22 มิ.ย.63 - ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่คำสั่งที่ 40/2563 กรณีนายประชา ประสพดี ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 เนื่องจากในระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีผู้กล่าวหาต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ว่านายประชาใช้อำนาจรัฐมนตรีเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการดำเนินงานของคณะกรรมการองค์การตลาด โดยสั่งให้ชะลอการประชุมคณะกรรมการองค์การตลาดเพื่อช่วยเหลือ ผอ.องค์การตลาดที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต จนทำให้ ป.ป.ช.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2550 และเป็นความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 รวมทั้งมีการส่งเรื่องไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ดำเนินการถอดถอนนายประชาออกจากตำแหน่ง เป็นผลให้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ว่ากรณีที่ ป.ป.ช.มีมติดังกล่าว และส่งเรื่องให้ สนช.ดำเนินการถอดถอนนายประชาออกจากตำแหน่งนั้น เป็นมติและการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ละเมิดสิทธิเสรีภาพหรือไม่ และกรณี สนช.พิจารณาวินิจฉัยและลงมติถอดถอนนายประชาออกจากตำแหน่ง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ละเมิดสิทธิเสรีภาพหรือไม่ เนื่องจากไม่มีการยื่นคำร้องขอให้ถอดถอนตามกระบวนการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 270,271,272,273,274 จึงเป็นการกระทำที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยนายประชาได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนมติของ ป.ป.ช. และสนช. โดยให้มีผลย้อนหลังให้ถือว่านายประชาไม่เคยถูกสนช.ถอดถอนออกจากตำแหน่ง
โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า เมื่อรัฐธรรมนูญ 2550 สิ้นสุดลง มีประกาศคสช.ฉบับที่ 24/2557 ให้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 มีผลบังคับใช้ต่อไป และรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 มาตรา 6 วรรคสองบัญญัติให้ สนช.ทำหน้าที่วุฒิสภา ดังนั้นการที่ ป.ป.ช.มีมติดังกล่าว และเสนอเรื่องให้ สนช.ถอดถอนนายประชา จึงเป็นการกระทำที่อาศัยอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 มาตรา 66 มาตรา 56 ดังนั้น ป.ป.ช. และ สนช. มีอำนาจดำเนินการตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้น จึงไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของนายประชาตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครอง ประกอบกับการจะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อรัฐธรรมนูญตามมาตรา 213 นั้น ต้องเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับและต้องไม่เป็นกรณีที่ยุติแล้ว แต่กรณีที่นายประชาร้องเป็นการขอให้พิจารณาวินิจฉัยการกระทำที่มีข้อเท็จจริงซึ่งเกิดขึ้นและยุติแล้ว ก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับ จึงไม่อาจยื่นคำร้องโดยอาศัยช่องทางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ได้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |