'ดร.พิชาย'เสนอโจทย์6ข้อที่ปชช.ควรได้เห็นหาก'ประยุทธ์'มีเจตจำนงจะทำงานแบบNew Normal


เพิ่มเพื่อน    

'

19 มิ.ย.63-รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อดีตคณะบดีพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม  สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)และประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) โพสตข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม  ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย แถลงเรื่อง "วิธีการทำงานแบบ New Normal ของนายกรัฐมนตรี"  มีเนื้อหาดังนี้

หากพลเอกประยุทธ์มีเจตจำนงแน่วแน่และจริงใจตามที่ประกาศ “เป็นสัญญาประชาคม”  ในเรื่อง “การผนึกทุกภาคส่วนร่วมวางอนาคตประเทศไทย”   “การประเมินผลงานภาครัฐ โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตัวจริง” และ “ การทำงานเชิงรุก”    สิ่งที่ควรตามมาและประชาชนควรได้เห็นภายในเดือนนี้หรือเดือนหน้าคือ

๑) จะเห็นพลเอกประยุทธ์ออกมาปฏิบัติการเชิงรุก ด้วยการประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉิน และแถลงแผนการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นในทุกระดับ เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นคือการสร้างการมีส่วนร่วมให้แก่ประชาชนในการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนาท้องถิ่นอย่างกว้างขวาง  

๒) เราจะเห็นพลเอกประยุทธ์ออกมาประกาศว่ารัฐบาลจะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง เพื่อให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการร่างอย่างกว้างขวาง และมีเนื้อหาที่มีความเป็นประชาธิปไตย เพิ่มอำนาจแก่ประชาชน ขยายการมีส่วนร่วมและเสรีภาพมากขึ้น  

๓) การประกาศยกเลิกยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี (๒๕๖๑ – ๒๕๘๐)  เพราะยุทธศาสตร์ฉบับนี้ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน   และในปัจจุบันก็ล้าสมัยไปแล้ว  พร้อมกันนั้นก็แก้ไขพรบ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ๒๕๖๐ เสียใหม่ เพื่อผนึกพลังทางสังคมและให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติใหม่
๔) ประกาศสนับสนุนและสร้างกลไกที่เป็นรูปธรรมเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา ตำรวจ และกองทัพ  โดยให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง

๕) การปรับคณะรัฐมนตรี โดยปรับบุคคลทุกคนที่มีชื่อเสียงและพฤติกรรมอื้อฉาวเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบ ปกปิดทรัพย์สิน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และบุคคลที่ไร้ความสามารถออกจากตำแหน่งทุกคน  จากนั้นแต่งตั้งบุคคลใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแทนโดยพิจารณาจากความสามารถ ความซื่อสัตย์ และการเสียสละต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง  มิใช่แต่งตั้งตามจำนวนโควต้าของส.ส.ของแต่ละกลุ่ม แต่ละพรรค

๖)  ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้ง คณะกรรมการประเมินผลแห่งชาติ  และมีอนุกรรมการประเมินผลแห่งชาติระดับจังหวัด ที่ประกอบด้วยตัวแทนประชาชนทุกภาคส่วน  คณะกรรมการและอนุกรรมการมีอำนาจหน้าที่ติดตามประเมินผลโครงการของรัฐบาล หน่วยราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ  ทุกระดับ

แต่หากไม่มีเรื่องเหล่านี้ให้เห็น แม้แต่เรื่องเดียวภายในหนึ่งหรือสองเดือน  เราก็สามารถสรุปได้ว่า สัญญาประชาคมที่พลเอกประยุทธ์ประกาศออกมาเป็นเพียงสัญญาที่ว่างเปล่า  และเป็นเพียงปฏิบัติการเชิงจิตวิทยามวลชนเพื่อลดแรงกดดันต่อรัฐบาลเท่านั้น

สิ่งที่รัฐบาลประยุทธ์จะเผชิญ กรณีที่ละเมิดสัญญาประชาคมก็คือ ความเสื่อม เสียงวิจารณ์ การตำหนิ และการขับไล่ออกจากอำนาจ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"