เศรษฐกิจยังทรุด หั่นจีดีพีติดลบ 8% ไตรมาส2ร่วงหนัก


เพิ่มเพื่อน    

  กกร.หั่นจีดีพีปี 63 อยู่ที่ติดลบ 8% เหตุเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นแม้คลายล็อก ประเมินไตรมาส 2 ร่วงหนักสู่เลขสองหลัก   หวังมาตรการเยียวยาโควิด 4 แสนล้านประคอง ศก.ผงกหัวได้ครึ่งปีหลัง

    เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ในเดือน พ.ค.และ มิ.ย.2563 แม้ภาครัฐทยอยคลายล็อกให้กิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาเปิดดำเนินการ แต่เครื่องชี้เศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะหดตัว จากกำลังซื้อที่อ่อนแอของครัวเรือนและภาคธุรกิจ ส่งผลต่อบรรยากาศการใช้จ่ายภายในประเทศ ขณะเดียวกัน การส่งออกและการท่องเที่ยวยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยและสถานการณ์โควิดในต่างประเทศที่ยังไม่ยุติทิศทางดังกล่าว คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 หดตัวลงลึกสู่อัตราเลขสองหลัก
    ดังนั้น ที่ประชุม กกร.จึงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงข้างหน้า ขณะที่ล่าสุดทั้งผลการค้นหากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และผลการค้นหาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2563 ลงมาที่ -7.7% และ -8.1% ตามลำดับ ทั้งนี้ จากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่ยังมีประเด็นท้าทายอยู่มากดังกล่าว ในการประชุมรอบนี้ กกร.จึงได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 2563 ลงมาเป็น -8.0% ถึง -5.0% จากเดิมที่ -5.0% ถึง -3.0%
    ขณะเดียวกัน ได้ปรับลดกรอบประมาณการการส่งออกมาเป็น -10.0% ถึง -7.0% จากเดิม -10.0% ถึง -5.0% และปรับลดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมาที่ -1.5% ถึง -1.0% จากเดิม -1.5% ถึง 0.0% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มเศรษฐกิจยังเผชิญความไม่แน่นอนสูง จากการระบาดของไวรัสโควิดในบางประเทศที่ยังรุนแรง ซึ่งจะทำให้การเปิดพรมแดนระหว่างประเทศของไทยคงเกิดขึ้นอย่างจำกัด ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว
    "ขณะที่แรงฉุดจากเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน และประเทศอื่นๆ ตลอดจนเงินบาทที่แข็งค่า อาจยังกดดันการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะหมวดสินค้าไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพ" นายปรีดีระบุ
    อย่างไรก็ตาม มาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด ควบคู่กับแรงขับเคลื่อนจากกลไกภาครัฐผ่านการอนุมัติแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 400,000 ล้านบาท ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จะเข้ามาช่วยประคองให้เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีทยอยฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด ซึ่งการกลับสู่ภาวะปกติก่อนโควิดของกิจกรรมทางเศรษฐกิจคงต้องใช้เวลา และจำเป็นต้องอาศัยการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง  
    นอกจากนี้ กกร.ได้ร่วมหารือรับมอบนโยบายจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเอสเอ็มอีอย่างทั่วถึง โดยมี 1.กองทุน 50,000 ล้านบาท โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เป็นผู้จัดตั้งกองทุน และ 2.การเพิ่มสัดส่วนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่ 7 ก.ค.นี้ หากผ่านความเห็นชอบจาก ครม. จะสามารถดำเนินการภายในเดือน ส.ค.นี้.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"