ศาลงัด'อีเอ็ม'ตามคนเมาขับ


เพิ่มเพื่อน    

         เริ่มแล้วเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา มหาดไทยตั้งศูนย์อำนวยการลดอุบัติเหตุ เพิ่มความเข้มข้นการบังคับใช้กฎหมาย เมาไม่ขับ ส่วนกองทัพส่งทหารปูพรมคุมพื้นที่เสี่ยงเกิดการเจ็บ-ตาย ทีเด็ดกรมคุมประพฤติจับมือศาลยุติธรรม งัดอุปกรณ์อีเอ็มใช้กับคดีเมาขับ ใครอยากได้กำไรฟรีก็เชิญ
          เมื่อวันที่ 11 เมษายน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ในฐานะประธานพิธีเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2561 เปิดเผยว่า รัฐบาลห่วงใยความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงได้มอบหมายให้ ศปถ. โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการลดอุบัติเหตุทางถนน โดยยึดแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2561 เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานในมิติเชิงพื้นที่ ภายใต้แนวคิด “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” มุ่งสานพลังประชารัฐลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุ ครอบคลุมทั้งด้านคน ยานพาหนะ ถนน และสิ่งแวดล้อม 
    ด้วยการเพิ่มความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด คุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะขับรถเร็ว เมาแล้วขับ และไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย รวมถึงตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกรายกรณีเกิดอุบัติเหตุ และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขและข้อยกเว้นของการประกันภาคสมัครใจกรณีดื่มแล้วขับ ควบคู่กับการบูรณาการจัดตั้งจุดตรวจในเส้นทางเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งเส้นทางสายหลัก สายรอง และเส้นทางโดยรอบพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ 
    คุมเข้มความปลอดภัยของยานพาหนะทุกประเภท เพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจรถโดยสารประจำทางและไม่ประจำทาง เพื่อกวดขันความพร้อมของพนักงานขับรถ อีกทั้งใช้กลไกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และอาสาสมัครในการจัดตั้งด่านชุมชนป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุและรณรงค์สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนในรูปแบบเคาะประตูบ้าน 
          นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสำคัญย้อนหลัง 3 ปี มีพื้นที่เฝ้าระวังอุบัติเหตุทางถนนใน 198 อำเภอ และ 1 เขต แยกเป็นพื้นที่สีแดง 109 อำเภอ และพื้นที่สีส้ม 89 อำเภอ 1 เขต กระทรวงมหาดไทย
          ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่กองทัพบกได้เริ่มเข้าอำนวยความสะดวกประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทั่วประเทศ โดยตลอดเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.นี้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบหมายให้หน่วยทหารของกองทัพบกร่วมกับภาคส่วนต่างๆ จัดตั้งจุดบริการประชาชน 553 จุด ในพื้นที่สำคัญของแต่ละจังหวัด ได้แก่ บริเวณเส้นทางคมนาคมสายหลัก พื้นที่หน้าค่ายทหาร พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ สถานที่ท่องเที่ยว เส้นทางก่อนถึงด่านชายแดน เป็นต้น 
    โดยมีการอำนวยความสะดวกประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ในหลายด้าน อาทิ เป็นพื้นที่พักรถ-พักคน  สอบถามเส้นทาง การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ตรวจเช็กสภาพรถ บริการน้ำดื่ม-กาแฟ รวมถึงเป็นจุดรับแจ้งเหตุด่วน นอกจากนี้ หน่วยทหารของกองทัพบกในนามกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) จะดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 46/2558 “เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ” โดยปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ประชาชนในพื้นที่และจิตอาสา
    พ.อ.หญิงศิริจันทร์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากองทัพบกได้มีการวิเคราะห์สถิติข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุในแต่ละจังหวัด เช่น เส้นทางที่เกิดอุบัติเหตุ ช่วงเวลา สาเหตุ พฤติกรรมเสี่ยง พร้อมวางมาตรการป้องกันในแต่ละพื้นที่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุให้มากยิ่งขึ้น จากสถิติดังกล่าว พบว่ารถจักรยานยนต์เกิดอุบัติเหตุสูงสุด สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการดื่มสุราและความประมาท 
    สำหรับจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย คือพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น เส้นทางตรงยาว และทางโค้ง โดยจากข้อมูลดังกล่าวหน่วยทหารในพื้นที่ได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับส่วนราชการท้องถิ่น ชุมชน และจิตอาสา เพิ่มมาตรการป้องกันอุบัติเหตุ อาทิ ติดตั้งป้ายสัญลักษณ์แจ้งเตือน เพิ่มไฟฟ้าส่องสว่าง ปรับภูมิทัศน์ข้างทาง การตัดแต่งต้นไม้ การติดตั้งอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย เช่น ยางรถยนต์, ปลูกต้นกล้วยลดแรงปะทะข้างทาง, ติดตั้งลูกระนาดเพิ่มความฝืดของถนน เป็นต้น นอกจากนี้ได้ร่วมกับชุมชนในการจัดตั้ง “ด่านชุมชน” และ “ด่านครอบครัว” ช่วยยับยั้งไม่ให้คนดื่มสุราใช้ยานพาหนะ รวมทั้งรณรงค์หลีกเลี่ยงการใช้จักรยานยนต์ช่วงเทศกาลเพื่อลดการสูญเสียด้วย
    ที่กรมคุมประพฤติ นายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ พร้อมด้วยนายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายประเสริฐ โหล่วประดิษฐ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงดอนเมือง ร่วมแถลงข่าวการใช้อีเอ็ม (EM) กับคดีเมาแล้วขับ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อสร้างประสิทธิภาพความปลอดภัยให้ประชาชนบนท้องถนน 
    นายประสารกล่าวว่า การนำเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรืออุปกรณ์อีเอ็ม มาใช้เป็นการบูรณาการที่สำคัญเพื่อเสริมมาตรการลดอุบัติเหตุ เมื่อศาลมีคำสั่งลงโทษและกำหนดเงื่อนไขให้ใช้อุปกรณ์อีเอ็ม พนักงานคุมประพฤติจะรับอีเอ็มไปจะติดให้ผู้ถูกคุมประพฤติ โดยจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างศูนย์ควบคุมและติดตามการปล่อยตัวชั่วคราวโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานศาลและสำนักงานคุมประพฤติในการติดตามผู้ถูกคุมความประพฤติ เชื่อว่าจะเป็นการกระตุ้นเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงสงกรานต์ระวังมากขึ้น ไม่ขับรถขณะเมาสุรา ส่วนกรมคุมประพฤติอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์อีเอ็ม ซึ่งจะทำสัญญาเช่ากับบริษัทเอกชนคู่สัญญา 4,000 เครื่อง และคาดว่าจะสามารถนำอีเอ็มมาใช้ทั่วประเทศภายในเดือน ก.ย. โดยจะเช่าต่อเนื่อง 3 ปี ตั้งแต่ปี ‭2561-2563‬ 
    ด้านนายสราวุธกล่าวว่า การใช้อุปกรณ์อีเอ็มเป็นนโยบายของนายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา ที่นำมาใช้ดูแลการปล่อยชั่วคราว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในกรณีเมาแล้วขับหรือขับรถเร็ว เมื่อศาลมีคำสั่งลงโทษและมีเงื่อนไขคุมประพฤติก็สามารถนำอุปกรณ์อีเอ็มของสำนักงานศาลมาใช้กับกลุ่มผู้ถูกคุมความประพฤติได้ ซึ่งมีอยู่ 5,000 เครื่อง ระหว่างนี้ไม่ทราบตัวเลขของผู้กระทำผิดเมาแล้วขับหากมีไม่ถึง 5,000 คน ก็สามารถใส่อุปกรณ์ติดตามตัวอีเอ็มได้ครบทุกคน จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะนำมาใช้กับกลุ่มผู้ถูกคุมความประพฤติในคดีขับรถขณะเมาสุราช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระยะแรกจะนำร่องในพื้นที่ กทม. ในเขตอำนาจศาลแขวงดอนเมือง และศาลแขวงพระนครเหนือ ในช่วงสงกรานต์นี้ เนื่องจากที่ผ่านมาพื้นที่ดังกล่าวมีสถิติคดีเมาแล้วขับสูงเป็นอันดับต้นๆ
    นายประเสริฐกล่าวว่า ภารกิจของศาลจะนำอุปกรณ์ติดตามตัวอีเอ็มมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของจำเลยที่ต้องพิพากษาแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มผู้กระทำผิดเมาแล้วขับที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 251 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะใช้นโยบายเคร่งครัดสั่งขัง 15 วัน ที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี โดยไม่อนุญาตให้ประกัน ส่วนผู้กระทำผิดเมาแล้วขับที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำกว่า 250 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะมีเงื่อนไขคุมความประพฤติเพิ่มเติมโดยใช้อุปกรณ์ติดตามตัวอีเอ็ม ห้ามออกนอกบ้านหรือพื้นที่ควบคุมตั้งแต่ 22.00-05.00 น. หลังจากนี้จะมีการประเมินผล หากใช้อุปกรณ์ติดตามตัวอีเอ็ม หรือกักขัง 15 วันแล้วไม่หลาบจำ จะเพิ่มโทษให้หนักขึ้น 
    โดยในทางคดีสามารถจำคุกได้สูงสุดนานถึง 1 ปี สำหรับผู้กระทำความผิดนอกเขตอำนาจศาล 2 แห่งนี้ ขอให้เป็นดุลพินิจของศาล โดยการตัดสินจะต้องพิจารณาจากพฤติกรรม ความรุนแรงของคดี รวมถึงมีผู้ได้รับผลร้ายจากการเมาแล้วขับหรือไม่ โดยมีโทษตั้งแต่ปรับ รอลงอาญา คุมประพฤติ เข้ารับการอบรม แต่กรณีถูกสั่งให้ใส่อุปกรณ์ติดตามตัวอีเอ็มแล้วฝ่าฝืนเงื่อนไขโดยเจตนาจงใจ จะลงโทษจำคุกตามที่รอลงอาญาไว้ก่อนหน้านี้
    สำหรับบรรยากาศการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนนั้น พบว่าท่าอากาศยานทั่วประเทศมีประชาชนหนาแน่นกว่าเดิม เช่นเดียวกับสถานีรถไฟโดยเฉพาะหัวลำโพง ผู้คนหลั่งไหลกลับภูมิลำเนาเกือบทั้งวัน ส่วนสถานีขนส่งหมอชิต มีสภาพไม่ต่างกัน 
    นอกจากนี้ ประชาชนที่เดินทางโดยรถส่วนตัว พบว่าทยอยกลับตั้งแต่คืนวันอังคาร เนื่องจากเกรงว่า หากเดินทางวันที่ 12 หรือ 13 เมษายน จะทำให้การจราจรติดขัดเหมือนหลายปีที่ผ่านมา ฉะนั้นจึงพบว่าถนนสายหลัก ไม่ว่าจะเป็นพหลโยธิน มิตรภาพ การจราจรยังไม่ติดขัดมากนัก. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"