วิป 2 ฝ่ายเคาะอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบปี 64 วาระแรก 1-3 ก.ค. เริ่ม 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืนครึ่ง "ไพบูลย์" หืดจับนั่งประธาน กมธ.สอบงบกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท หลังพรรคร่วมรัฐบาลจับมือฝ่ายค้านขวางดัน "กนก" แทน ทำบิ๊ก พปชร.เต้นผางล็อบบี้ก่อนโหวตลับชนะ 9 เสียง
ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกำหนดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 เพื่อรับหลักการวาระที่ 1 ว่า เดิมรัฐบาลมีความประสงค์จะพิจารณาวันที่ 24-25 มิ.ย. แต่สมาชิกจะมีเวลาศึกษาเอกสารเพียง 7 วันเท่านั้น แต่ด้วยเอกสารมีจำนวนมาก จึงให้แนวทางปฏิบัติไปว่าควรมีเวลาศึกษาไม่น้อยกว่า 10 วัน และให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรหารือกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากรัฐบาลว่าขอเป็นวันที่ 1-2 ก.ค. แต่หากเวลาไม่พอก็สามารถขยายออกไปได้ตามความจำเป็น
อย่างไรก็ตาม การกำหนดจำนวนชั่วโมงการอภิปรายให้ทั้งสองฝ่ายบริหารกันเอง จะสะดวกกับการทำหน้าที่ของประธานที่ประชุม แต่มีจุดอ่อนกรณีสมาชิกบางคนพูดนอกประเด็นไปเยอะ ทำให้ฝ่ายค้านแจ้งขอให้ประธานในที่ประชุมช่วยเตือน รวมถึงปัญหาการอ่านเอกสาร ซึ่งบางคนก็เปลี่ยนวิธีการไปอ่านผ่านไอแพด จึงได้เตือนไปแล้วและขอให้การอภิปรายเป็นไปตามข้อบังคับ
นายชวนกล่าวด้วยว่า สำหรับการกำหนดสัดส่วนกรรมาธิการใหม่ หลังจากจํานวน ส.ส.แต่ละพรรคการเมืองเปลี่ยนแปลงไป วันนี้มีวาระเพื่อทราบขอเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลในคณะกรรมาธิการใหม่เกือบ 10 คณะ แต่ยังคงยึดไปตามสัดส่วนเดิม
จากนั้นในช่วงบ่าย มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้เเทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีตัวแทนฝ่ายค้านและรัฐบาล อาทิ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล, นายสุทิน คลังเเสง ประธานวิปฝ่ายค้าน เข้าร่วมหารือเพื่อกำหนดกรอบเวลาการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ในวาระที่ 1
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติจะประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 64 ในวันที่ 1-3 ก.ค. เริ่มประชุมตั้งแต่ 09.00-00.30 น. และจะมีการลงมติรับหลักการหรือไม่ในวันที่ 3 ก.ค. ทั้งนี้ การจัดสรรเวลาการประชุมนั้นฝ่ายค้านได้เวลาอภิปราย 22.50 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีได้ 22 ชั่วโมง ขณะที่ในส่วนของประธานสภาได้ 2 ชั่วโมง
วันเดียวกันเวลา 13.30 น. มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาติดตาม ตรวจสอบ การใช้เงินตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท เป็นนัดแรก มีนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย เป็นประธานการประชุมชั่วคราว ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุด เพื่อทำหน้าที่เลือกผู้ทำหน้าที่ประธาน กมธ.อย่างเป็นทางการ
ทันทีที่เข้าสู่วาระการประชุม ส.ส.ซีกพรรคฝ่ายค้าน อาทิ นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กับนายอดิศร เพียงเกษ กมธ.สัดส่วนเพื่อไทย และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เสนอให้ซีกรัฐบาลเสียสละให้ตัวแทนจากฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ในฐานะประธาน กมธ.เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ เพราะเป็นเงินจำนวนมากที่รัฐบาลกู้มา เพื่อสอดคล้องกับสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ประกาศถึงแนวทางการทำงานของรัฐบาลนิวนอร์มอล ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมแสดงความเห็นและร่วมตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ทำให้นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ พูดตัดบทด้วยการเสนอชื่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน กมธ.ทันที
จากนั้นทำให้ที่ประชุมตึงเครียดทันที โดยมี กมธ.ยกมือเพื่อขออภิปรายจำนวนมาก นายมุข สุไลมาน รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ ในฐานะกรรมาธิการซีกฝ่ายค้าน อภิปรายว่า ผู้ที่ทำหน้าที่ประธานกมธ.คณะนี้ต้องเป็นผู้ที่สังคมให้การยอมรับ เพราะการใช้งบประมาณตาม พ.ร.บ.การกู้เงิน ประชาชนจับตาดูอยู่ จึงต้องให้คนที่ไว้วางใจได้ทำหน้าที่ ดังนั้นถ้าประธานไม่เป็นที่ยอมรับ ประชาชนจะร้องยี้ตั้งแต่แรก อยากให้เห็นประโยชน์ และควรเอาบุคคลที่มีความสามารถและมีปัญหาน้อยที่สุดใน 49 คนมาทำหน้าที่ประธานจะดีที่สุด โดย กมธ.สัดส่วนฝ่ายค้านและซีกพรรคร่วมรัฐบาลบางส่วนเห็นด้วยกับสิ่งที่นายมุขอภิปราย
ทำให้นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา อภิปรายว่า ประธาน กมธ.คณะนี้จำเป็นต้องได้คนที่มีความรู้ความสามารถ มีความอาวุโสทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ ซึ่งเห็นว่าใน กมธ.นี้ นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นผู้ที่เหมาะสม เพราะจากการฟังการอภิปรายในสภา ถือว่าเป็นผู้ที่ปรารถนาดีในการรักษางบประมาณจากภาษีของประชาชน ถ้ารัฐบาลอยากให้มีการตรวจสอบอย่างเป็นธรรมจำเป็นต้องใจกว้าง เพราะจะทำให้ตำแหน่งประธานสง่างามมากขึ้น ในฐานะที่เป็น ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ก็อยากเห็น กมธ.มองที่ตัวบุคคลที่จะทำให้ภารกิจที่ได้รับเป็นประโยชน์สูงสุดของประชาชน ทำให้ กมธ.ซีกฝ่ายค้านนำโดยนายอดิศร เพียงเกษ กับนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย สนับสนุนให้นายกนกเป็นประธาน โดยเห็นว่าแม้นายไพบูลย์จะมีความสามารถแต่ไม่มีความเหมาะสม เพราะจากข่าวเห็นว่าเป็นชื่อที่ถูกเสนอมาจากรัฐบาล การตรวจสอบงบก้อนนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จึงขอให้นายไพบูลย์ถอนตัวแล้วให้นายกนกทำหน้าที่จะดีกว่า เพราะเป็นที่ยอมรับ ไม่มีตำหนิ โดยนายอดิศรถึงขั้นระบุเลยว่า หากนายไพบูลย์เป็นประธานจะลาออกจาก กมธ.คณะนี้
จากนั้นนายวิสารได้เสนอให้มีการลงคะแนนลับ หากนายกนกไม่รับการเสนอชื่อ ฝ่ายค้านจะวอล์กเอาต์ ทำให้ น.ส.พัชรินทร์ ซําศิริพงษ์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอให้มีการลงคะแนนแบบเปิดเผย แต่ฝ่ายเลขานุการ กมธ.ยืนยันว่าตามข้อบังคับเมื่อมีคู่แข่งต้องลงคะแนนแบบลับ โดยทั้งนายไพบูลย์และนายกนกไม่มีใครถอนตัว ที่สุดจึงเปิดให้มีการลงคะแนนลับ โดยให้เขียนหมายเลขลงในกล่องลงคะแนนหน้าห้องประชุม โดยมี กมธ.ลงคะแนน 48 คน ขาด 1 เสียง เนื่องจาก น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ไม่ได้เข้าประชุม
ทั้งนี้ ระหว่างการลงคะแนนนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินล็อบบี้ กมธ.พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ กมธ.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยเพื่อให้เลือกนายไพบูลย์ นอกจากนั้นยังมีนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ได้โทรศัพท์มายังนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอคุยกับนายกนกให้ถอนตัว แต่นายกนกไม่คุยด้วย จนในที่สุดผลการลงคะแนนลับปรากฏว่านายไพบูลย์ชนะ นายกนก 28 ต่อ 19 โดยไม่ลงคะแนน 1 เสียง ได้เป็นประธาน กมธ.วิสามัญ โดยใช้เวลาในการพิจารณานานเกือบ 2 ชั่วโมง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |