วันที่ 24 มิ.ย. ที่กระทรวงวัฒนธรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรา จันทร์มณี เลขาธิการชมรมคนรักศิลปวัฒนธรรม เข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เรื่อง ขอให้ผลักดันแก้ปัญหาการทำลายโบราณสถานในประเทศไทย พร้อมส่งตัวอย่างภาพความเสียหายของโบราณสถานในที่ต่างๆ ด้วย โดยมี นายประดิษฐ์ โปซิว ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม และนายสตวัน ฮ่มซ้าย รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นตัวแทนรับมอบ
นายวรา กล่าวว่า ในหนังสือเปิดผนึก มีใจความสำคัญ ระบุว่า จากการที่มีโบราณสถานในประเทศไทยถูกทำลายหรือถูกทำให้เสียหายครั้งแล้วครั้งเล่าต่อเนื่องนับศตวรรษ จะด้วยสาเหตุแห่งความไม่รู้, หน่วยงานที่รับผิดชอบละเว้นการปฏิบัติหน้าที่, การมีผลประโยชน์แอบแฝงก็ตาม หรือสาเหตุใดก็ตาม ชมรมคนรักศิลปวัฒนธรรมจึงขอให้ รมว.วัฒนธรรม มีการพิจารณาดำเนินการในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อย 5 ประเด็น คือ1 . โปรดสั่งการให้กรมศิลปากรเร่งขึ้นทะเบียนโบราณสถานทั่วประเทศโดยเร็วที่สุด อย่าประวิงเวลา 2. โปรดสั่งการให้กรมศิลปากรเคร่งครัดในการดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ทำลายโบราณสถาน อาทิ ที่อาคารโบราณสถานบอมเบย์เบอร์ม่า ใน จ.แพร่ ที่ถูกทุบทำลายทั้งหลัง สิมโบราณที่ ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ซึ่งถูกแปลงสภาพปรับเปลี่ยนเป็นสีชมพู หรือที่วัดบางด้วนนอก ต.บางด้วน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งได้ทำลายพระพุทธรูปสมัยอยุธยาและทุบอุโบสถเก่าทิ้งทั้งหลัง เป็นต้น
นายวรา กล่าวด้วยว่า 3.ขอให้กระทรวงวัฒนธรรมประสานความร่วมมือหาทางออกในข้อขัดแย้งหรืออุปสรรคอื่นใด ทีคาบเกี่ยวความรับผิดชอบระหว่างหน่วยงานในการประกาศให้เป็นโบราณสถานหรือการอนุรักษ์โบราณสถาน 4. จากข้อจำกัดในการดำเนินงานต่างๆ ของกรมศิลปากร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณเวลาหรือบุคลากร จึงขอให้เร่งสร้างช่องทางเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลหรือบูรณะโบราณสถานตามสิทธิที่ระบุในรัฐธรรมนูญ บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิอนุรักษ์ฟื้นฟูหรือส่งเสริมภูมิปัญญาศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณีอันดีงามทั้งของท้องถิ่นและของชาติ(มาตรา 43) โดยกรมศิลปากรทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาหรือพี่เลี้ยงเรื่องความถูกต้องในการดูแลบูรณะ และ 5. โปรดแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ หรืออื่นๆ ที่เป็นการรวบอำนาจไปที่อธิบดีกรมศิลปากร เพราะเป็นอุปสรรคส่งผลต่อประสิทธิภาพของการดำเนินงาน และบางครั้งอาจมีข้อสงสัยในเรื่องความโปร่งใส หากมีประเด็นตกหล่น หรือมีประเด็นอื่นที่เกี่ยวช้อง ก็ขอได้โปรดอำนวยการเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายหลักที่ขัดเจนคือ นับจากวันนี้จะต้องไม่มีโบราณสถานอื่นใดในประเทศไทยถูกทำลายอีก
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ในกรณีอาคารโบราณสถานบอมเบย์เบอร์ม่า จ.แพร่ ที่ถูกรื้อไปนั้น กรมศิลปากรมีช่างฝีมือ เชื่อว่า จะสามารถทำกลับได้ ใกล้เคียงกับของเดิมที่มีอยู่ ในส่วนของรากฐานจะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญการทำลายโบราณสถาน ก็คือ กฎหมาย พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ใช้มานานและเขียนกว้างๆ ซึ่งกรมศิลปากรเห็นปัญหาและพยายามยกร่างกฎหมายหลายครั้ง ซึ่งอาจจะเกิดความล่าช้า
นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากรมีหลักฐานส่วนโครงสร้างอาคารบอมเบย์เบอร์มา ในส่วนภายในอาจจะมีหลักฐานบางส่วนที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ จะมีการประสานขอแบบจากทางกรมอุทยานฯ ว่ามีแบบภายในหรือไม่ แต่หากไม่มีฉบับสมบูรณ์จะได้รับทราบส่วนหนึ่งว่า มีนักศึกษาปริญญาโท ม.ศิลปากร ได้จัดทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับการอนุรักษ์อาคารบอมเบย์เบอร์มา ซึ่งอยู่ระหว่างประสานงานไป คาดว่าจะมีรายละเอียดการแบ่งรูปแบบสถาปัตยกรรมภายใน แล้วนำมาประกอบกับหลักฐานที่กรมศิลปากรมีอยู่ นอกจากนี้ ยังเปิดให้ประชาชนที่เคยไปเที่ยวหรือถ่ายรูปอาคารบอมเบย์เบอร์มาส่งภาพเข้ามาเพื่อใช้อ้างอิงในการบูรณะด้วย และระหว่างที่จะมีการบูรณะคืนสภาพเดิม กรมศิลปากรจะดำเนินงานในส่วนการขุดค้นทางโบราณคดีในพื้นที่ก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมควบคู่ไปด้วย เพื่อที่สามารถทราบการวางผังอาคาร ชั้นดิน พื้นชั้นล่างว่าผ่านมากี่ยุคสมัยแล้ว ขณะนี้ทีมเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้ดำเนินการสำรวจ จัดทำบัญชีตัวไม้ ลวดลายงานศิลปกรรม แยกประเภทหมวดหมู่ของหลักฐานที่เหลืออยู่สำหรับนำกลับมาใช้งานไว้แล้ว