คณะก้าวหน้าเปิดตึกไทยซัมมิทจัดอบรมว่าที่ผู้สมัคร อบจ. "ธนาธร" ประกาศเขย่าการเมืองท้องถิ่น เดิมพันครั้งสำคัญขอกวาดเก้าอี้ 4,000 แห่งทุกระดับเกินครึ่งทั่วประเทศ พูดเสียงดังฟังชัด แข่งด้วยอุดมการณ์ไม่ใช้เงิน ปลุกประชาชนแสดงพลังกันอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่อาคารไทยซัมมิท ชั้น 8 คณะก้าวหน้าจัดอบรมว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่จะมีขึ้นในอนาคต โดยมีทีมผู้สมัคร อบจ. 17 จังหวัดเข้าร่วม
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ก่อนอบรมว่า ทางคณะก้าวหน้าจัดกิจกรรมเพื่อซักซ้อมความเข้าใจให้กับผู้สมัครที่จะลงแข่งขันนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และสมาชิก อบจ.ทั่วประเทศ เบื้องต้นเราส่งประมาณ 18 จังหวัด วันนี้เป็นการพบปะกันครั้งแรกของผู้สมัคร เขากล่าวว่า เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรคไป วงจรของพรรคอนาคตใหม่แตกออกเป็นสองส่วน โดยส่วนหนึ่งคือพรรคก้าวไกล มี ส.ส. 54 คน ที่ยังยึดมั่นและหนักแน่นในอุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ ทำงานการเมืองระดับชาติในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ ก็ไม่หยุดยั้งทำงานการเมือง เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในนามของคณะก้าวหน้า โดยคณะก้าวหน้าจะทำงานการเมืองระดับท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น อบจ. เทศบาล อบต. การเมืองท้องถิ่นทุกระดับ
นายธนาธรเผยว่า คณะก้าวหน้ายืนยันที่จะใช้แนวทางของอดีตพรรคอนาคตใหม่เดิม คือการแข่งขันด้วยอุดมการณ์ ความจริงใจ ความคิดสร้างสรรค์ เอานโยบายใหม่ๆ มาพัฒนาเมือง ท้องถิ่น จังหวัด ยืนยันว่าจะไม่มีการใช้เงินซื้อเสียง เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการคอร์รัปชัน ถ้าเราใช้เงินในการทำงานการเมืองเมื่อใด เมื่อมีอำนาจก็จะใช้อำนาจนั้นในการถอนทุนคืน ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และทำให้ประชาธิปไตยไม่เข้มแข็ง
"สิ่งที่เราต้องการคือทำงานการเมืองโดยไม่ใช้เงิน ไม่ใช้อิทธิพล ไม่ใช้เครือข่ายราชการ เราจะทำงานการเมืองแบบที่อนาคตใหม่เคยทำมาคือ การใช้ความคิดเป็นตัวนำ ความสร้างสรรค์ และนโยบาย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแนวคิดจะส่งผู้สมัครลงแข่งขันผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ ประธานคณะก้าวหน้าตอบว่า ตอนนี้เรายังไม่ได้ให้ความสำคัญถึงตรงนั้น เรายังอยู่ระดับนายก อบจ. เทศบาล และ อบต. ในส่วนของ อบจ. 18 จังหวัด เรายังจะเปิดรับเรื่อยๆ สำหรับทุกคนที่สนใจ ส่วนในระดับเทศบาลและตำบลคงไม่ใช่ 18 จังหวัด แต่เป็นทั่วประเทศ ดังนั้นหากใครที่เบื่อ ทนไม่ไหว ที่เห็นบ้านตัวเองไม่ได้รับการพัฒนา อยากเปลี่ยนแปลงบ้านเกิดตัวเองให้สวยงามและน่าอยู่ มาร่วมกับคณะก้าวหน้า โดยไม่จำเป็นต้องเป็นตระกูลการเมืองหรือเป็นคนที่มีชื่อเสียง
ต่อมานายธนาธรกล่าวเปิดการอบรมตอนหนึ่งว่า เรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น เรามีความตั้งใจไว้แล้วตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ ถ้าไม่ถูกยุบไปเสียก่อนก็ส่งแน่นอน แต่เมื่อถูกยุบจึงแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ พรรคก้าวไกล ที่ ส.ส.ทำงานในสภาผู้แทนราษฎร กับคณะก้าวหน้า ที่กรรมการบริหารที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองทุกคนยังอยู่ครบและทำงานกันต่อ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.งานรณรงค์ปักธงทางความคิด เช่น แก้รัฐธรรมนูญ ทลายทุนผูกขาด ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เป็นต้น 2.งานการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เราจะส่งลงแข่งขันจากองค์กรบริหารการปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 7,800 องค์กร เป้าหมายของเราในการส่งครั้งนี้คือส่งมากกว่าครึ่ง นั่นคือ 4,000 แห่งทั่วประเทศในทุกระดับ
