3 ก.ค.63 - ที่รัฐสภา น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายช่วงหนึ่งว่า ไม่อาจรับหลักการของร่างกฏหมายนี้ได้ เพราะรัฐบาลตั้งต้นประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจคลาดเคลื่อน ทำให้ตั้งงบประมาณผิดพลาด และรัฐบาลกำลังทำให้ประเทศล้มละลายทางการคลัง อย่างไรก็ตาม ตามปกติหากเงินคงคลังสะสมไว้ในระดับสูง การเก็บรายได้ที่ต่ำกว่าเป้าก็เกิดความกังวลน้อย แต่ขณะนี้สถานการณ์เงินคงคลังของประเทศตึงตัวอย่างมาก เพราะรัฐบาลได้นำคงคลังออกมาชดเชยในการจัดเก็บรายได้ไม่ได้ตามเป้าติดตามหลายปีงบประมาณ ดังนั้น หากในปี 64 รัฐบาลจัดเก็บรายได้ไม่เป็นไปตามคาดอีก จะทำให้ประเทศสุ่มเสี่ยงล้มละลายทางการคลังทันที
น.ส.จิราพร กล่าวว่า สถานะหนี้สาธารณะอยู่ที่ 58-56 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ซึ่งถือว่าปริ่มเกินกรอบความยั่งยืนทางการการเงินการคลังมากแล้ว แต่อย่าลืมว่าเรามีอีกปัจจัยที่ต้องสนใจ หากจีดีพีปี 64 สูงไม่เท่ากับที่รัฐประมาณการจะทำให้หนี้สาธารณะพุ่งเกินกรอบทันที อีกทั้งประเทศจะสูญเสียวินัยทางการเงินการคลัง
“ขอเสนอให้รัฐบาลจัดงบประมาณรายจ่ายปี 64 ต่ำกว่า 3.3 ล้านล้านบาท โดยวงเงินที่เหมาะสมคือไม่ควรเกิน 3.2 ล้านล้านบาท หรือหมายความว่าต้องตัดงบ 1 แสนล้านบาท ซึ่งมีหลายส่วนที่สามารถตัดได้ เช่น งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา จำนวน 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ซ้ำซ้อนกับพ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท อีกทั้งยังสามารถตัดงบลงทุนกระทรวงกลาโหม เช่น งบซื้ออาวุธ นอกจากตั้งไว้ในกระทรวงกลาโหมแล้ว ยังกระจายแอบแฝงอยู่ในส่วนอื่นๆอีกด้วย รวมถึงงบก่อสร้างอาคารที่พักของข้าราชการกระทรวงกลาโหม ถามว่างบเหล่านี้จำเป็นเพียงใดในยามวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น” น.ส.จิราพร กล่าว
ส.ส.ร้อยเอ็ด กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลา 2-3 วันที่มีการอภิปราย ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเห็นตรงกันว่า รัฐบาลควรส่งเสริม อุตสาหกรรมอาหารปลอดภัย อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ และอุตสาหกรรมทางการแพทย์และสาธารณุสข แต่เมื่อดูการจัดทำงบปีนี้ ไม่ได้จัดอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ต้องจัดงบให้พุ่งตรงไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ยุทธศาสตร์ทั้ง 3 เรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากรัฐบาลไม่ได้ทำ 4 ข้อ ดังนี้ 1.ต้องปฏิรูปราชการครั้งใหญ่ เพื่อให้เล็กลงมีความคล่องตัว 2.กระจายอำนาจท้องถิ่น 3.ต้องปฏิรูประบบการศึกษา เพื่อสร้างคุณภาพให้กับบุคลากรของประเทศ และ 4.ต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารประเทศ รองรับความเปลี่ยนแปลง หากไม่รื้อทำงบประมาณใหม่จะกลายเป็นระเบิดเวลาที่จะพาประเทศไทยเข้าสู่ภาวะล้มลายทางการคลัง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |