8 ก.ค. 63 - ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีแพ่งที่ นายเศวต เวียนทอง ผู้บริหารร้านอู๋ คาเฟ่ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นจำเลย ข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 4.5 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย โดยกล่าวหาว่าจำเลยเป็นต้นเหตุแห่งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 เข้ามาในประเทศไทย ทำให้โจทก์ซึ่งประกอบอาชีพหลายอย่างได้รับความเสียหาย
คำฟ้องโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา สรุปได้ว่า โจทก์มีอาชีพทนายความได้ร่วมบริหารงานร้านอู๋ คาเฟ่ ของนายภัทรศักดิ์ เวียนทอง ซึ่งเป็นหลานชายและหุ้นส่วน จำเลยเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายระหว่างประเทศ ใช้ชื่อประเทศสหรัฐอเมริกา การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดบุคคลอื่นไปในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย จำเลยมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักร แต่ตัวโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 ตรี ให้โจทก์ยื่นคำฟ้องเสนอต่อศาลแพ่งหรือศาลที่โจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล โจทก์จึงได้มายื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่เป็นคดี
จากประมาณปลายปี พ.ศ.2562 ได้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเราด้วย โจทก์ได้ติดตามข่าวเรื่องการระบาดของโควิดนี้ตลอดมา เพราะโจทก์ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อโควิดเช่นกัน เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนวันฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้พบข้อเท็จจริงจากแหล่งข่าวโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีการเผยแพร่ข้อมูลจากภายในประเทศจำเลยเองว่า "กำเนิดที่แท้จริงโควิดมาจากฝีมือมนุษย์” กล่าวว่ามีแหล่งที่มาจากห้องเลปไวรัส P3 รัฐโคโรไลน่าเหนือของอเมริกา (ประเทศจำเลย)
นาย Greg Roubini ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองชื่อดังของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวช่องทีวีที่อเมริกา เผยว่าไวรัสโควิด ได้รับการออกแบบทางพันธุกรรมเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ มีแหล่งที่มาจากห้องแลป BSL-3 รัฐโคโรไลน่าเหนือ พัฒนาโดย ศ.ราล์ฟบาร์ริก เขาระบุอีกว่าไวรัสถูกรัฐบาลมืด จากรัฐโคโรไลน่าเหนือส่งไปแพร่ระบาดในประเทศจีน อิตาลี และอเมริกาทั้งประเทศ ศาสตราจารย์ Luc Montanier ผู้ได้รับรางวัลโนเบลเนื่องจากเป็นผู้ค้นพบไวรัสเอชไอวี ได้เปิดเผยกับนักข่าวชาวฝรั่งเศสอีกว่า โควิด-19 ไม่ใช่มาจากธรรมชาติ หากแต่ได้รับการพัฒนาอย่างประณีตโดยนักวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุล เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำเชื้อไวรัสที่มาจากค้างคาวเข้าไปเพิ่มความเข้มข้นของเชื้อเอชไอวีเป็นการตัดต่อพันธุกรรม
และข่าวอื่นๆ ปะติดปะต่อกันได้แล้ว หากว่ากันตามตรรกะของนายทรัมป์เราก็สามารถเรียกเชื้อโควิด-19 เป็นไวรัสนอร์ทคาโรไลน่า หรือไวรัสอเมริกา ในขณะที่หลักฐานทั้งหมดต่างชี้ไปที่อเมริกา เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของอเมริกายอมรับอย่างเปิดเผยว่าเชื้อโควิด 19 ไม่จัดอยู่ในชั้นของโรคระบาด แต่จัดอยู่ในชั้นของอาวุธชีวภาพความละเอียด จากเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ได้ว่าจำเลยคือต้นเหตุของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งโจทก์ได้ยื่นขอข้อมูลที่สำคัญต่อคดีนี้ไปหลายแห่ง เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อมนุษยชาติทั้งโลก หากได้มาก็จะขอทยอยนำส่งเอกสารเพิ่มเติมต่อศาลตามกฎหมายต่อไป ก่อนการสืบพยานตามพยานหลักฐานที่โจทก์ได้เรียนต่อศาลมา ทั้งหมดข้างต้นถือได้ว่าจำเลยได้กระทำการละเมิดต่อโจทก์ เพราะจำเลยเป็นต้นเหตุแห่งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ได้ระบาดเข้ามาถึงในประเทศไทย เป็นเหตุให้ประเทศไทยมีการประกาศใช้ข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปทั่วราชอาณาจักรและมีคำสั่งให้ปิดร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม
โจทก์ได้เปิดดำเนินกิจการร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม โดยเน้นบริการเสิร์ฟและชงเครื่องดื่มแก่ลูกค้าเป็นหลัก มีทั้งเปิดเป็นห้องแอร์และเปิดโล่งเปิดมาตั้งแต่เดือน ก.พ. 2563 รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้วจะมีกำไรเหลือวันละประมาณ 5,000 บาท เดือนละประมาณ 150,000 บาท การให้ปิดการดำเนินกิจการ เพราะสาเหตุมาจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ที่มีสาเหตุมาจากการกระทำของจำเลยตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. - 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา ประมาณ 3 เดือนเศษ โจทก์คิดค่าเสียหายรวม 3 เดือน เป็นเงินรวม 450,000 บาท
ศาลจังหวัดเชียงใหม่พิเคราะห์คำฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า จำเลยเป็นรัฐต่างประเทศ ย่อมมีสิทธิในความคุ้มกันแห่งรัฐตามจารีตประเพณีระหว่างประเทศ อันเป็นหลักกฎหมายทั่วไป เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องถึงข้อสละสิทธิดังกล่าวของจำเลย จำเลยจึงได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่อาจรับเป็นคดีไว้พิจารณาได้ พิพากษายกฟ้อง
ขอบคุณรูปภาพศาลจังหวัดเชียงใหม่จาก https://twitter.com/kowit_ThaiPBS/status/988712891560869890/photo/1
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |