๒๔ มิถุนายน ม็อบมาแน่!
หากมองว่าเป็นการเคลื่อนไหว เพื่อรำลึกเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา
เพราะมีการเคลื่อนไหวลักษณะนี้มาทุกที
หากแต่การเคลื่อนไหวในปีนี้ หรือทุกปีในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการเพิ่มดีกรีเพื่อล้มล้างรัฐบาลเข้มข้นขึ้นในทุกปีเช่นกัน
เพราะรัฐบาลลุงตู่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายต่อต้านรัฐบาลสูงกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา
มีขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น
อีกทั้งมีความพยายามสานต่ออุดมการณ์คณะราษฎร
เช่น การประกาศสานต่อภารกิจคณะราษฎร ๒๔๗๕ ของนักการเมืองรุ่นใหม่อย่าง "ธนาธร" และ "ปิยบุตร"
ขณะที่คณะราษฎรเองใช่เป็นหนึ่งเดียว
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง คณะราษฎรแตกเป็นก๊ก ผลัดกันยึดอำนาจกันไปมา
การสานต่อภารกิจคณะราษฎร ยังเป็นที่คลุมเครือว่า สานต่อในด้านไหน
เป็นไปได้หรือไม่ว่านักการเมืองยุคใหม่มองว่า ยังไม่สามารถยึดอำนาจจากสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ทั้งหมด
จึงเป็นภารกิจที่ต้องทำให้ลุล่วง
"ปรีดี พนมยงค์" ให้สัมภาษณ์นิตยสารเอเชียวีก ฉบับวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๓ ก่อนถึงอสัญกรรมไม่ถึง ๓ ปี ไว้ดังนี้
........ในปี ค.ศ.๑๙๒๕ (พ.ศ.๒๔๖๘) เมื่อเราเริ่มจัดตั้งกลุ่มแกนของพรรคอภิวัฒน์ในปารีส ข้าพเจ้ามีอายุเพียง ๒๕ ปีเท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดความจัดเจน
แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้ว และได้คะแนนสูงสุด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี
ข้าพเจ้าไม่มีความจัดเจน และโดยปราศจากความจัดเจน
บางครั้งข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา
ข้าพเจ้าไม่ได้นำความเป็นจริงในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย
ข้าพเจ้าติดต่อกับประชาชนไม่พอ ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้าเป็นความรู้ตามหนังสือ
ข้าพเจ้าไม่ได้เอาสาระสำคัญของมนุษย์มาคำนึงด้วยให้มากเท่าที่ข้าพเจ้าควรจะมี
ในปี ค.ศ.๑๙๓๒ (พ.ศ.๒๔๗๕) ข้าพเจ้าอายุ ๓๒ ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่ข้าพเจ้าก็ขาดความจัดเจน...
และครั้นข้าพเจ้ามีความจัดเจนมากขึ้น (พ.ศ.๒๔๘๙-๒๔๙๐) ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ”...........
คำให้สัมภาษณ์นี้ไม่ค่อยจะถูกนำมาพูดถึงมากนัก โดยเฉพาะในหมู่คนที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย หัวก้าวหน้า
แต่หากนักการเมืองรุ่นใหม่นำมาถอดรหัสจะพบว่า ความระห่ำที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างเดียวโดยไม่สนใจพื้นฐานของสังคม ไม่ได้เอามาเป็นสาระสำคัญ จะนำไปสู่ความล้มเหลว
การกอดตำรา แล้วทุบโต๊ะว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว ในที่สุดจะนำมาซึ่งความล้มเหลว และความขัดแย้งไม่รู้จบ
การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไม่อาจทำได้โดยคนเพียงกลุ่มเดียว แล้วจะจบแบบสงบราบคาบ ไม่มีคนเห็นต่างลุกขึ้นมาต่อสู้
เพราะประชาชนมีความชัดเจนมานานแล้วว่า ยังต้องการการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบฝรั่งเศส.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |