ภาพ : แผนที่ภูมิภาคยุโรป
ที่มา : Political Map of the World
ถ้ายึดว่ากองทัพสหรัฐในต่างแดนมีเพื่อรักษาผลประโยชน์อเมริกา ขนาดกองทัพจะเล็กหรือใหญ่ จะส่งไปจุดใด ล้วนอยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ทั้งสิ้น
ข่าวประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศจะถอนทหารเกือบหมื่นนายออกจากเยอรมนีเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้ฝ่ายสหรัฐอ้างว่านาโตมีข้อตกลงเมื่อปี 2014 ชาติสมาชิกจะต้องตั้งงบกลาโหมให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 2 ของจีดีพีภายในปี 2024 แต่เยอรมนีไม่เคยทำได้ และประกาศว่าคงไม่ทำตามกำหนดเส้นตาย กลายเป็นเรื่องที่ประธานาธิบดีทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์เรื่อยมา ตั้งแต่ช่วงหาเสียง ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐต้องจ่ายเงินสนับสนุนมากเกิน ไม่คุ้มกับประโยชน์ที่ได้ ในขณะที่ชาติสมาชิกอื่นๆ แบกรับภาระน้อยเกินไป ไม่ยุติธรรมต่อสหรัฐ
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องดังกล่าว ทรัมป์มักอ้างเหตุผลอื่นๆ อีกหลายข้อ เช่น เยอรมนีเตรียมซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียผ่านท่อ Nord Stream 2 ผูกโยงเศรษฐกิจการเมืองกับรัสเซียมากขึ้น สหรัฐขาดดุลการค้าต่อเยอรมนี ซึ่งทรัมป์ตีความว่าเป็นการค้าที่ไม่ยุติธรรม
หากข้ออ้างเหล่านี้ไม่สมเหตุสมผล แล้วเหตุผลที่แท้คืออะไร
ความสำคัญทางยุทธศาสตร์ที่ทรัมป์ไม่เอ่ยถึง :
ตอนสิ้นสงครามเย็นมีทหารอเมริกันกว่า 250,000 นายประจำการในเยอรมนี ปัจจุบันเหลือ 34,500 นาย และทรัมป์สั่งให้ปรับลดอีกเกือบหมื่นนาย (ราว 1 ใน 3)
การที่สหรัฐยังคงกองทัพรวมทั้งอาวุธนิวเคลียร์ในหลายประเทศยุโรป เป็นยุทธศาสตร์ด้านการทหารระดับโลกเพื่อรักษาความเป็นเจ้า พูดให้ชัดคือรวมถึงการแผ่อิทธิพลเหนือยุโรปด้วย ไม่ต่างจากกรณีเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและอื่นๆ ที่สหรัฐมีฐานทัพของตนในประเทศนั้นๆ คำถามคือสหรัฐจะยอมคลายยุโรปออกหรือ
เจนส์ สโตลเตนเบิร์ก (Jens Stoltenberg) เลขาธิการนาโตอธิบายให้เห็นภาพกว้างว่าที่ผ่านมาปฏิบัติการต่างๆ ของสหรัฐในตะวันออกกลาง อัฟกานิสถาน แอฟริกา ต้องอาศัยฐานทัพที่ตั้งอยู่ในยุโรป เป็นเรื่องความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐโดยตรง
Mark Hertling อดีตผู้บัญชาการทหารอเมริกันในยุโรปทวีตข้อความว่าผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ที่สหรัฐได้เหนือกว่าประเด็นงบกลาโหมร้อยละ 2
ไฮโค มาส (Heiko Maas) รมต.ต่างประเทศเยอรมนี กล่าวว่า ทั้งเยอรมนีกับสหรัฐต่างได้ประโยชน์จากความร่วมมือทางทหาร ยอมรับว่าความสัมพันธ์ทวิภาคีไม่ดีนัก เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน
ดูเหมือนทรัมป์ไม่เข้าใจยุทธศาสตร์ทางทหารหรือไม่ ก็แค่พูดหวังแต่คะแนนเสียง
คิดในเชิงยุทธศาสตร์ :
ประการแรก สหรัฐปรับกำลังให้เหมาะสมกับบริบท
2-3 ปีมานี้สหรัฐเพิ่มกำลังทหารในโปแลนด์ ด้วยเหตุผลรัฐบาลโปแลนด์ร้องขอให้ช่วยส่งทหารมาต้านรัสเซีย มีความเป็นไปได้ว่าสหรัฐจะเพิ่มกำลังทหารอีก เป็นเรื่องปกติของการเคลื่อนย้ายกำลังพล ไม่ว่าทหารที่ย้ายจะกลับประเทศหรือไปอยู่ที่อื่นเพื่อให้ได้ประสิทธิผลสูงสุด ปรับตามยุทธวิธีรบแผนใหม่ การปรับลดงบประมาณส่วนนี้เพื่อไปใช้ส่วนอื่น
หากทหารสหรัฐมาตั้งในโปแลนด์มากขึ้นย่อมเป็นประโยชน์ช่วยคุ้มครองอำนาจของชนชั้นปกครองที่นั่นแลกกับประเทศตกอยู่ใต้อิทธิพลของรัฐบาลสหรัฐ หรืออย่างน้อยได้รับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจสังคมมากขึ้น และในอนาคตอาจเป็นที่ตั้งอาวุธนิวเคลียร์สหรัฐด้วย (ตามโครงการ Nuclear sharing) มีกระแสข่าวเรื่องนี้เช่นกัน
ประการที่ 2 เยอรมนีไม่ใช่หน้าด่านสมรภูมิอีกแล้ว
ในสมัยสงครามเย็น เยอรมนีแบ่งเป็นเยอรมนีตะวันตกกับตะวันออก ทั้ง 2 ค่าย (ฝ่ายนาโตกับค่ายโซเวียต) ต่างประจำการทหารนับแสนนาย เครื่องบินรถถังมากมาย เพราะเป็นสมรภูมิหน้าด่านสำคัญ แต่ทุกวันนี้สหภาพโซเวียตแตกออกแล้ว เยอรมนีกลับมารวมเป็นหนึ่งเดียว ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ทางทหารเปลี่ยนไป สหรัฐควรเพิ่มทหารที่ติดชายแดนรัสเซียหรือให้ใกล้ที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นโปแลนด์ผู้กำลังเป็นมิตรที่ดีหรือไม่ก็โรมาเนีย ยูเครน
ประการที่ 3 สร้างเรื่องให้สหรัฐเป็นฝ่ายอยากถอนทัพ
แนวคิดนี้อธิบายว่าเยอรมนีต้องการลดกำลังทหารอเมริกัน แต่สร้างเรื่องให้สหรัฐเป็นฝ่ายอยากถอนทัพเอง เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับประเด็นงบประมาณด้วย ไมค์ พอมเพโอ (Mike Pompeo) รมต.ต่างประเทศพูดเมื่อปีที่แล้วว่า แม้สงครามเย็นจะสิ้นสุดนานแล้ว ปัจจุบันยังมีทหารสหรัฐ 35,000 นายประจำการในเยอรมนี เป็นประเด็นที่รัฐบาลสหรัฐเรียกร้องให้เยอรมนีเพิ่มเงินสนับสนุนกองทัพสหรัฐเหล่านี้
แต่ถ้าพิจารณาในแง่คนเยอรมันมองกองทัพสหรัฐในแง่ลบ ไม่ต้องการทหารต่างชาติในแผ่นดินของตน หลายคนต้องการลดทหารอเมริกัน การสร้างเรื่องความไม่พอใจของทรัมป์นำสู่การลดกำลังทหารเพื่อไว้หน้ารัฐบาลสหรัฐ โดยเฉพาะประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการโชว์ “America Great Again” ช่วยรักษาภาพพจน์สหรัฐผู้ยิ่งใหญ่ของโลก เป็นแนวทางอธิบายที่เป็นไปได้เหมือนกัน
ในอนาคตยุโรปจะมีกองทัพของตัวเอง :
การปรับลดขนาดกองทัพสหรัฐในเยอรมนีสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ยุโรป (อียู) ที่หวังสร้างกองทัพของตัวเอง เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวที่อาจกินเวลาอย่างน้อย 20-30 ปี
ยุโรปต้องมีกองทัพที่เป็นของยุโรปจริงๆ เพื่อปกป้องภัยจากรัสเซีย จีน และแม้กระทั่งสหรัฐ ผู้นำฝรั่งเศสเสนอให้จัดตั้ง “กองทัพยุโรปจริงๆ” ประธานาธิบดีมาครงกล่าวชัดถ้อยชัดคำว่า “ยุโรปจำต้องปกป้องตัวเองได้ดีด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาสหรัฐอเมริกา” ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนและประกันความมั่นคงด้วยตัวเอง ปกป้องอธิปไตยยุโรป ด้วยเหตุนี้จำต้องทบทวนโครงสร้างความมั่นคงและระบบป้องกันประเทศยุโรปจากอาวุธทุกรูปแบบ
นับจากสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ยุโรปตะวันตกอยู่ใต้ความคุ้มครองของสหรัฐ ในช่วงสงครามเย็นอธิบายได้ว่ายุโรปกำลังฟื้นตัวหลังเสียหายยับเยินจากสงครามโลก ความขัดแย้งทางอุดมการณ์การเมืองที่รุนแรงกับค่ายสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ นำสู่การเผชิญหน้าด้วยกองทัพมหาศาล อาวุธนิวเคลียร์
หลังสิ้นสหภาพโซเวียต ภัยคุกคามจากค่ายคอมมิวนิสต์หมดไป ยุโรปตะวันตกไม่คิดว่าตัวเองมีภัยคุกคามทางทหารที่ร้ายแรงเช่นอดีต การเป็นสมาชิกนาโตมีทั้งข้อดีข้อเสีย ถ้ามองในแง่ข้อเสีย นักวิชาการอย่าง John Laughland ถึงกับใช้คำว่ายุโรปเป็นรัฐภายใต้การอารักขาของอเมริกา (an American protectorate) ยุโรปพึ่งพาสหรัฐไม่เพียงด้านความมั่นคงทางทหารเท่านั้น นโยบายระหว่างประเทศหลายเรื่องยังแอบอิงสหรัฐด้วย
การมีกองทัพของตัวเองอย่างเข้มแข็ง ไม่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ ไม่ใช่เรื่องของศักดิ์ศรีเท่านั้น แต่เป็นความมั่นคงแห่งชาติที่ยั่งยืน แต่จะเป็นจริงเมื่อไหร่คงเป็นอนาคตอีกไกล
วิเคราะห์องค์รวมและสรุป :
ฐานทัพสหรัฐในเยอรมนีคือฐานทัพใหญ่ที่สุดและสมบูรณ์ที่สุดในยุโรป ข่าวถอนทหารถูกวิเคราะห์ไปต่างๆ นานา แต่หากเป็นเพียงการเคลื่อนย้ายกำลังพลตามบริบทที่เปลี่ยนไป สอดคล้องกับยุทธศาสตร์นาโตฝั่งยุโรป เช่นนี้ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ความตื่นเต้นเกิดจาก ”ข่าว” กับการนำเสนอแบบให้ชวนคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตรุนแรงมากกว่าเน้นเนื้อหาข้อเท็จจริง
อันที่จริงแล้วถ้าศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน การปรับลดกำลังพลไม่ใช่เรื่องแปลก ข้อมูลจากเยอรมนีเผยว่า ปี 2006 มีทหารอเมริกันราว 72,400 นาย ทยอยลดลงจนเหลือ 33,250 นาย ปีนี้เป็นอีกครั้งที่ปรับลดเท่านั้นเอง ถ้ายึดว่ากองทัพสหรัฐในต่างแดนมีเพื่อรักษาผลประโยชน์อเมริกา ขนาดกองทัพจะเล็กหรือใหญ่ จะส่งไปจุดใด ล้วนอยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ทั้งสิ้น
ณ วันนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าสหรัฐจะถอนทหารออกจากเยอรมนีหรือไม่ มากน้อยเพียงไร จะย้ายไปประจำการประเทศใดแทน แต่หากสหรัฐส่งทหารนับหมื่นเข้าโปแลนด์ โรมาเนีย ยูเครน หรือประเทศใดๆ ที่ใกล้รัสเซีย ความตึงเครียดในภูมิภาคจะเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน
เป็นอีกประเด็นที่ควรติดตาม.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |