ศบค.พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4 ราย จากซูดานและยูเออี ผู้ติดเชื้อทั่วโลกน่าห่วง ใกล้แตะ 10 ล้านคน ยันเงื่อนไขในการผ่อนคลายเฟส 5 ไม่มากไป แนะดูต่างประเทศที่ไม่พบเชื้อหลายวันแต่กลับมาแพร่ระบาดได้ ระบุจะไม่เห็นภาพนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนต่อปีมาเที่ยวไทยอีก สธ.ยกเคสจีนเป็นอุทาหรณ์ไร้ผู้ป่วย 55 วันยังมีรอบ 2 เลขาฯ สมช.เตือนกลุ่มฉลอง "ลิเวอร์พูล" แชมป์พรีเมียร์ลีกต้องยึดมาตรการป้องกันโควิด "พรรคก้าวไกล" ปลุกประชาชนค้านต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อ้างอยากให้แก้ปัญหาปากท้องมากกว่า
ที่กระทรวงสาธารณสุข วันที่ 26 มิถุนายน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ว่าวันนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 4 ราย โดยเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสู่สถานกักกันที่รัฐจัดให้ โดยมาจากประเทศซูดาน 2 ราย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย โดยผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,162 ราย โดยไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศเป็นเวลา 32 วัน โดยจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 2,444 ราย และพบผู้ติดเชื้อในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 225 ราย โดยไม่มีผู้ป่วยหายเพิ่ม ยอดผู้ป่วยรักษาหายแล้วสะสมยังคงที่ 3,040 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 64 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 183,082 ราย ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อรายวัน โดยผู้ป่วยทั่วโลกสะสมอยู่ที่ 9,710,205 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 6,811 ราย เสียชีวิตสะสม 491,783 ราย โดยผู้ติดเชื้อมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก คือสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 2,504,588 ราย เพิ่มขึ้น 42,034 ราย เสียชีวิตสะสม 126,780 ราย เพิ่มขึ้น 2,499 ราย รองลงมาคือบราซิล มีผู้ป่วยสะสม 1,233,147 ราย เพิ่มขึ้น 40,673 ราย เสียชีวิตสะสม 55, 054 ราย เพิ่มขึ้น 1,180 ราย สำหรับประเทศในทวีปเอเชียมากที่สุดคืออินเดีย ผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 491,170 ราย เพิ่มขึ้น 18,185 ราย เสียชีวิตสะสม 15,308 ราย เพิ่มขึ้น 401 ราย ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 94 ของจำนวนผู้ป่วยอันดับโลก ส่วนผู้ป่วยที่หายแล้วมีสะสม 5,279,679 ราย เพิ่มขึ้น 104,174 ราย
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ส่วนมาตรการผ่อนคลายกิจการและกิจกรรมในระยะ 5 กิจการทั้งหลายที่อยู่ในระยะนี้ทั้งหมดจะต้องลงทะเบียนแพลตฟอร์มไทยชนะ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง
เมื่อถามว่า เรื่องการผ่อนคลายกิจการและกิจกรรมระยะที่ 5 เงื่อนไขมากเกินไปหรือไม่ โดยเฉพาะผู้ที่จะไปผับ บาร์ อาบอบนวด ที่รัฐได้ระบุว่าจะต้องลงทะเบียนติดกล้องวงจรปิดที่ไหนบ้าง ทั้งที่ตอนนี้ในไทยไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้น นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า แม้ว่าไม่มีผู้ติดเชื้อมา 32 วันแล้ว เราก็สามารถมั่นใจได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าดูข่าวในต่างประเทศ ในประเทศจีนแม้ว่าจะไม่พบผู้ติดเชื้อมากว่า 50 วัน แต่ในกรุงปักกิ่งกลับพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นใหม่ และในนิวซีแลนด์ไม่พบผู้ติดเชื้อหลายวัน ก็มีการแพร่ระบาดของเชื้ออีกครั้ง และอีกหลายๆ ประเทศ ดังนั้นแม้ว่าไม่พบเชื้อกี่วันไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าจะไม่มีการติดเชื้อในอนาคต ทุกคนเชื่อว่าจะมีการแพร่ระบาดในระลอกที่ 2 แต่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ นอกจากนี้สถานการณ์ของโลกผู้ติดเชื้อจะแตะ 10 ล้าน ในสัปดาห์หน้ายังคงวิกฤติอยู่ สถานการณ์ในประเทศรอบๆ ยังไม่น่าไว้วางใจ จึงต้องปกป้องตัวเองด้วยมาตรการป้องกันหลัก และการใช้ระบบไทยชนะ ทุกคนจะเป็นกองทัพที่จะช่วยให้ป้องกันเชื้อโรคได้
จะไม่เห็นนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนอีก
เมื่อถามอีกว่า มีประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วยถ้าจะให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามา เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศขณะนี้นิ่งแล้ว กลัวว่าเข้ามาแล้วจะกลายเป็นปัญหาบานปลายเรื่องของการแพร่ระบาดของโรค รวมถึงต้องการขยายเวลาการกักตัวมากกว่า 14 วันได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ระยะฟักตัว 14 วันมีความเพียงพอยังไม่ต้องเพิ่ม ส่วนชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทยแบบปกติ เรายังไม่ให้เข้ามาในประเทศ จะไม่เห็นภาพนักท่องเที่ยวมาแบบเดิม 40 ล้านคนต่อปีอย่างแน่นอน แต่จะให้ชาวต่างชาติที่มาเฉพาะเจาะจงทั้งนักลงทุน นักธุรกิจที่มาในระยะสั้น ช่างฝีมือแรงงานที่ต้องมาดูแลเครื่องจักร ครูอาจารย์ หรือแรงงานต่างด้าว มีครอบครัวคนไทยเข้ามา ในส่วนของ Travel bubble ยังต้องศึกษาอีกสักระยะ คาดว่าจะเกิดในช่วง ส.ค. และขณะเดียวกันมีข้อกังวลที่บอกว่าจะพาชาวต่างชาติมารักษาในประเทศไทย หรือ Medical wellness tourism คือกลุ่มที่มาเสริมความงาม หรือมีปัญหามีลูกยาก แต่ถ้าป่วยโควิด-19 ไม่ให้เข้ามาไทยแน่นอน ส่วนจะมากินทรัพยากรเตียง หรือเรื่องที่เราต้องบริการคนไทยหรือไม่ เรียนว่าภาครัฐและเอกชนที่ทำทางด้านนี้ก็ทำขึ้นเพื่อรองรับการท่องเที่ยวตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว และไม่ได้ใช้ทรัพยากรที่ต้องบริการคนไทย
ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 29 มิ.ย. ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. จะนัดประชุมเพื่ออนุมัติเรื่องมาตรการต่างที่จะเพิ่มเติมมา 5 เรื่อง 1.มาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 5 2.บุคคลที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 3.ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือน 4.มาตรการรองรับการเปิดการศึกษากรณีเด็ดชายแดน ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อ และ 5.การขอยกเว้นการปฏิบัติตามมาตรการข้อกำหนดการเว้นที่นั่ง เว้นระยะห่างทางสังคม ในระบบขนส่งสาธารณะ 1 เมตร
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่า แม้ว่าขณะนี้มีคนไทยที่ติดเชื้อซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกันมา 32 วันแล้ว หากพิจารณาสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในต่างประเทศยังน่าเป็นห่วง นอกจากนี้ สถานการณ์ในประเทศจีนเป็นตัวอย่างที่หลังจากไม่มีผู้ป่วยติดต่อกันนาน 55 วัน แต่ก็ยังปรากฏว่าพบผู้ป่วยได้ ดังนั้นประชาชนคนไทยจะประมาท การ์ดตกไม่ได้ ยังคงต้องระมัดระวังในการป้องกันตนเอง ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และอื่นๆ ต่อไป ส่วนการจัดงานวิ่งและการกุศลต่างๆ ได้ ศบค.ยังไม่มีประกาศอนุญาต รวมถึงประกาศอื่นๆ ในเรื่องนี้ ต้องขอให้อดใจรอต่อไปก่อน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ถึงข้อเสนอต่อที่ประชุมเรื่องการจัดทำข้อตกลงร่วมกันด้านสาธารณสุข เพื่อเปิดประเทศหลังสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายว่า เรื่องนี้ต้องหารือกันก่อน ทั้งสถานการณ์ภายนอกและภายในประเทศ เพราะจะต้องมีความพร้อมทั้งเรื่อง เฉพาะกลุ่มเฉพาะเที่ยวบิน ดังนั้นจะต้องเตรียมความพร้อมทั้งหมดว่าจะไปที่ไหนอย่างไร ทั้งชุมชน จะต้องดูแลด้วย จะต้องคิดเตรียมการไว้รอบด้าน จะทำผลีผลามไปก็จะเกิดอันตรายได้ ขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วย ยอมรับผ่อนคลายมาตรการบางอย่างเตรียมไว้อยู่แล้ว แต่เมื่อวานนี้ก็ยังหารือกันและมีความกังวล เรื่องการป้องกันและดูแลสุขภาพ ที่ยังจะต้องทำอย่างเข้มงวดต่อไป โดยต้องทำควบคูกันไป ไม่เช่นนั้นก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ทั้งหมด ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้เลย
พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีที่ทีมลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีกและการจัดงานฉลองแชมป์ในประเทศไทยว่า เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังหากจะมีการจัดงานฉลองแชมป์ การออกมาฉลองบนท้องถนนคงทำไม่ได้ แต่ถ้าจะไปฉลองกันในครอบครัวก็สามารถทำได้ หรือหากต้องการฉลองในคนหมู่มาก ก็ต้องมีการรักษาระยะห่าง และใส่หน้ากากอนามัย เพราะการจะฉลองอะไรก็อย่าลืมว่าต้องคำนึงถึงมาตรการป้องกันโควิด-19 จึงอยากจะให้ฉลองกันภายในบ้านและคนใกล้ชิด แต่หากต้องการไปฉลองที่ผับ บาร์ หรือร้านอาหาร ก็ต้องมีมาตรการป้องกันของแต่ละสถานที่ ต้องรักษาระยะห่าง ลงทะเบียนก่อนเข้าร้าน ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ตามสมควร อย่าทำให้เกิดการมั่วสุม และสามารถร้องเพลง you’ll never walk alone ได้ เพราะเป็นเพลงช้าๆ สบายๆ ไม่ต้องตะโกนให้น้ำลายกระจาย เชื่อว่าแฟนลิเวอร์พูลเป็นคนน่ารัก และคงไม่ฉลองอะไรเกินขอบเขต
ก้าวไกลปลุกปชช.ต้านพรก.ฉุกเฉิน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีมติให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีก 1 เดือน โดยจะเสนอให้ ศบค.ในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ ว่าเรื่องนี้ต้องรอผลการประชุมศบค. ว่าจะให้ความเห็นชอบตามที่เสนอหรือไม่ เพราะจะต้องฟังความคิดเห็นจากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข แต่ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานได้ระมัดระวังกันอยู่แล้วในเรื่องการคุมเข้ม
เมื่อถามถึงกรณีที่จะไม่เข้มงวดกับนักธุรกิจมากเท่ากับนักท่องเที่ยวทั่วไป นายวิษณุกล่าวว่า มี 2 อย่างคือ ถ้าเข้ามาแล้วอยู่ยาวก็ต้องกักตัว 14 วันก่อน กับถ้าอยู่สั้นแค่ 3-4 วัน ก็จะมีมาตรการอีกแบบหนึ่ง เช่น การใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ และเข้าโรงแรมที่จะต้องจ่ายเงินเอง พร้อมกับมีตารางเวลาที่จะสามารถให้ติดตามตัวได้ชัดเจน ซึ่งขณะนี้แจ้งความจำนงมาแล้วกว่า 20,000 คน
เมื่อถามถึงกรณีฝ่ายค้านและกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง มองว่าการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือนมีนัยทางการเมือง นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เป็นไร ก็เป็นอย่างนี้กันทั่วโลก หลายกลุ่มก็มีการออกมาคัดค้าน เป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ดี ถือเป็นการเตือนสติให้รัฐบาลได้คิด
นายชัยธวัธ ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงขยายการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉกเฉินอีก 1 เดือนว่า เราเห็นว่าไม่พบผู้ป่วยในประเทศต่อเนื่องเป็นเวลา 32 วันแล้ว และหากในอนาคตพบผู้ป่วย ก็เห็นว่าศักยภาพของประเทศที่เตรียมไว้ในด้านสาธารณสุขก็รองรับได้จึงไม่มีเหตุผลใดเพียงพอที่จะขยายการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก เรามีกฎหมายในกลไกปกติที่จะดูแลการแพร่ระบาด จึงขอคัดค้านการขยายใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป พร้อมเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมกดดันรัฐบาลให้ยุติการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหตุผลที่แท้จริงในการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไป คือ ความต้องการที่ใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษนี้ เพื่อควบคุมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ที่กำลังไม่พอใจรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ เปิดให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจ โดยไม่ต้องรับผิดชอบ ขณะนี้ประชาชนไม่ได้ต้องการความสามารถพิเศษในการป้องกันโรค แต่ต้องการผู้มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่เป็นผลกระทบ มีคนตกงานอีกจำนวนมาก
นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ครม.มีมติเห็นชอบเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน 7 เดือน ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เฉลี่ยไม่เกิน 200 บาทต่อคนใน 6 ตำแหน่งคือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ ว่าเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลเพิ่มเงินพิเศษให้คนเหล่านี้ แม้วงเงินดังกล่าวจะไม่มาก แต่ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานหนัก เป็นด่านหน้าช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤติโควิด ในส่วนของ กทม.ก็ต้องทำงานเช่นเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ควรได้รับขวัญกำลังใจเช่นเดียวกัน ก็ขอฝากไปยังผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ช่วยจัดเพิ่มเงินพิเศษให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในส่วนของ กทม. เพื่อให้มีกำลังใจในการทำงานต่อสู้ภัยโควิดต่อไปให้เหมือนเจ้าหน้าที่ส่วนอื่นๆ ด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |