"สมเด็จพระสังฆราช" รับสั่งพระสงฆ์ไทยโชคดีไม่ติดโควิด นายกฯ ขอบคุณทุกคณะสงฆ์ดูแลกันเองดี ช่วยลดภาระรัฐบาล เตรียมทำบุญประเทศหลังสถานการณ์เบาลง ศบค.พบติดเชื้อเพิ่ม 1 รายกลับจากบาห์เรน ผลตรวจสถานบันเทิงให้ความร่วมมือดี เผยต่างชาติ 1.7 พันคนแห่ขอเข้ารักษาในไทย ส่วนทราเวลบับเบิลได้ข้อสรุปกลางเดือน ส.ค.
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และสมเด็จพระวันรัต ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เพื่อถวายเทียนพรรษาและเครื่องสักการะเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2563 ว่า สมเด็จพระสังฆราชประทานพรแก่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล และขอให้ทุกคนระมัดระวังเป็นห่วงสุขภาพบ้าง เพราะพระองค์ทรงทราบว่ารัฐบาลและคณะรัฐมนตรีทำงานหนัก
นายกฯ กล่าวว่า สมเด็จพระสังฆราชและสมเด็จพระวันรัตพูดตรงกันว่าเป็นเรื่องที่โชคดีที่พระสงฆ์บ้านเราไม่มีสถิติติดเชื้อโควิด-19 เลย ตนจึงชื่นชมไปว่าทางคณะสงฆ์ต่างๆ ดูแลกันเองได้เป็นอย่างดี เป็นสิ่งที่ช่วยลดภาระลงไปได้เยอะ นอกจากดูแลพระแล้วยังช่วยดูแลประชาชนด้วย เป็นสิ่งที่ดี จึงกราบขอบคุณไปยังทุกคณะสงฆ์ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายแล้ว มีแนวคิดจะทำบุญประเทศหรือไม่ อย่างไร พล.อ ประยุทธ์กล่าวว่า จะต้องพิจารณาความเหมาะสมและสถานการณ์ก่อน แต่วันนี้สถิติยังมีการแพร่ระบาดในสถานที่กักกันของรัฐ ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปให้ครบ 14 วัน หลังผ่อนคลายระยะที่ 5 ไปแล้ว ขณะนี้เรายังเป็นห่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด และต้องเตรียมการรับมือ โดยมีงบประมาณดูแล
เมื่อถามว่า มีแขกของรัฐบาลประเทศใดบ้างที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย นายกฯ กล่าวว่า มีติดต่อมาบ้างแล้ว ซึ่งจะเป็นบุคคลที่เข้ามาในเรื่องของการฝึก อาทิ ผู้บัญชาการทหารบกของสหรัฐอเมริกาที่จะมาประชุมเพื่อเตรียมการฝึกร่วมกับประเทศไทย ขณะนี้เรากำลังพิจารณาเปิดกิจการสถานพยาบาลที่รับการรักษาให้กับชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาประเทศไทย
ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 1 ราย อยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,180 ราย หายป่วยสะสม 3,066 ราย ซึ่งไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย และไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกัน 39 วัน สำหรับผู้ป่วยเพิ่ม 1 รายนั้น เป็นหญิงอายุ 24 ปี เดินทางมาจากประเทศบาห์เรน เดินทางมาถึงประเทศไทยวันที่ 28 มิ.ย. เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐที่ จ.ชลบุรี ผลตรวจพบเชื้อโควิดในวันที่ 1 ก.ค.
ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อ 10,970,706 ราย และเสียชีวิต 523,171 ราย สำหรับคนไทยที่ตกค้างในต่างประเทศ และจะเดินทางถึงประเทศไทย 1 เที่ยวบิน จำนวน 250 ราย ในวันที่ 4 ก.ค. มี 4 เที่ยวบิน จำนวน 472 ราย ทั้งนี้ คนไทยที่อยู่ต่างประเทศขอให้รีบตัดสินใจตอนนี้ จะได้มีการจัดคิวให้ท่านกลับมา ซึ่งพื้นที่ของรัฐในการรองรับมีเพียงพอ
สถานบันเทิงร่วมมือดี
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า การตรวจกิจการและกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลายในระยะที่ 5 นายกรัฐมนตรีได้กำชับว่า ครั้งนี้มาตรการต่างๆ สุ่มเสี่ยงอยู่มาก จึงได้ให้ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) นำทีมลงพื้นที่ตรวจ พบว่าส่วนใหญ่สถานบันเทิงให้ความร่วมมือดีทุกแห่ง ต้องขอชื่นชม แต่มีประเด็นที่ตรวจเจอ เมื่อช่วงเช้า และวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ยังมีบางแห่งยังเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อยๆ และต้องมีการสัมผัสกันเรื่อยๆ จึงต้องระวัง ซึ่งภาพการนั่งห่างต้องเกิดขึ้น และต้องมีการทำความสะอาดบ่อยๆ ซึ่งจะมีความเข้มของการตรวจและการตรวจในครั้งต่อๆ ไป ผู้ประกอบการจะต้องขอดูผู้เข้าไปตรวจสอบว่ามีแอปพลิเคชันผู้พิทักษ์ไทยชนะหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแอบอ้าง
โฆษก ศบค.กล่าวว่า ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ มีการประชุม ศบค.ชุดเล็ก มีการนำเสนอร่างการจัดการข้อปฏิบัติ เรื่องการนำเอาผู้ป่วย ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศในฐานะผู้ป่วย เพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาลของไทย ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นคู่สัญญา เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่เข้ามารักษาโรคอื่นที่ไม่ใช่โรคโควิด-19 อาจจะมาเสริมความงาม โดยจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 14 วัน แม้ว่าอาจจะใช้เวลารักษาแค่ 2-3 วันก็ตาม จากนั้นอาจจะวางแผนให้กลุ่มดังกล่าว หากอยากไปท่องเที่ยว สามารถไปท่องเที่ยวได้ทุกที่ในประเทศไทย จะจัดทัวร์ให้กลุ่มนี้ ซึ่งจะเห็นภาพวันที่ 1 ส.ค.
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนและคลินิกสมัครเข้ามา 62 แห่ง มีเตียงรองรับ ทั้งนี้ผู้ที่จะเข้ามาจะไม่มีการเปิดด่านพรมแดนให้รถยนต์ผ่านมาเข้า-ออก แต่จะขอเฉพาะคนที่เดินทางมาทางเครื่องบินเท่านั้น ขณะนี้มีผู้เริ่มลงทะเบียนที่จะขอเข้ามารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทยแล้ว 17 ประเทศ รวมแล้ว 1,700 คน โดยมีประเทศที่ขอเข้ามาในเดือน ก.ค.นี้ อาทิ จีน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต เป็นต้น
ส่วนวันที่ 1 ก.ย. ที่บอกว่าจะให้คนต่างชาติเข้ามาเที่ยวนั้น อาจใช้เป็นกรณีพิเศษ คือกลุ่มเฉพาะที่เราดูแลได้ คือการจับคู่การเดินทางระหว่างประเทศที่มีความปลอดภัยจากโควิด-19 สูง (ทราเวล บับเบิล) อาจจะอนุญาตให้กลุ่มเฉพาะที่เราดูแลได้เริ่มต้นลองเข้ามา ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น ทราเวลบับเบิลจะเกิดขึ้นตามมา แต่ใน 11 กลุ่มเราเน้นนักธุรกิจ หรือผู้ป่วยที่ต้องเข้ามารับการรักษาในประเทศเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่การเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวแบบเดิม
เมื่อถามว่า การเข้ามารักษาโรงพยาบาลในไทย ญาติหรือผู้ติดตามสามารถเข้ามาได้กี่คน และผู้ป่วยที่รับการรักษาไม่ครบ 14 วัน ต้องกักตัวที่ประเทศไทยหรือสามารถกลับประเทศได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า มีผู้ติดตามได้ไม่เกิน 3 คน ต้องมีการลงทะเบียน และมีใบนัดหมายแพทย์ประกอบ และอยู่โรงพยาบาลอย่างน้อย 14 วัน หากไม่ครบ 14 วันจะไม่ให้ออก
ส่วนที่มีการระบุว่า หากมีการระบาดรอบสองจะทำอย่างไร หากเตียงไม่เพียงพอเพราะมีกลุ่มคนเหล่านี้มานอนนั้น นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณามาตรการผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ให้ดูเรื่องเตียงและทรัพยากรไว้แล้ว ต้องไม่เกิดเรื่องการแย่งเตียงหรือทรัพยากรเหล่านี้ ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดยาวในสัปดาห์นี้ เราหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากประชาชน ทุกคนต้องเที่ยวอย่างมีสติ เที่ยวอย่างปลอดภัย ไม่ให้ป่วย และเพื่อไม่ให้มีการปิดกิจการอีกรอบเหมือน ในต่างประเทศ เพื่อให้เราผ่านมาตรการระยะที่ 5 ยิ่งเราทำดีเท่าไหร่ คนต่างชาติก็อยากเข้ามา
ส.ค.ได้ข้อสรุปทราเวลบับเบิล
ด้าน พล.อ.สมศักดิ์กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์หลังผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 5 ว่ามีการประเมินทุกวัน ซึ่งหลังเปิดเทอม 2 วันแรก ได้รับความร่วมมือจากโรงเรียนต่างๆ เป็นอย่างดี ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่สถานบันเทิงนั้น หน่วยงานด้านความมั่นคงจะมีการเข้าไปตรวจสอบ ทั้งที่มีการแจ้งล่วงหน้าและไม่แจ้งล่วงหน้า แม้ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ต้องขอความร่วมมือ จะต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด หากสถานที่ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการจะต้องถูกลงโทษและสั่งปิดทันที
เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ จะมีการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ชุดเล็ก เพื่อประเมินสถานการณ์?รายวัน และหารือถึงความเป็นไปได้ของโครงการจับคู่ประเทศท่องเที่ยว หรือทราเวล บับเบิล เพราะไทยไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวในจำนวนเท่าเดิมได้อีก และต้องมีเงื่อนไขเป็นพิเศษ ที่ต้องมั่นใจว่าสามารถควบคุมนักท่องเที่ยวเหล่านี้ได้ และนักท่องเที่ยวสามารถใช้จ่ายในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ที่จะต้องดูรายละเอียดในหลายมิติ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความคืบหน้าโครงการทราเวลบับเบิลนั้น จะต้องทำความตกลงกับประเทศนั้นๆ ก่อน คาดว่าจะมีความพร้อมอย่างเร็ว คือในช่วงกลางเดือน ส.ค. ขณะนี้มีหลายประเทศติดต่อเข้ามาเป็นคู่ประเทศ แต่มีเพียง 5 ประเทศ ที่มีประสิทธิภาพด้านระบบสาธารณสุขดี ใกล้เคียงกับประเทศไทย และมีจำนวนผู้ติดเชื้อไม่มาก ซึ่งเป็นประเทศที่ความพร้อมและอยู่ระหว่างการเจรจา ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน (บางมณฑล)? ฮ่องกง เกาหลี และสิงคโปร์ ส่วนการอนุญาตให้นักธุรกิจและนักลงทุน?เข้าประเทศได้นั้น หากอยู่เกิน 14 วัน จะต้องมีการกักตัวในสถานที่ที่ต้องจ่ายเงินเอง สามารถ?เลือกโรงแรมที่ได้รับการอนุญาตได้เอง แต่หากมาประเทศไทยไม่ถึง 14 วัน จะมีมาตรการติดตามตัว โดยมีการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นทาง และเมื่อมาถึงประเทศไทยจะต้องมีการตรวจซ้ำอีกครั้ง พร้อมยังมีการตรวจโรคก่อนเดินทางกลับประเทศด้วย
สำหรับการกำหนดการเดินทางเข้า-ออกประเทศของชาวต่างชาตินั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ที่อาจจะกำหนดไว้ไม่เกินวันละ 200-300 คน พร้อมย้ำว่าตลอดช่วงเดือน ก.ค. จะยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย จึงขอให้ประชาชนสบายใจได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีการนำเสนอร่างการจัดการข้อปฏิบัติเรื่องการนำเอาผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาลว่า คาดว่าจะนำเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ในต่างประเทศมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น หลายประเทศได้เปลี่ยนมาตรการในการรับมือ เช่นจีนและญี่ปุ่น ได้ขยายระยะเวลาในการกักตัว หากเราจะทำมาตรการรองรับผู้เดินทางท่องเที่ยวจากต่างประเทศในวงจำกัด หรือทราเวลบับเบิลกับประเทศใด จะต้องยอมรับกติกาของทั้งสองฝ่าย ส่วนประเทศที่ยังมีการระบาดหนักอยู่ เรายังไม่สามารถเจรจาอะไรได้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่มีอาการป่วยและต้องการเข้ามารักษาในประเทศไทยจะต้องดูเป็นกรณีๆ ไป
เมื่อถามถึงการผ่อนคลายในระยะที่ 6 นายอนุทินกล่าวว่า ในระยะที่ 5 เรามีการผ่อนคลายเกือบจะทุกกิจการและกิจกรรมแล้ว ในระยะที่ 6 คงเป็นการผ่อนคลายในกิจการและกิจกรรมที่ยังไม่ได้เปิด เช่น กีฬา อย่างไรก็ตามต้องประเมินผลการผ่อนคลายในระยะที่ 5 ก่อน วันนี้เข้าวันที่ 3 แล้ว ถือว่ายังควบคุมได้ดีอยู่
ส่วนการแก้ไขพระราชบัญญัติโรคติดต่อนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ในส่วนนี้รออธิบดีกรมควบคุมโรคเสนอรายละเอียดขึ้นมาก่อน โดยอาจจะพิจารณาอุปสรรคของการใช้กฎหมายว่ามีส่วนไหนต้องปรับปรุงแก้ไข
นายอนุทินกล่าวถึงความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ว่า กำลังพัฒนาไปตามขั้นตอนของสถาบันที่กำลังค้นคว้าวิจัย เบื้องต้นทราบว่าผลของการทดลองในแต่ละครั้งดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะทดลองกับหนู เพียงแต่ยังไม่ถูกนำมาทดลองในมนุษย์ ขณะที่การทดลองในลิงก็ยังไม่ดีเท่ากับทดลองในหนู ซึ่งต้องกลับไปแก้ไขการผลิตวัคซีน ไม่ใช่ดูแค่ผลว่าดีหรือไม่ แต่ภูมิคุ้มกันต้องอยู่ได้นานด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |