“ประยุทธ์” นั่งหัวโต๊ะประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เคาะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน ระบุเพื่อให้ผ่อนปรนระยะที่ 5 ทำได้ ย้ำเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่อาจระบาดรอบ 2 ดูได้จากต่างประเทศ ปัดไม่เกี่ยวกับการลิดรอนสิทธิ “หมอทวีศิลป์” เปิดรายละเอียดเฟส 5 ธุรกิจสีแดงเฮทั่ว ทั้ง “ผับ-บาร์-อาบอบนวด” 1 ก.ค.เปิดได้ แต่คงมาตรการเข้ม ระบุเที่ยงคืนสถานบริการต้องปิด หากที่ใดพบผู้ติดเชื้อลงดาบแน่ “สธ.” แจงข่าวดีวัคซีนเริ่มเห็นแสง ขยับทดลองในคนเร็วขึ้น
เมื่อวันจันทร์ ในเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับมอบเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์จากนายหยาง ซิน อุปทูตรักษาราชการแทนเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ในฐานะตัวแทนรัฐบาลจีน ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 โดยมีหน้ากากอนามัย 1,300,000 ชิ้น, หน้ากาก N95 จำนวน 70,000 ชิ้น, ชุดตรวจ Test Kit COVID-19 จำนวน 150,000 ชุด และชุด PPE จำนวน 70,000 ชุด
ต่อมาเวลา 09.20 น. พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จำนวน 88 ราย จากเงินบริจาคบัญชีสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 2,980,000 บาท
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกฝ่ายซาบซึ้งในการทำงานของบุคลากรในการรับมือกับภัยโควิด-19 เพราะไม่ว่าเป็นแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต่างๆ จนเราได้รับการชื่นชมว่ามีระบบการแพทย์และสาธารณสุขที่เข้มแข็ง องค์กร Global COVID-19 หรือ (GCI) จัดคะแนนดัชนีและอันดับให้ไทยเป็นประเทศที่ฟื้นตัวจากโควิด-19 เป็นอันดับ 2 จาก 184 ประเทศทั่วโลก จึงถือเป็นความภาคภูมิใจของไทย แต่เรายังคงต้องทำเช่นนี้ต่อไป
"มาตรการใดที่สามารถผ่อนคลายได้ก็จะผ่อนคลายให้ อะไรที่ยังติดปัญหาอยู่บ้างก็ขอให้ทุกคนเข้าใจ เพราะบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขได้เสียสละทั้งชีวิตและร่างกายเพื่อแก้ปัญหา ถ้าเราตัดสินใจอะไรที่รวดเร็วเกินไป ทำตามกระแสมากเกินไป ก็อาจทำให้ปัญหาเหล่านี้มันกลับมาใหม่อีก แล้วก็จะแก้คืนไม่ได้ดี” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า จะมีการประชุมกันอีกครั้ง เพื่อพิจารณามาตรการการผ่อนคลายในระยะที่ 5 และการทำงาน จึงขอชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจว่าไม่ใช่นายกฯ สั่งการคนเดียวทุกอย่างได้ นายกฯ เพียงกำหนดนโยบายและวิสัยทัศน์ลงไป รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติ ต่อจากนั้นก็มีคณะทำงานต่างๆ ที่ไปพิจารณาถึงหนทางปฏิบัติที่ดีที่สุดแล้วให้ที่ประชุมยอมรับ จากนั้นนายกฯ จึงเห็นชอบตามมติที่ประชุม ถือเป็นการทำงานของรัฐบาล จึงขอให้ทุกคนไว้วางใจว่าทุกอย่างได้ผ่านการกลั่นกรองที่ดีที่สุดเพื่อประชาชน เราต้องร่วมมือกันทั้งสองฝ่าย และหวังว่าพลังจากความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของทุกภาคส่วนในวันนี้ จะแก้ปัญหาและส่งผลให้ประเทศไทยก้าวผ่านภาวะวิกฤติเศรษฐกิจและวิกฤติด้านสาธารณสุขไปได้ด้วยดี
จากนั้นในเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาใน 5 เรื่องสำคัญ ได้แก่ มาตรการผ่อนคลายกิจกรรมกิจการในระยะ 5 อาทิ อาบอบนวด ผับ บาร์, การเดินทางของบุคคลจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ, มาตรการรองรับการศึกษาเด็กนักเรียนชายแดน, การเว้นที่บนรถโดยสาร และการขยายเวลาประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือนหรือไม่
“ยังต้องดูแลและดำเนินมาตรการเฝ้าระวังต่อไป แม้ไทยได้รับการยอมรับจากอาเซียน รวมไปถึงประเทศมหาอำนาจ ในการแก้ปัญหานี้ แต่การแพร่ระบาดในรอบสองก็พร้อมเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ จึงอยากให้ทุกคนระมัดระวัง และร่วมมือป้องกันต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป ที่มีการผ่อนคลายกิจกรรมและกิจการจำนวนมาก รวมถึงการเปิดเรียน” นายกฯ กล่าวย้ำในที่ประชุม ศบค.
ย้ำจำเป็นต่ออายุ พ.ร.ก.
ภายหลังประชุม พล.อ.ประยุทธ์แถลงว่า วันนี้เราอยู่ในช่วงระยะเวลาที่สำคัญ เป็นช่วงเวลาที่จะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ซึ่งเรายังมีความเสี่ยงอยู่หลายประการด้วยกัน โดยเฉพาะในการผ่อนคลายระยะที่ห้า ซึ่งมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก แต่ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของพวกเราทุกคน ทั้งประชาชน สถานผู้ประกอบการต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดอยากย้ำว่า สถิติของไทยที่ติดเชื้อไม่มากนัก มันเกิดจากอะไร ทุกคนต้องย้อนกลับไปว่ามันเกิดมาจากมาตรการควบคุมของเราอย่างเข้มงวด ในระยะแรกตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค.เป็นต้นมา มีการใช้มาตรการพิเศษใช้ พ.ร.ก.จึงสามารถควบคุมได้ถึงจุดนี้ อันนี้คือเหตุผลและความจำเป็น สิ่งสำคัญที่สุดคือทำไมจำเป็นต้องมีเคยกราบเรียนมาหลายครั้งแล้ว ว่าเรามีกฎหมายกว่า 40 ฉบับที่หลายหน่วยงานถือไว้อยู่ ฉะนั้นหลายกิจกรรมไม่สามารถดำเนินการได้โดยทันที ไม่ว่าจะเป็นการเปิดหรือปิดอะไรต่างๆ หรือการควบคุมคนเข้า-ออกประเทศ มันต้องผ่านขั้นตอนหลายอย่างหลายประการ ซึ่งอาจไม่ทันต่อเวลาในการแก้ไขปัญหาตามสถานการณ์ จึงมีความจำเป็นต้องมี พ.ร.ก.ออกมา
“ไม่ได้มุ่งหวังไปปิดกั้น ลิดรอนใครทั้งสิ้น เพราะทุกคนคือลูกหลานของเราทั้งสิ้น สิ่งสำคัญที่สุดที่ห่วงคือเรื่องการแพร่ระบาด ซึ่งปัจจุบันในต่างประเทศจะเห็นว่าหลายประเทศมาร่วมประกอบกิจกรรม อะไรก็ตามจำนวนมาก และทำให้ติดเชื้อโควิด-19 มากในลำดับต้นๆ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราต้องนำมาพิจารณา และวันนี้มีหลายเรื่องที่เข้าสู่มาตรการระยะที่ 5 ซึ่งทำไมเราต้องปลดล็อกมาตรการที่มีความเสี่ยง สิ่งสำคัญที่สุดคือเราเห็นใจผู้มีรายได้น้อย ผู้ที่ยังไม่มีงานทำ รวมถึงพวกที่ไม่มีรายได้ในการเลี้ยงดูครอบครัว นั่นคือเหตุผลประการหนึ่ง อีกประการคือ มาตรการความพร้อมในระบบสาธารณสุขของเราที่จะรองรับ หากมีสถานการณ์เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถรับรองได้ว่าจะ 100% หรือไม่ 100% อยู่ที่คนไทยทุกคน ที่จะต้องร่วมมือกันทำตรงนี้ จึงจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า นายกฯ ยืนยันว่าการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่เป็นการลิดรอนสิทธิตามที่มีการพูดบนโลกโซเชียลใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์สวนว่า ลิดรอนอะไร เรื่องนี้มันคนละกาลเทศะ
ต่อมา นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ว่าพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 7 ราย โดยเป็นผู้ที่เดินทางมาจากอินเดีย 6 คน และสหรัฐอเมริกา 1 คน โดยผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,169 ราย และไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศเป็นเวลา 35 วัน โดยจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 2,444 ราย และพบผู้ติดเชื้อในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 232 ราย โดยไม่มีผู้ป่วยหายเพิ่ม ยอดผู้ป่วยรักษาหายแล้วสะสมคงที่ 3,053 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 58 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย โดยอยู่อันดับที่ 95 ของจำนวนผู้ป่วยอันดับโลก
นพ.สุขุมยังกล่าวถึงเตียงไอซียูของโรงพยาบาลในประเทศที่รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้ ว่าขณะนี้อยู่ที่ 571 เตียง ส่วนจำนวนเตียงผู้ป่วยโควิด-19 อาการไม่รุนแรงอยู่ที่ 11,206 เตียง และเตียงทั่วไปอยู่ที่ 10,349 เตียง ด้านความพร้อมเวชภัณฑ์ต่างๆ หน้ากาก N95 มี 1,127,970 ราย ชุดป้องกัน PPE 511,578 ชุด และเครื่องช่วยหายใจที่ 11,096 เครื่อง นอกจากนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์สำหรับผู้ป่วยมีในสต๊อก 319,994 เม็ด สามารถใช้กับผู้ป่วยได้ 4,571 ราย ส่วนวัคซีนโควิด-19 ได้มีแนวทางดำเนินการเพื่อให้คนไทยเข้าถึง 3 แนวทาง 1.วิจัยพัฒนาในประเทศ 2.ทำความร่วมมือกับต่างประเทศ และ 3.จัดซื้อ-จัดหานำมาใช้ในประเทศ
“การพัฒนาวัคซีนได้ทดลองในสัตว์ ซึ่งอยู่ในระยะที่ 2 โดยฉีดกับหนูและลิง พบว่ามีภูมิคุ้มกันขึ้นมา ส่วนการทดลองในมนุษย์นั้น รายแรกจะฉีดในช่วง ต.ค. หรือเร็วกว่านั้นคือช่วง ก.ค. ซึ่งหากสำเร็จ ก็จะมีโรงงานผลิตได้ถึงปีละ 30 ล้านโดส ซึ่งเดิมคาดว่าการนำมาใช้ปลายปี 2564 ก็อาจเร็วขึ้นเป็นกลางปี 2564” นพ.สุขุมระบุ
ธุรกิจกลุ่มสีแดงเฮ
ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงผลการประชุม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เริ่มการประชุมโดยขอบคุณข้าราชการฝ่ายการเมือง ข้าราชการ และประชาชนที่ทำให้เราผ่านการผ่อนคลายระยะที่ 4 และเข้าสู่ระยะที่ 5 ซึ่งทำให้สถานการณ์ของไทยเป็นที่ไว้วางใจในระดับหนึ่ง แต่สถานการณ์ของโลกยังมีประเด็นปัญหาอยู่ ซึ่งนายกฯ เน้นย้ำ ศบค.เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำงานแบบนิวนอร์มอล เช่น รับฟังปัญหาจากผู้ที่มีผลกระทบ โดยที่ผ่านมา ศบค.ชุดเล็กเปิดรับฟังปัญหา เช่น นวดแผนโบราณ ศิลปิน นักร้อง ห้างสรรพสินค้า และร้านเกม ทำให้กระบวนการพิจารณาตัดสินใจนำไปสู่แนวทางการลงมติต่างๆ มีการรับฟัง และ ศบค.มีการประชุมทุกวันไม่มีวันหยุดเลย ทำให้เห็นการบูรณาการความร่วมมือในทุกภาคส่วน
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า อีกประเด็นเรื่องการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 36 ที่เชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของโควิด-19 รวมถึงการใช้แพลตฟอร์มไทยชนะ พร้อมทิ้งท้ายเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เร่งการกลั่นกรองแผนงาน และการเสริมโอกาสศักยภาพของไทยหลังวิกฤติโควิด-19 คือการเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาลทางการแพทย์ เป็นแหล่งอาหารของโลก และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ
โฆษก ศบค.กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ได้พิจารณามาตรการผ่อนคลายระยะที่ 5 ตามที่ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เปิดโรงเรียนและสถานศึกษาของรัฐบาล แต่ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ให้ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ เปิดดำเนินกิจการได้โดยไม่จำกัดเวลา ในส่วนของสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบการคล้ายสถานบริการ เช่น โรงเบียร์ โรงเหล้า และลานเบียร์ ให้เปิดกิจการได้ แต่ไม่เกินเวลา 24.00 น.ทุกกรณี รวมถึงร้านข้าวต้ม ขายสุราไม่เกินเวลา 24.00 น. ตามกฎหมายการจำหน่ายสุรา ทั้งนี้ ให้จำกัดผู้ใช้บริการตามพื้นที่ 4 ตารางเมตรต่อคน และห้ามร่วมโต๊ะกับกลุ่มอื่น ระยะห่างของโต๊ะ 2 เมตร มีฉากกั้น 1.50 เมตร ส่วนร้านเกมและร้านอินเทอร์เน็ต ให้เปิดบริการ โดยทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ 4 ตารางเมตรต่อคน จำกัดเวลาใช้บริการ 2 ชั่วโมงต่อรอบ และให้พักทำความสะอาด 15 นาที
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ขณะที่กิจการอาบอบนวดและโรงน้ำชา ต้องมีใบอนุญาตบริการถูกกฎหมาย ผู้ใช้บริการต้องลงทะเบียนแอปพลิเคชันไทยชนะ สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้าตลอดเวลา ยกเว้นขณะอาบน้ำ ต้องทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสบ่อยๆ ตรวจหาเชื้อโรคกลุ่มพนักงานเป็นระยะ พร้อมเฝ้าระวังโรคอื่นด้วย และห้ามค้าประเวณี อาจพิจารณาให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ส่วนรวมของร้าน โดยกิจกรรมเหล่านี้หากตรวจพบว่ามีการติดเชื้อในพื้นที่ใดต้องมีบทลงโทษ เพราะหากเกิดการติดเชื้อจะมีความสูญเสียตามมาทุกกิจกรรมและกิจการ ซึ่งก่อนได้รับการผ่อนคลายทุกสถานประกอบการจะยอมรับเงื่อนไขต่างๆ เพราะต้องการเปิดกิจการ แต่ต้องพิจารณาในส่วนนี้ เพราะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย
เปิดทาง 6 กลุ่มเข้าไทย
นพ.ทวีศิลป์ระบุอีกว่า ที่ประชุมยังพิจารณาเห็นชอบเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน นอกจากนี้ยังพิจารณามาตรการผ่อนคลายการเข้ามาในราชอาณาจักร โดยกระทรวงการต่างประเทศเสนอการขยายกลุ่มชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย 6 กลุ่ม คือ 1.คู่สมรสและบุตรผู้ที่ได้รับอนุญาตทำงานในราชอาณาจักร 2.ผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร 3.คู่สมรสต่างชาติและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้มีสัญชาติไทย 4.ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่จำเป็นต้องเข้ามารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทยและมีผู้ติดตาม 5.นักเรียน นักศึกษาต่างชาติ และผู้ปกครองของบุคคลดังกล่าว และ 6.ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษกับประเทศเป้าหมาย ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มนักธุรกิจและมีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค โควตาที่กำหนดต้องสอดคล้องกับสถานที่พักที่รัฐกำหนด (ASQ) อาจกำหนดจำนวนเกิน 200 คนต่อวัน โดยประเทศเป้าหมายคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งจะพิจารณาผู้ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และการจัดทำข้อตกลงดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ผู้เดินทางมาแบบธรรมดา ซึ่งอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานานต้องอยู่ในสถานที่ที่รัฐกำหนด 14 วัน และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง และกลุ่มที่ 2 คือผู้เดินทางมาแบบเร่งด่วน กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มนักธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจของไทย เดินทางมาระยะสั้นต่ำกว่า 14 วัน
“ที่ประชุมยังพิจารณาหลักเกณฑ์ในการรองรับการเดินทางแขกของรัฐบาล ต้องมาเป็นคณะเล็ก ไม่เกิน 10 คน เดินทางเป็นระยะสั้น ตรวจเชื้อโควิดก่อนเดินทางและมาถึงไทย ให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพเชิญแขกระดับสูงจัดเจ้าหน้าที่ประจำคณะ และต้องมีสาธารณสุขและฝ่ายความมั่นคงติดตามประจำคณะ ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยยังได้เสนอเปิดด่านเพิ่ม 9 จุดทั่วประเทศ จากเดิมเปิดอยู่แล้ว 28 แห่งใน 22 จังหวัด ขณะที่กระทรวงคมนาคมยกเว้นข้อกำหนดการเว้นที่นั่งระหว่างบุคคลบนรถโดยสารสาธารณะ แต่ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และความหนาแน่นผู้โดยต้องไม่เกิน 70%” นพ.ทวีศิลป์ระบุ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการเปิดประเทศเพื่อท่องเที่ยวอย่างจำกัด หรือทราเวลบับเบิล ว่ามีเอกอัครราชทูตหลายประเทศติดต่อเข้ามา แต่เราต้องรอนโยบายที่ชัดเจนจาก ศบค. ส่วนความคืบหน้าเรื่องวัคซีนนั้น สัปดาห์นี้ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะเริ่มทดลองในลิงอีกครั้งหนึ่ง ส่วนภาคเอกชนก็กำลังจะทดสอบ ซึ่งผลที่ออกมาค่อนข้างดี แต่ความจริงผลในสัตว์อาจดี แต่พอมาในคนผลก็อาจไม่เหมือนที่ทดลองในสัตว์ก็ได้ ซึ่งเขาคงมีวิธีการพัฒนาแก้ไข
เมื่อถามว่า การทดลองในลิงจะต้องใช้เวลาเท่าไรถึงจะมาทดลองในคน นายอนุทินกล่าวว่า เขามีขั้นตอนอยู่ว่าต้องทำกี่ครั้ง กว่าจะมาถึงคนได้ต้องผ่านขั้นตอนเยอะ ซึ่งเขาบอกว่าอย่างน้อยต้อง 9 เดือน ก็น่าจะในปีหน้า ส่วนตนเองก็พร้อมจะเป็นหนูทดลอง แต่กว่าที่เขาจะให้ฉีดในคนได้มันต้องปลอดภัยมากๆ และไม่ได้กลัวอะไร
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการปรับปรุงพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่มีการพิจารณาในที่ประชุม ศบค. เพราะต้องแยกออกมาพิจารณาเพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา คงต้องใช้เวลายาวพอสมควร อาจนานเป็นปี ดังนั้นคงไม่ทันที่จะนำมาแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในช่วงนี้ ส่วนจะเป็นเหตุผลในการขยายเวลาการใช้ พ.ร.ก.หรือไม่ อันนั้นไม่ทราบ
ค้านต่ออายุ พ.ร.ก.
ส่วนที่พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคไม่เห็นด้วยในการต่ออายุ พ.ร.ก.ออกไปอีก 1 เดือน และไม่เห็นความจำเป็น เราสามารถใช้ พ.ร.บ.โรคระบาดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ แม้ตอนต้นของการแพร่ระบาดมีความจำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เวลานี้ที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโรคนานกว่า 34 วัน คงไม่จำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกต่อไป เพราะผลเสียกระทบต่อความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจ การใช้งบประมาณต่างๆ ต้องโปร่งใส ตราบใดยังคง พ.ร.ก.จะมีการใช้งบด้วยวิธีพิเศษทั้งหมด เราเกรงว่าจะเป็นข้ออ้างในการหาประโยชน์ โดยเฉพาะในโครงการเงินกู้ 4 แสนล้านบาท
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอาจเปิดช่องให้ทุจริตได้เยอะ เพราะหลังมีคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการ และได้จัดการดำเนินการวินิจฉัยข้อระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง จากเดิมงบเกิน 5 แสนบาท ที่ต้องเข้าการประมูลอีบิดดิ้ง แต่ถ้ายังมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังคงอยู่ ไม่ต้องจัดซื้อหรือีบิดดิ้ง สามารถใช้วิธีพิเศษได้ ดังนั้นการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ เพราะเพื่อยกเว้นการประมูลเพื่อควบคุมตรงนี้ไว้หรือไม่
นายวัฒนา เมืองสุข คณะกรรมการยุทธศาสตร์ กล่าวว่า เหตุแห่งความจำเป็นของรัฐบาลไม่มีอยู่แล้วในการคง พ.ร.ก.จึงไม่มีเหตุผลในการขยายเวลา แต่คงมีเหตุผลทางการเมือง ควบคุมประชาชนไม่ให้ออกมาแสดงความคิดเห็น หรือเปิดช่องให้ทุจริตตาม รัฐบาลต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที เพื่อให้ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
วันเดียวกัน เครือข่าย People Go Network จำนวน 30 คน นำโดยนายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์เพื่อขอให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเช่นกัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |