ความร่วมมือ-ร่วมใจที่มีเศรษฐกิจพอเพียงเป็นศูนย์กลาง


เพิ่มเพื่อน    

        ฮื่ออ์อ์อ์...อย่างน้อยก็ยังพอมีข่าวคราวที่ฟังแล้วรื่นหู พอช่วยให้สดใส สดชื่น รื่นเริง ขึ้นมามั่ง แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี แทนที่จะเต็มไปด้วยข่าวประเภท ขี้ๆ หรือข่าวคราวความเคลื่อนไหวของบรรดา หนอนในถังอุจจาระ ที่อยากจะได้เก้าอี้ โยกเก้าอี้ ย้ายเก้าอี้ อันไม่ได้ช่วยให้เกิดแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ ในการ รู้-รัก-สามัคคี หรือ ความร่วมมือ-ร่วมใจ ใดๆ แม้แต่น้อย...

                                   ------------------------------------------------

        ข่าวที่ฟังแล้วพอได้เกิดอาการปึ๋งๆ ปั๋งๆ ขึ้นมามั่ง...ก็คือข่าวอันว่าด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ .ก.ส. ท่านเตรียมจะควักเม็ดเงินประมาณ 300,000 ล้านบาท ออกมาใช้ก่อรูป อัดฉีด กระตุ้น และเชื่อมโยง เพื่อให้เกิดเครือข่ายทางสังคมขึ้นมาในอีกลักษณะหนึ่ง ที่ผู้บริหารธนาคาร อย่างคุณ อภิรมย์ สุขประเสริฐ ท่านเรียกขานเอาไว้ในนาม โครงการเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทย และได้เริ่มเปิดตัว เปิดผ้าม่านกั้ง ไปเมื่อวันวานที่ผ่านมา...

                                    --------------------------------------------------

        คือเป็นโครงการที่เอาไว้อัดฉีด กระตุ้น ก่อรูปก่อร่าง เพื่อให้บรรดาเกษตรกรโดยพื้นฐาน หรือโดยปัจเจกบุคคล หันมาค้นหาและค้นพบ แนวคิดปรัชญาตามหลัก เศรษฐกิจพอเพียง ที่ล้นเกล้าในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านได้ทรงชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้ตั้งแต่เมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว ก่อนที่โลกทั้งโลกจะเต็มไปด้วย อัตราเสี่ยง หรือก่อนที่จะถูกเชื้อไวรัส COVID-19 บีบบังคับ ให้ต้องเปลี่ยนโลก ล้างโลก อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ การหันกลับไปหา ฐานราก ไปสร้างบรรยากาศที่ช่วยให้เกิด ความร่วมมือ-ร่วมใจ ของผู้คนในระดับพื้นฐานของสังคม อันได้แก่บรรดาเกษตรกรทั้งหลาย ให้หันมาค้นหาและค้นพบ วิถีชีวิตที่เรียบง่าย อ่อนน้อม เพียบพร้อมด้วยสุขสันติ อันน่าจะเข้าท่าซะยิ่งกว่าวิถีชีวิตที่หวือๆ หวาๆ เต็มไปด้วยภยันตราย และการเสี่ยง จึงถือเป็นอะไรที่น่าปลาบปลื้มและยินดีเป็นอย่างยิ่ง...

                                    -------------------------------------------------

        โดยนอกเหนือไปจากการส่งเสริม สนับสนุน เกษตรกรระดับปัจเจกบุคคลเป็นรายตัวไปแล้ว .ก.ส. ท่านยังพยายามขยายความช่วยเหลือไปยัง วิสาหกิจชุมชน จำนวนไม่ต่ำกว่า 16,000 รายเป็นเบื้องต้น ก่อนที่จะพยายามเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างให้กลายเป็น เครือข่าย เป็นระบบความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันและผู้ประกอบการอีกไม่น้อยกว่า 7,255 แห่ง เพื่อชักจูงให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิต การแปรรูป การเข้าถึงและเข้าใจในระบบ ตลาด สมัยใหม่ การขนส่ง ตลอดไปจนการท่องเที่ยวแบบชุมชน ฯลฯ โน่นเลย ซึ่งต้องเรียกว่า...ออกจะสะท้อนให้เห็นถึงความเอาจริง-เอาจัง อยู่ตามสมควร ไม่ได้คิดจะอาศัยสิ่งที่เรียกว่า เศรษฐกิจพอเพียง เป็นแค่ ยันต์กันผี หรือเป็นคาถาที่เอาไว้ท่อง ไว้บ่น แบบนกแก้ว-นกขุนทองเท่านั้น...

                                  ------------------------------------------------

        คือสำหรับผู้ที่พอจะ รู้โลก-รู้เรา ทั้งหลาย ทั้งปวงนั้น...ส่วนใหญ่ก็น่าจะมองออก ว่าภายใต้โลกยุคใหม่ โลกที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หรือโลกยุคหลัง COVID-19 นั้น มีแต่สิ่งที่เรียกว่า เศรษฐกิจพอเพียง นั่นแหละ ที่ถือเป็นคำตอบ คำอธิบาย ที่สอดคล้องกลมกลืน และชัดเจนที่สุด สำหรับอนาคตของประเทศชาติและสังคมทั้งหลาย การหันกลับไปหาฐานราก กลับไปสร้างความแข็งแกร่ง ความเป็นอิสระ และการพึ่งตนเองเอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ ถือเป็นทางออก ทางไป ที่ไม่ว่าประเทศไหนต่อประเทศไหน มีแต่ต้องให้ความยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธ โดยเฉพาะในภาวะที่ เงินทองเป็นของมายา-ข้าว ปลาสิของจริง มันกำลังปรากฏให้เห็นเป็นจริง เป็นจัง ยิ่งเข้าไปทุกที...

                                        --------------------------------------------

        เรียกว่า...ขนาดนักเศรษฐกิจกระแสหลัก อย่าง ป๋าดัน อย่างท่านรองนายกฯ เฮียกวง สมคิด ท่านยังอดไม่ได้ที่จะต้องหันมาดันเศรษฐกิจฐานราก หันมาให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจพอเพียง อย่างเป็นเรื่อง เป็นราว กว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด เพราะการเอาแต่ดันเศรษฐกิจในระดับยอด เอาไป-เอามาแล้ว...มันชักออกอาการ อย่ามาดันกูซิ...กูเจ็บกูนะ หนักยิ่งเข้าไปทุกที ระดับถึงขั้นต้องสั่งห้ามธนาคารแต่ละธนาคารจ่ายเงินปันผลกันไปแล้ว โดยโอกาสที่จะเจ็บ จะแสบ จะฉีกขาดยิ่งไปกว่านี้ ก็น่าที่จะเป็นไปได้ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล โดยเฉพาะเมื่อไหร่ที่ อภิมหามารดาแห่งฟองสบู่ ของโลก มันเกิดแตก เกิดระเบิด ขึ้นมาจริงๆ...

                                  ------------------------------------------------

        หรืออย่างรัฐมนตรีช่วยศึกษาฯ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ก็น่าจะเป็นอีกรายหนึ่ง ที่แม้จะอยู่ในกระทรวงศึกษาฯ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกระทรวงเศรษฐกิจ แต่ในเมื่อการศึกษา หรือความรู้ ความคิด ย่อมถือเป็น ทุน ชนิดหนึ่ง ตามหลักวิชาเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ การอาศัยเครือข่ายการศึกษาเป็นตัวส่งเสริมและสนับสนุน ให้วิถี ความพอเพียง ในระดับฐานราก เป็นจริง เป็นจัง ขึ้นมาด้วยการบริหาร จัดการ ทรัพยากรน้ำ ให้เกิดความลงตัวขึ้นมาให้จงได้ จึงถือเป็นรัฐมนตรีอีกรายที่น่าเสียดายเอามากๆ ถ้าหากจะ ถูกถีบ ออกไปก่อนกำหนดการ...

                                    ---------------------------------------------------

        ยิ่งถ้าหากความพยายามสร้าง ความร่วมมือ-ร่วมใจ ของกลุ่มคนต่างๆ ไม่ว่าในระดับรัฐมนตรี สถาบัน องค์กร ธนาคาร ไปจนถึงปุถุชนคนธรรมดา โดยอาศัยแนวคิดและหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง เป็นที่ตั้ง ดันต้องไปเจอกับ ความยื้อมา-ยื้อไป ของบรรดาพวกประเภทเรียงหิน-ซีทีเอ็กซ์-แฮงค์แล้วแฮงค์อีก ไปจนถึงเต้-กาสิโนและขุดคลอง ฯลฯ จนทุกสิ่งทุกอย่างต่างไม่มีวันพอเพียง หรือต่างก็เติมไม่เต็มไปด้วยกันทั้งสิ้น อันนี้...คงต้องส่งเทียบเชิญ ขออัญเชิญ บิ๊กป้อม ให้กลับไปทำ บายพาส กันใหม่อีกซักรอบ-สองรอบ เอาให้ไม่ต้องเดินกระย่อง กระแย่ง กันต่อไปอีกเลย...

                                 ----------------------------------------------------

        ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก A.A. Attanasio... “Silence is a text easy to misread.- การนิ่งเงียบ...เป็นตัวหนังสือที่อ่านแล้วอาจตีความผิดได้ง่าย...”

                                --------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"