นายธนาธรกล่าวอีกว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้มีความสำคัญหลายประการ ได้แก่ 1.เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งแรกอย่างน้อยในรอบ 7 ปี ในยุคสมัยที่ผู้คนต้องการความเปลี่ยนแปลง ต้องการเห็นสิ่งใหม่ๆ นี่คือโอกาสดีที่เราจะได้เสนอคนใหม่ นโยบายใหม่ และรูปแบบการทำงานแบบใหม่ให้กับท้องถิ่น 2.เป็นการต่อสู้กับเผด็จการ เพราะภายหลังยึดอำนาจเมื่อปี 2557 คสช.ก็ได้ดึงอำนาจกลับเข้าสู่ส่วนกลางหมด ไม่ว่าจะเป็นการปลดนายกท้องถิ่น แต่งตั้งข้าราชการส่วนกลาง หรือแม้แต่ให้ทหารไปร่วมจัดสรรงบประมาณ เป็นต้น
3.เป็นการยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เพื่อให้ท้องถิ่นมีอำนาจ มีงบประมาณอย่างแท้จริง เราจะผนึกกำลังกันอย่างเป็นเอกภาพเพื่อทวงคืนอำนาจให้ท้องถิ่นได้ดูแลจัดการทรัพยากรและกำหนดอนาคตตัวเอง และ 4.นี่คือการเดิมพันครั้งสำคัญของประเทศ เราต้องการรวมคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงบ้านเกิดตนเองมาทำงานด้วยกัน ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครส่งเลือกตั้งท้องถิ่นในแคมเปญเดียวกันแบบนี้
"เราจะส่งผู้สมัครลง อปท. 4,000 แห่ง ภายใต้ชื่อเดียวกัน อุดมการณ์เดียวกัน กรอบนโยบายแบบเดียวกัน ทำให้ประชาชนตื่นตัว เห็นความสำคัญ เพราะท้องถิ่นถ้าทำให้ดี อย่างมีคุณภาพ เราจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ อีกทั้งการเมืองท้องถิ่นเป็นสิ่งที่ยึดโยงกับประชาชน ตอบโจทย์คนท้องถิ่นอย่างแท้จริง"
ประธานคณะก้าวหน้ากล่าวว่า ก้าวต่อไปของคณะก้าวหน้า เราจะใช้รูปแบบการทำงานแบบพรรคอนาคตใหม่มาทำงานกับการเลือกตั้งท้องถิ่น คือ 1.ไม่ซื้อสิทธิ์ ไม่ใช้เงินซื้อเสียง เราจะไม่ใช้เงินทำงาน เพราะเมื่อไหร่ที่ใช้เงิน พอมีอำนาจก็อาจเข้าไปทุจริตคอร์รัปชันถอนทุนคืน ดังนั้น อาวุธของเราที่สำคัญคือความคิดและการรณรงค์ 2.ไม่ใช้อิทธิพล
ทั้งนี้ การเลือกตั้งระดับชาติที่ผ่านมาความรุนแรงน้อยลง ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่ดี เราหวังว่าเลือกตั้งท้องถิ่นคงเป็นเช่นกัน เรายืนยันจะไม่ใช้อิทธิพล แต่สิ่งที่จะใช้คือแนวคิดที่ถูกต้อง นโยบายที่ดี แคมเปญการรณรงค์ที่มีพลัง พวกเราเคยเขย่าประเทศไทยมาแล้วด้วยกันในการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อต้นปีที่แล้ว
นายธนาธรกล่าวว่า วันนี้ขอเชิญชวนทุกคนมาเขย่าประเทศไทยด้วยกันอีกครั้งในระดับรากฐาน จากระดับการเลือกตั้งท้องถิ่น ให้ขีดการเลือกตั้งเป็นที่ส่งเสียงความต้องการประชาชนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง ให้ขีดการเลือกตั้งที่เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของประชาชนในการสร้างความเปลี่ยนแปลงกลับมามีพลังอีกครั้ง มาทำงานร่วมกัน เราเคยทำได้แล้วในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเลือกตั้งท้องถิ่นจะเกิดอีกเมื่อไหร่ แต่เชื่อว่าถ้ายึดแนวทางที่ถูกต้อง อุดมการณ์ที่ถูกต้อง วิธีการที่ถูกต้อง เราจะทำสำเร็จอีกครั้ง
