วันที่ 22 มิ.ย.- นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากการประชุมพิจารณาทบทวนตัวชี้วัดตามแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2559-2564) ซึ่งเป็นแผนแม่บทระดับชาติ ให้ทุกหน่วยงานใช้ เป็นกรอบและทิศทางในการ ปฏิบัติการส่งเสริมคุณธรรม โดยนำกลไกประชารัฐมาใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อน ทั้งนี้ เนื่องจากการดำเนินงานผ่านมาแล้ว 4 ปี การวัดผลของแผนยังไม่เป็นที่ประจักษ์อย่างแท้จริง ซึ่งในระยะเวลาดำเนินงานของแผนที่เหลือ อีก 1 ปี ข้างหน้า ได้มอบหมายให้ กรมการศาสนา ในฐานะเลขานุการฯ จะต้องกลับไปทบทวนตัวชี้วัดการขับเคลื่อนการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมของสังคมไทยทุกระดับ ทั้งบุคคล ชุมชน และองค์กรให้เป็นไปตามเป้าหมายของแผนแม่บทที่วางไว้ 3 ประการ ได้อย่างแท้จริง ได้แก่ 1. ยึดมั่นในหลักธรรมทางศาสนา 2. น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาปฏิบัติ และ 3.ประชาชนต้องรู้รากเหง้ามรดกภูมิปัญญา รวมถึงสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของชาติ
“ หลายปีที่ผ่านมา จนถึงในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะเห็นได้ว่าสังคมไทย มีการขับเคลื่อนคุณธรรมในเชิงบวกมากขึ้น เห็นได้ประจักษ์ชัดในด้านจิตอาสา พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ที่ทรงสนับสนุนและหล่อหลอมคนไทย สังคมไทย เป็นสังคมแห่งการทำความดี ด้วยการให้ การแบ่งปัน เพื่อผู้อื่น และสาธารณประโยชน์ อีกทั้งคนไทยยังได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาใช้ดำเนินชีวิตมากขึ้นเช่นกัน ด้วยการปลูกผักไว้รับประทานเองและแบ่งปันให้ผู้อื่น รู้จักใช้เงินเก็บออมมากขึ้น ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ในส่วนดีๆ นี้จะต้องช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้มีมากขึ้น ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่า สิ่งเร้าทำให้สังคมเสื่อมลงก็มีอยู่มาก ดังนั้น ในช่วงเวลาตามแผนที่เหลืออีก 1 ปี หลังจากนี้ จะต้องหาทางขจัดปัญหาลดวงจรที่นำไปสู่ความเสื่อมของสังคมให้ได้ ซึ่งจะต้องสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” นายกฤษศญพงษ์ กล่าว
นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ฝ่ายเลขานุการฯ จะกลับไปทบทวนตัวชี้วัดการดำเนินงานตามแผนแม่บท ฯ จากเดิมที่มีการขับเคลื่อน โดยใช้หลักคุณธรรม 4 ประการ คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา โดยจะต้องปรับให้เป็นไปตามเป้าหมาย 3 ประการ และให้สามารถวัดผลได้จริงเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ เป็นเรื่องดีที่สังคมไทยวันนี้ เริ่มมีการตรวจสอบกันเองมากขึ้น มีสื่อต่างๆช่วยนำเสนอสิ่งไม่ดีในสังคม แต่ สิ่งที่จะต้องร่วมกันทำต่อคือ ช่วยหามาตรการแก้ปมปัญหาในสังคม ซึ่งจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายมาช่วยอีกทางหนึ่ง ตลอดจนต้องสนับสนุนการสร้างองค์กร หน่วยงานคุณธรรมด้วย