ตฤณ เศรษฐโชค ควงแขนภรรยาคนล่าสุดที่อายุห่างกันถึง 20 ปีและน้องจูเนียร์ลูกชายวัยกำลังน่ารักมาเปิดใจเป็นที่แรก ถึงความรักครั้งสุดท้ายที่ขอประกาศชัดๆตรงนี้เลยว่าเจ้าตัวเป็นคาสโนว่าที่ถอดเขี้ยวเล็บแล้ว ผ่านรายการคุยแซ่บShow พร้อมเผยอุปสรรคอะไรที่เป็นปัญหารักต่างวัยที่ต่างคนต่างปรับตัวเข้าหากัน

ไปเจอกันที่ไหน ?
อ้อย : ที่พัทยา
ตฤณ : เป็นร้านอาหารของเพื่อนรุ่นพี่ ก็ไปเจอเขาที่นั่น รักแรกพบครับ เจอปุ๊ปก็ปิ๊งปั๊ปเลย
อ้อย : เราเฉยๆ
ตฤณ : ช่วงแรกที่เขาไม่ค่อยชอบผมอาจจะเพราะคาแร็คเตอร์ผมดูเป็นมิตร กรุ้มกริ่ม เทคแคร์ดี เขาอาจจะไม่ชอบเพราะดูเจ้าชู้แน่นอน

จีบคุณอ้อยยังไง ?
ตฤณ : พาเขาไปทานข้าว ส่งดอกไม้ไปให้โดยที่ไม่บอกว่าใครส่งบ้าง ชอบชวนเขาไปทานข้าวแล้วก็ส่งเขากลับ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะไว้ตัว ต้องใช้เวลา เรียนรู้ ลองใจกันตั้งหลายรอบ คนนี้เขาไม่ได้ไปไหนใครชวนอะไรง่ายๆ อายุห่างกัน 20 ปี

มีหวั่นใจบ้างไหมเพราะห่างกันเยอะเหมือนกัน ?
ตฤณ : ก็มี ด้วยอายุที่ต่างกัน การใช้ชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ก็จะคนละช่วงเวลา เราฟังเพลงพี่แจ้ เขาฟังฮิปฮอปประมาณนั้น

หลายคนทราบว่าพี่ตฤณมีครอบครัว มีลูกแล้ว ตรงนี้เป็นอุปสรรคปัญหาที่ทำให้ความรักของทั้งคู่ไหม?
ตฤณ : แน่นอน เพราะถ้าเราเป็นผู้หญิง เราก็ต้องรู้สึกว่าเขาเคยผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว แต่ขออนุญาติเรียนจริงๆว่าในช่วงนั้นกับครอบครัวเดิมก็มีปัญหากันสักระยะนึงแล้ว ตรงนี้ก็เลยอาจจะเป็นส่วนนึงที่ตัดสินใจว่าจบตรงโน้นก่อนแล้วค่อยเริ่มกันใหม่ ไม่ใช่อยู่ในช่วงคาบเกี่ยวกัน

มีความกังวลไหมพอเริ่มรู้ว่าคุณตฤณมีครอบครัว เคยมีลูก ?
อ้อย : ก็มีอยู่แล้วเรื่องอย่างนี้ ยังไม่ได้คุยอะไรเยอะแยะ อะไรที่ทำให้พี่ตฤณเอาชนะใจได้เหรอ คือตื๊อบ่อยมาก มาเจอเลย ไม่ค่อยได้โทรมา ตื๊อนานค่ะ ประมาณปีนึง
ตฤณ : ผมคิดว่าสิ่งที่เขายอมรับได้ด้วยความที่เราห่างวัย เขาอาจจะรู้สึกอบอุ่นเหมือนคุณพ่อหรือเปล่า เทคแคร์ เอาใจใส่เขา

พอเราจะเริ่มรักครั้งใหม่พี่รู้สึกมีความกังวลใจหรือว่าไม่สบายใจอะไรยังไงบ้างไหม ?
ตฤณ :  แน่นอนอยู่แล้ว บอกด้วยความเป็นลูกผู้ชายเลย เราผ่านชีวิตครอบครัวมา 2 ครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วก็ตั้งใจว่าจะต้องเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะว่าหนึ่งด้วยวัยมันไม่มีโอกาสที่จะไปอะไรยังไงใหม่อีกแล้ว ตอนนี้เราก็ได้มีพยานรักที่กำเนิดใหม่ขึ้นมาอีก1 คน  ซึ่งเขาก็ยังเด็กมาก 2 ขวบ 10 เดือน เราก็คิดว่าเราพยายามทำหน้าที่ของพ่อหรือผู้นำครอบครัวให้ดีที่สุด

พอเปิดใจแล้วเรามีความกังวลใจหรือข้ามขั้นตอนนั้นยังไงที่เราจะสร้างครอบครัวกับผู้ชายคนนี้ ?
อ้อย : ก็กังวลด้วยความที่เขาเป็นดารา คิดไปต่างๆนาๆว่าจะทำยังไงถ้าคนมอง แต่ก็ไม่ได้ไปปรึกษาใครสังเกตคนรอบข้างเอาแล้วก็ปรับตัว ประทับใจอะไรในตัวเขา เขาก็ใส่ใจดี ใส่ใจทุกอย่าง ดูแลดี

เป็นคุณพ่อตอนอายุเท่าไหร่ เหนื่อยมั้ยเลี้ยงลูกเล็ก?
ตฤณ : ปีนี้ 52 ย่าง 53 แล้ว เหนื่อยซิครับ ลูกตอนนี้กำลังซน ตอนนี้ผมก็จะทำงานหนัก คุณแม่เขาก็จะอยู่บ้านคอยดูแล เรา 52 แล้ว ถ้าลูกจบปริญญาเราคงจะหงอกแหง่กไปงานรับปริญญาลูก เราก็เป็นห่วงมากกว่าว่าช่วงเวลาที่เราเหลืออยู่เราจะเห็นว่าเขาเรียนจบ เติบโต ประสบความสำเร็จหรือเป็นคนดีในสังคมได้ถึงตรงนั้นไหมมากกว่า ถ้างั้นเราก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพเรา ต้องดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นเพื่อที่จะได้อยู่กับเขาได้นานที่สุด
 
เป็นคู่รักต่างวัยที่เคมีลงตัว แต่ต้องมีความต่างวัยบ้าง มันมีอะไรที่ต้องปรับตัวแล้วมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน มีวิธีในการแก้กันยังไง ?
อ้อย : ด้วยความที่เขาโตกว่าแล้วก็หัวโบราณเยอะมาก เขาจะจุกจิกทุกเรื่อง แรกๆเราก็จะนิ่งๆ จะไม่ค่อยพูดหลังๆก็มีบอกแล้ว ก็ทะเลาะกัน แต่เขาก็มีปรับตัวบ้าง
ตฤณ : มันก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเราเป็นวัยเท่านี้เราก็เคยเป็น ด้วยความอารมณ์ร้อน เป็นวัยรุ่น อันไหนที่เยอะไปต้องเตือนตัวเองแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะกัน แต่จริงๆก็เป็นเรื่องการทะเลาะเล็กๆน้อยๆ แล้วก็มีอีกเรื่องด้วยคาแร็คเตอร์เราเวลาเห็นสาว พอหันปุ๊ปเขาก็จะหึง ตรงนี้เราจะต้องเข้าใจเขา
อ้อย : อันนี้ไม่ได้หันแบบธรรมดา หันแบบคอหัก
ตฤณ : ตอนนี้ซื้อที่ครอบตาม้ามาไว้ในรถแล้วจะได้มองไปทางเดียว มองไปอนาคตของเราอย่างเดียว(หัวเราะ)

บอกความในใจกับคุณอ้อยหน่อย ?
ตฤณ : สิ่งที่อาจจะจุกจิกจู้จี้ อาจจะบังคับจิตใจอะไรบางอย่าง บางเรื่องหรืออาจจะทุกเรื่อง ทุกสิ่งก็ด้วยความหวังดี อย่างน้อยคุณก็ทำหน้าที่คุณแม่ของจูเนียร์ได้ดีมากๆ ก็ขอให้คำมั่นให้สัญญาว่า จะดูแลคุณและลูกชายของเราจนกว่าชีวิตผมจะหาไม่
อ้อย : ไม่เคยพูดว่ารักเลย ไม่เคยพูดกับเขาเลย ไม่เคยพูดคำว่ารัก ก็รักค่ะ

มีอะไรอยากจะบอกลูก ตั้งความหวังอะไรไว้กับจูเนียร์บ้าง ?
ตฤณ : ก็พยายามตั้งใจจะเป็นพ่อที่ดีที่สุด อันไหนเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้องที่ผ่านมาของคุณพ่อก็จะไม่ทำแล้ว อยากจะให้เขาเป็นคนที่ดีมีคุณภาพในสังคม เอาส่วนดีๆของทั้งคุณพ่อ คุณแม่อยู่ในเขาก็แล้วกัน