาคมถือ เป็นวันที่ 44 ที่ภายในประเทศประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อ “โควิด-19” เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด แม้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย ก็เป็นผู้อยู่ในสถานเฝ้าระวังโรค โดยเป็นผู้เดินทางกลับมาจากประเทศอินเดียและอินโดนีเซีย แต่ก็เกิดเรื่อง “ดรามา” ขึ้นจนได้เมื่อสื่อสังคมออนไลน์ต่างวิพากษ์วิจารณ์ “หมอหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ที่มีภาพไปร่วมงานวันชาติสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ได้มีการใส่แมสก์แต่ประการใด ...๐

แม้ช่วงแรก “เสี่ยหนู” จะไม่ยี่หระ บอกว่า “ดรามาเยอะ” แต่ต่อมาก็ต้องออกมาขอโทษกับพฤติกรรมดังกล่าว พร้อมยอมรับว่า “การ์ดตก” และเตือนอย่าให้ใครเอาเยี่ยงอย่าง ซึ่งต้องบอกว่าช่วงนี้ “อนุทิน” พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกเสียงจริง การโยกย้าย “หมอชาญชัย” ที่ยังไม่สะเด็ดน้ำดี ก็ดันมีเรื่อง “ไม่ใส่หน้ากาก” เข้ามาอีก สงสัย “เสี่ยหนู” คงต้องไปให้ “อาจารย์เนวิน” เป่าขม่อม ขจัดเคราะห์ซะหน่อยก็น่าจะดี ...๐

ส่วนสถานการณ์ “โควิด” โลกนั้น สหรัฐอเมริกายังคงทุบทำลายสถิติต่อเนื่อง ล่าสุดคือจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเกิน 6 หมื่นราย ในขณะที่ “บราซิล” เองที่อยู่อันดับ 2 ก็มีข่าวฮือฮาไม่แพ้กัน เมื่อ “ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู” ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว แต่ดูเหมือนงานนี้มีแต่คนสมน้ำหน้ามากกว่าสงสาร เพราะเจ้าตัวที่ผ่านมาต้องบอกว่าทำชีวิตได้เสี่ยงกับการติดโรคเสียจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการไม่ใส่หน้ากากในที่สาธารณะ การแนะนำชาวบราซิลว่าโควิดก็ไม่ต่างจากไข้หวัดธรรมดาๆ หรือแม้แต่การไปร่วมม็อบเรียกร้องให้ปลดล็อกดาวน์ จึงไม่แปลกที่ “บราซิล” ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะพุ่งพรวดมาแบบม้ามืดไม่เห็นฝุ่น ขึ้นเป็นอันดับ 2 ของประเทศผู้ติดเชื้อกันเลยทีเดียว ...๐

หันมาเรื่องสังคมและการบ้านการเมืองกันบ้าง เพราะดูเหมือนจะมีแต่ประเด็นร้อนฉ่า โดยเฉพาะเรื่อง “เงินบริจาค” ไล่มาตั้งแต่กรณี “ช่องส่องผี” ที่ดูเหมือนเงินบริจาคจะไร้ปัญหาข้อข้องใจไปแล้ว แต่เรื่องการบิดเบือนประวัติศาสตร์ยังคงมาคุอยู่ โดยเฉพาะล่าสุดคือกรณี “ย่าโม” ตามมาด้วยเงินบริจาคของ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจอย่าง “ฌอน บูรณะหิรัญ” ที่ต้องบอกว่าเหตุเกิดจากปากแท้ๆ ในการไปชม “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จนนำไปสู่การลากไส้เรื่องดังกล่าวก็ยังมีปัญหาคาใจ แม้เจ้าตัวจะโผล่มาแจงแล้วก็ตามที ...๐

ส่วนเงินบริจาคล่าสุดที่กลายเป็นคดีท้าทายและฟ้องกันเรียบร้อยแล้วคือ “เมย์เดย์ เมย์เดย์” ของคณะก้าวหน้า ซึ่งเดิมมีแค่ 2 ตัวละครอย่าง “พรรณิการ์ วานิช” และ “ว่าที่ ร.ต.บุญเกื้อ ปุสสเทโว” อดีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย แต่ต่อมาก็เพิ่ม “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” อดีตผู้บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เข้าไปด้วย โดยหลังจาก “ว่าที่ ร.ต.บุญเกื้อ” ประเดิมไปลงบันทึกประจำวันกับตำรวจเรื่องเงินบริจาคแล้ว ล่าสุด “น้องช่อ” ก็ไปแจ้งความหมิ่นประมาทพร้อมเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาทด้วย ...๐

เรื่องของคณะก้าวหน้ายังไม่จบ โดยเฉพาะเมื่อ “พรรคก้าวไกล” เสนอชื่อ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” แกนนำคณะก้าวหน้า ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปเป็นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ด้วย เพราะยังมีคำถามค้างคาและข้อสงสัยอย่างมากว่า คนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองสามารถไปดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่ง ล่าสุด “ปารีณา ไกรคุปต์” ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ได้ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรให้สอบจริยธรรมพรรคก้าวไกล ในการเสนอชื่อนายธนาธรที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองและยังมีคดีความค้างอยู่แล้ว ...๐

แต่ดูเหมือนเรื่องนี้ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะไม่ให้ความสนใจ โดยระบุว่าการถกเถียงเรื่อง “ธนาธร” เป็นเรื่องไร้สาระและไม่ประเทืองปัญญา ควรจะมาถกเถียงเรื่อง “ลิงขึ้นมะพร้าว” ที่กลายเป็นประเด็นระดับอินเตอร์เนชั่นแนลดีกว่า ...๐

ถึงแม้ “นิพิฏฐ์” จะมองว่าเรื่องการนั่งเป็น “กมธ.” ของธนาธรเป็นเรื่องไม่ควรถกเถียง สามารถทำได้นั้น แต่มันก็น่าสนใจ เพราะว่าตัดสิทธิ์ทางการเมืองควรจะกำหนดขอบเขตแค่ไหน การแค่ตัดสิทธิ์การไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเท่านั้นเหรอ หรือรวมถึงการไป บงการกะเกณฑ์กำหนดในเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นจะถือเป็นการ “สิทธิ์ทางการเมือง” หรือไม่ ก็ควรจะทำให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดมิใช่เหรอ เพราะอย่าลืมว่าที่ผ่านมาก็มีการตัดสิทธิ์ทางการเมืองหลายครั้ง ทั้งบ้านเลขที่ 111 เอย บ้านเลขที่ 109 เอย หรือแม้แต่กรณีไทยรักษาชาติ (ทษช.) ก็ไม่เคยมีกรณีพฤติกรรมอย่าง “ธนาธร-ปิยบุตรส-พรรณิการ์” ให้ตีความแต่อย่างใด งานนี้ก็หวัง “กกต.” จะเร่งเคลียร์ให้เข้าใจ หรือจะต้องรอคนร้องศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดกันจ๊ะเนี่ย ...๐

 …ท.ศักดิ์