มาถึง ณ ขณะนี้...แม้แต่บรรดาเซียนๆ หรือบรรดา มังกือการเมือง ในแต่ละราย ก็ดูจะยังไม่มีคำตอบ ไม่มีข้อสรุปที่ถนัดชัดเจนว่า...ตกลงแล้ว สี่กุมาร ตลอดไปจน เฮียกวง-สมคิด ผู้มีบทบาท มีตำแหน่ง หน้าที่และความรับผิดชอบ อยู่ใน กระทรวงเศรษฐกิจ ทั้งหลาย จะอยู่-จะไป หรือจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังแห่งหน ตำบลใด กันแน่ เพราะผู้ที่จะให้คำตอบดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ย่อมมีอยู่แค่เพียงรายเดียวเท่านั้นเอง นั่นคือท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮาทั้งหลายนั่นแล...
------------------------------------------------
เผลอๆ...ตัวนายกฯ บิ๊กตู่ เอง ก็ยังตอบไม่ได้ หรือยังไม่อยากจะตอบ ด้วยเหตุเพราะมันมีองค์ประกอบที่เต็มไปด้วย คำถาม อีกมากมาย เยอะแยะ ไม่ว่าในแง่ส่วนตัว ส่วนรวม ในแง่ ข้อเท็จจริง หรือในแง่ ลับ-ลวง-ครางง์ง์ง์ ก็แล้วแต่ ดังนั้น...คงต้องปล่อยให้ถึงเวลาเข้าส้วม หรือเวลาที่ต้องออกแรงเบ่งกันในวินาทีสุดท้าย ไม่ว่าเดือนนี้ เดือนหน้า หรือสามารถ อั้น แบบหน้าเขียว หน้าเหลือง ไปจนเดือนตุลา. ก็ตามที สุดท้าย...ก็คงรู้เองนั่นแหละว่า จะเป็น ทีมเศรษฐกิจ ประเภท ตาตี่ (ตาชั้นเดียว) หรือ ตาโต (แอ็บแบ๊ว) กันแน่!!!
-----------------------------------------------
อย่างไรก็ตาม...มีอยู่กระทรวงกระทรวงหนึ่ง ที่ว่าไปแล้วก็ออกจะมีความสำคัญมิใช่น้อย หรือสำคัญเอามากๆ อีกซะด้วย แต่ก็แปลก!!! ที่ไม่ถึงกับมีใครคิดยื้อแย่ง คิดขับไล่ไสส่ง กันซักเท่าไหร่นัก นั่นก็คือ กระทรวงต่างประเทศ ที่ว่ากันว่า...รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงรายเดิม อย่างท่านรัฐมนตรี ดอน ปรมัตถ์วินัย ท่านชักถอดใจ หรือคิดจะถอดเขี้ยว ถอดงา กลับไปอยู่บ้านเลี้ยงหลานตามปกติจนถึงกับมีข่าวล่า-ข่าวลือ ว่าอาจมีการขอเปลี่ยน ขอแลกกระทรวง ระหว่างกระทรวงแรงงาน ในโควตาของพรรครวมพลังประชาชาติไทย กับกระทรวงต่างประเทศ แบบชนิดยื่นหมู ยื่นแมว ยื่นขนม แลกขนม เอาเลยถึงขั้นนั้น...
------------------------------------------------------
ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้น หรือเป็นไปตามที่ลือๆ กันไปเอง ก็น่าจะ เข้าท่า มิใช่น้อย เพราะถ้าภาคีราชบัณฑิตยสภา อย่างอาจารย์ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ท่านมีโอกาสได้ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศขึ้นมาจริงๆ แล้วล่ะก็ ด้วยมุมมอง วิสัยทัศน์ กระบวนทัศน์ ที่ผ่านการพาราไดม์ ชิฟต์ มาเรียบร้อยแล้ว โอกาสที่จะ นิว นอร์มอล อะไรต่อมิอะไร ในด้านกิจการต่างประเทศ หรือในด้านการปรับเนื้อ ปรับตัว เพื่อให้สอดคล้อง กลมกลืน ไปกับ กระแสโลก ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปรไป หรือไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป น่าจะเป็นอะไรที่เข้าทางเท้า เข้าทางตีน ท่านอยู่พอสมควร...
-------------------------------------------------------
เพราะแม้ว่ารัฐมนตรีคนเก่า ท่านจะเก่งกาจ เชี่ยวชาญ และถนัดในงานด้านนี้มาโดยตลอด แต่สำหรับโลกยุคใหม่ โลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างชนิดฉกาจฉกรรจ์พอสมควร ท่านอาจออกไปทาง โอลด์ นอร์มอล อยู่บ้างไม่มากก็น้อย พูดง่ายๆ ว่า ท่านโตขึ้นมาท่ามกลาง โลกที่เป็นอเมริกา นั่นแหละเป็นหลัก มุมมอง วิสัยทัศน์ และกระบวนทัศน์ต่างๆ นานา มันเลยอาจไม่ถึงกับสอดคล้อง กลมกลืน ไปกับ โลกที่ไม่ใช่อเมริกา อีกต่อไป ส่วนจะเป็นโลกแบบไหน อย่างไร? อันนั้น...คงต้องค่อยไปหาข้อสรุปในอนาคตเบื้องหน้ากันดูอีกที...
--------------------------------------------------------
แต่ก็อย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า...แนวโน้มที่ ความสงบ-เรียบร้อย หรือ ความมั่นคง ของประเทศในระยะต่อไป คงหนีไม่พ้นต้องขึ้นอยู่กับ ปัจจัยภายนอก มิใช่น้อย ไม่ต่างไปจากยุค หัวเลี้ยว-หัวต่อ เมื่อเกือบศตวรรษที่ผ่านมา ยุคก่อนและหลังปีพุทธศักราช 2475 ยุคที่วิกฤติเศรษฐกิจโลก ก่อให้เกิดสงครามระดับโลกตามมาถึง 2 ครั้ง 2 ครา และทำให้ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาแทบเอาตัวไม่รอด ต้องตกอยู่ภายใต้ปากเหยี่ยว ปากกา จนหนีไม่พ้นต้องถูก แร้ง หรือถูกเสือ สิงห์ กระทิง แรด ภายในประเทศตัวเองรุมทึ้งจนได้...
---------------------------------------------------------
แต่ต้องถือเป็น โชค อยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ...ที่ผู้ซึ่งมีบทบาท หน้าที่และความรับผิดชอบ ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศหรือในกิจการด้านต่างประเทศในช่วงระยะนั้น ล้วนแล้วแต่จัดอยู่ในประเภท “คุณภาพคับแก้ว” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร นายดิเรก ชัยนาม นายกนต์ธีร์ ศุภมงคล ไปจนถึง นายทวี ตะเวทิกุล ฯลฯ เป็นต้น ด้วยมุมมอง วิสัยทัศน์ กระบวนทัศน์ ที่พอจะ ตามโลก ได้ทัน เลยยังพอเอาตัวรอดได้แบบหวุดๆ หวิดๆ แม้อาจต้องถลอกปอกเปิกไปบ้างก็ตามที...
------------------------------------------------------------
ดังนั้น...กระทรวงต่างประเทศที่แทบไม่มีใครยื้อแย่ง ไม่มีใครรุมทึ้ง เหมือนอย่างบรรดากระทรวงเศรษฐกิจทั้งหลาย กลับถือเป็นกระทรวงที่สำคัญเอามากๆ โดยเฉพาะสำหรับโลกยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง และออกจะน่าเสียดาย...ที่อาจารย์ เอนก ท่านดูจะรักปักใจที่จะมานั่งเป็นหัวหน้าไตรภาคี ณ กระทรวงแรงงาน ด้วยเหตุผล กลใด ก็มิอาจทราบได้ ไม่ได้คิดออกแรงดิ้นรน แบบประเภทพวก เรียงหิน พวก ซีทีเอ็กซ์ พวก ตาโต เอาเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ถ้าสามารถยื่นหมู ยื่นแมว แลกขนมกันได้จริงๆ เผลอๆ แถมสเต๊กให้อีก 2-3 ชิ้น ก็ยังน่าจะคุ้มแสนคุ้ม...
-------------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก “The Reckoning”... “Diplomacy is strategy’s twin. – การทูต...คือคู่แฝดของยุทธศาสตร์”
-------------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |