ตา-ยายสอนหลาน'ตักน้ำรดเบาๆ' เล่นสงกรานต์ประหยัดให้เกียรติผู้อื่น


เพิ่มเพื่อน    

(ตา-ยายแนะลูกหลานเล่นน้ำสงกรานต์แบบประหยัด และรักษาประเพณีไทยให้ตักรดเบาๆ)


    “การเล่นน้ำสงกรานต์แบบประหยัด” กำลังถูกพูดถึงอยู่ขณะนี้ อย่างที่รู้กันดีว่าในช่วงปีใหม่ไทยตรงกับหน้าแล้ง ที่น้ำอาจจะหาได้ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นการเล่นสาดน้ำของคนรุ่นก่อนจึงเป็นไปอย่างประหยัดและสนุกสนานแบบพอหอมปากหอมคอ ถึงขั้นที่หนุ่มสาวยุคก่อนได้นำน้ำจากการขอพรรับศีลจากผู้ใหญ่ ซึ่งถือเป็นสิ่งมงคลมาใช้ประพรมกันเพื่อคลายร้อน หาใช่การสาดใส่กันแบบเปียกโชกแบบไม่รู้ค่าเหมือนเช่นวัยรุ่นยุคนี้ไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนออกมาเสนอแนะวิธีเล่นสงกรานต์กับแบบเซฟๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นในแหล่งน้ำ จะได้ไม่สิ้นเปลือง หรือเล่นสาดกันในสวนไร่นา ที่นอกจากความสนุกสนานแล้ว ต้นไม้ยังได้รับความชุ่มชื่นไปในคราวเดียวกัน...ไปฟังไอเดียเล่นน้ำสงกรานต์แบบประหยัดสมัยปู่ย่าตายายยังสาว เล่าสู่คนรุ่นลูกหลานกันดีกว่า

(วาสนา มาดาเมทร์)

    เริ่มกันที่ คุณป้าวาสนา มาดาเมทร์ วัย 62 ปี อาชีพแม่บ้าน บอกว่า “ในส่วนตัวที่เป็นคนรุ่นก่อน ก็อยากเห็นการเล่นน้ำสงกรานต์ที่เรียบร้อย สุภาพ เอาแค่ประพรมน้ำกันเล็กน้อยก็พอแล้ว เพราะการสาดด้วยน้ำแข็งหรือปีนฉีดแรงดันสูง นอกจากเป็นอันตรายแล้ว อาจทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน หรือกลายเป็นการทะเลาะเบาะแว้งกันได้ค่ะ ก็อยากให้ลด ละ เลิก รวมถึงการขับรถตระเวนสาดน้ำ ตรงนี้ก็อันตรายไม่แพ้กัน และยังทำให้สิ้นเปลื้องน้ำอีกเช่นกัน ตักรดกันเบาๆ ก็สนุกได้เหมือนกันค่ะ เพราะนั่นจะถือว่าเราให้เกียรติผู้อื่น” 

(ทวีศักดิ์ ทิพย์โกมล)

    ด้าน คุณลุงทวีศักดิ์ ทิพย์โกมล วัย 61 ปี ครูเกษียณอายุราชการ บอกว่า “อุปกรณ์บรรจุน้ำขนาดเล็ก” ถือเป็นวิธีเซฟตี้น้ำได้ทางหนึ่ง ที่สำคัญจะช่วยป้องกันไม่ให้เล่นรุนแรงได้ “หากเรามีการรณรงค์การเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่จัดงานโดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น ปีนฉีดน้ำไซส์เล็ก หรือแม้ใช้ฟอกกี้ฉีดน้ำ ก็สามารถทำให้วัยรุ่นสนุกได้ แบบไม่ต้องสาดน้ำกันแรงๆ ยังทั้งช่วยประหยัดน้ำช่วงอากาศร้อนได้ทางหนึ่ง ส่วนภาพของการนำโอ่งน้ำใส่กระบะท้ายรถแล้วไปตระเวนสาด หากเป็นไปได้ก็ควรลด ละ เลิกครับ เนื่องจากไม่มีประโยชน์ อีกทั้งเป็นอันตรายต่อผู้เล่นหากว่ารถยนต์ประสบอุบัติเหตุ กระทั่งเกิดการพลัดตกรถได้ ที่สำคัญสิ่งที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นแบบอย่าง ของการสาดน้ำวันปีใหม่ไทยที่ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ใช่ประเพณีดั้งเดิมของเรา และเป็นการเปลืองน้ำโดยใช่เหตุ เพราะยิ่งสาดมากก็ยิ่งต้องแวะหาจุดเติมน้ำมากเช่นกัน ก็อยากฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยครับ”

(วาสนา ภูเขียว)

    ทว่าไอเดียการยึดหลักเล่นสาดน้ำกันแบบ “พอเพียง” สมัยคนรุ่นปู่ย่าตาทวด ที่ต่อให้พูดกันกี่ครั้งก็ไม่วันเชย โดยเฉพาะ “การตักน้ำในขันลอยดอกมะลิรดกันเบาๆ” ไม่ใช่แค่ประหยัด แต่ยังทำให้ผู้ที่ถูกรดน้ำรู้สึกสดชื่นจากกลิ่นหอมของดอกไม้ไทยๆ มุมมองจาก            คุณป้าวาสนา ภูเขียว วัย 71 ปี ให้ไอเดียว่า “วิธีเล่นน้ำแบบประหยัดที่ลูกหลานยุคใหม่ควรเอาแบบอย่าง คือ การใช้ขันเล็กตักน้ำในขันใหญ่ เพื่อหยอดกันเบาๆ ที่มือหรือแขน ก็เป็นอะไรที่น่ารักแล้วค่ะ และหากจะให้ดีควรลอยดอกมะลิสด หรือใส่น้ำอบไทยลงไป ก็จะทำให้ผู้ที่ถูกขอรดน้ำรู้สึกสดชื่น เพราะอย่าลืม การสาดน้ำกันแรงๆ จะทำให้น้ำเข้าจมูกและเป็นหวัดได้ค่ะ เพราะปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเด็กๆ มักจะนำน้ำที่ไม่ค่อยสะอาดมาเล่นกัน หรือบ้านไหนที่อยากเพิ่มความเป็นไทย ป้าก็แนะนำให้ผสมน้ำอบไทยลงไป จากนั้นก็ใส่ในฟอกกี้ฉีดน้ำแบบฝอย เพื่อประพรมกันในหมู่ญาติ หรือเพื่อนสนิท ก็เป็นไอเดียคลายร้อนแบบไม่สิ้นเปลืองน้ำ”

(วันทนา ทองมิตร)

    ขณะที่ คุณป้าวันทนา ทองมิตร วัย 64 ปี ที่ตอบแบบอินเทรนด์ว่า การเล่นสาดน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีประหยัดน้ำได้ อธิบายว่า “อันที่จริงแล้วก่อนเล่นสาดน้ำก็อยากให้ลูกหลานไปรดน้ำดำหัวเพื่อขอพรจากผู้ใหญ่เสียก่อน หลักจากนั้นหากต้องเล่นน้ำกันก็ สามารถทำได้ทั้งการเล่นในแหล่งน้ำ เช่น สระน้ำส่วนตัว หรือบึงน้ำที่สามารถลงไปใช้ประโยชน์ได้ ก็ทำให้ไม่ต้องใช้น้ำจากก๊อกน้ำประปา ก็เป็นการประหยัดทรัพยากรที่ดี หรือหากเป็นในพื้นที่ กทม. สิ่งที่เหมาะมากที่สุด การใช้ปืนฉีดน้ำขนาดเล็ก ที่สำคัญต้องไม่เล่นแป้ง เพื่อป้องกันใบหน้าของเราสกปรก และลดการหาน้ำเปล่ามาล้างหน้า ตรงเป็นวิธีเซฟพลังงานน้ำได้ทางหนึ่งค่ะ”

(สุชิต พรมภักดี)

    ปิดท้ายกันที่ คุณลุงสุชิต พรมภักดี วัย 68 ปี ที่บอกว่า “การสาดน้ำแบบรักษ์โลก ก็อยากแนะนำให้ประพรมกันเบาๆ หรือใช้ขันน้ำใบเล็กๆ ตักรดกัน คิดง่ายๆ ว่าทำให้เหมือนกับการที่ลูกหลานรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ที่บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมาก แต่สิ่งที่ได้กลับทำให้ลูกหลานผูกพัน และไม่ลืมคุณตาคุณยายด้วยประเพณีดังกล่าว ดังนั้นการตักรดน้อยๆ แม้จะใช้น้ำในปริมาณที่น้อย แต่ก็ถือว่าเราในฐานะคนไทยได้ร่วมสืบสานประเพณีเล่นสาดน้ำกันแบบรู้คุณค่า”.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"