"วันนี้คณะก้าวหน้าพร้อมจะเขย่าการเมืองท้องถิ่น เพื่อปลุกความหวังของผู้คน เพื่อปลดปล่อยศักยภาพของถิ่น ตนอยากฝากไปถึงประชาชนทุกคนว่า ถ้าที่ผ่านมาท่านเลือกอนาคตใหม่ แต่กลับได้อนาคตเก่า ดังนั้นนี่จะเป็นอีกครั้งที่จะแสดงพลัง ส่งเสียงตัวเองว่าประเทศต้องการอะไร ผ่านการเลือกตั้งท้องถิ่นที่เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของประชาชนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง"
นายธนาธรกล่าวว่า ผู้สนใจอยากร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลง อยากพัฒนาบ้านเกิด หากท่านมีความมุ่งมั่น พร้อมปลดปล่อยศักยภาพของตัวเองและท้องถิ่นของตัวเอง คณะก้าวหน้าเปิดกว้าง เราเปิดรับสมัครผู้มาร่วมเป็นตัวแทนลงเลือกตั้งท้องถิ่นในนามคณะก้าวหน้าด้วยกัน
ด้านนายชำนาญ จันทร์เรือง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า อดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ กล่าวอภิปรายเรื่อง "แนวคิดจังหวัดจัดการตนเองและการเคลื่อนไหวถึงปัจจุบัน" ช่วงหนึ่งว่า จังหวัดจัดการตนเองเริ่มจากเมื่อปี 2550 จากการเสนอแนวคิดร่าง พ.ร.บ.บริหารราชการเชียงใหม่มหานคร ซึ่งตนเป็นประธานร่างกฎหมายฉบับนี้ รณรงค์ขับเคลื่อนกลุ่มเชียงใหม่จัดการตนเอง โดยหลักการยกเลิกราชการบริหารส่วนภูมิภาค มีผู้ว่าราชการมาจากการเลือกตั้ง มีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน การให้มีสภาพลเมืองที่มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบ และการปรับโครงสร้างด้านภาษี โดยภาษีทุกชนิดที่เก็บได้ในพื้นที่จะส่งคืนรัฐบาลส่วนกลางร้อยละ 30 และคงไว้ที่จังหวัดร้อยละ 70 ขณะที่จังหวัดอื่นก็เคลื่อนไหวรณรงค์ แต่เกิดรัฐประหารเสียก่อน เครือข่ายจังหวัดจัดการตนเองแม้ไม่ได้เคลื่อนไหวในช่วงนั้น เราก็ทำเรื่องต่างๆ ถอดบทเรียนกัน
เขากล่าวด้วยว่า หลังมีการเลือกตั้งทั่วไป 2562 เกิดขึ้น ตนได้รับเลือกเป็น ส.ส. ก็มีโอกาสเป็นประธานอนุกรรมาธิการปกครองท้องถิ่นฯ ก็นำเรื่องนี้กลับขึ้นมาใหม่ เป็นร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารจังหวัดจัดการตนเอง ใช้ฐานเดิมมายกร่าง พิจารณาหลายมาตราไปเกือบเสร็จ พวกตนก็ถูกสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ ต้องออกมาข้างนอก แต่เขาก็ยังดำเนินการต่อ ตั้งตนเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการฯ เชิญไปพรีเซนต์วันพุธ (8 ก.ค.) ที่จะถึงนี้ เพื่อจะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และตนเชื่อว่าคงไม่มีพรรคไหนที่จะคัดค้าน เพราะทุกพรรคไปหาเสียงหมดเรื่องกระจายอำนาจ ลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจประชาชน ขอให้สำเร็จได้ และเสนอลงประชามติจังหวัดจัดการตัวเองขึ้นมา
วันเดียวกันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และรองประธานคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 จังหวัดสมุทรปราการ ว่าวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคจะได้มีการลงมติรับรองตัวผู้สมัครที่จะเป็นตัวแทนของพรรคในการลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตดังกล่าว ส่วนการตั้งผู้อำนวยการการเลือกตั้งซ่อมในเขตดังกล่าวของพรรคนั้น ทางพื้นที่กับตัวผู้สมัครจังหวัดสมุทรปราการจะต้องไปพูดคุยกันก่อนว่าเห็นใครเหมาะสม จากนั้นจึงส่งชื่อให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาให้ความเห็นชอบและเซ็นแต่งตั้งต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |