สาวคลั่งฆ่าโหดพ่อ ฟันหน้าตัดเจ้าโลก


เพิ่มเพื่อน    


    สาววัย 29 ก่อคดีปิตุฆาต ใช้มีดฟันหน้าพ่อ เฉือนเจ้าโลกหลุดทั้งพวงตายสยองคาบ้าน ส่วนผู้ก่อเหตุก็หนีไม่รอดหลังเพื่อนบ้านพบออกจากบ้านด้วยคราบเลือดทั่วตัว แจ้งตำรวจดักรวบไว้ได้กลางทาง คร่ำครวญถูกพ่อทำร้ายตั้งแต่เด็ก แม่เผยติดยาจนจิตฟั่นเฟือน ตำรวจส่งตัวให้แพทย์ตรวจ ตั้งข้อหา เจตนาฆ่าคนตาย 
    เมื่อคืนวันที่ 16 มิถุนายนนี้ ร.ต.อ.ไมตรี มะลิลา รอง สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกแทงเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 306/141 ซอยชุมชนท่าทราย 3 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง พ.ต.ท.สุรินทร์ ภู่ฤทธิ์ รอง ผกก.สส. แพทย์ รพ.ภูมิพล เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว พบศพนายเกษม บุญญชล อายุ 58 ปี สวมเสื้อโปโล กางเกงขาสั้น มีผ้าพันแผลที่ขาขวาและแขนขวา เนื่องจากประสบอุบัติเหตุรถล้ม สภาพศพโดนมีดฟันที่กลางหน้าผาก และอวัยวะเพศถูกตัดตกอยู่ข้างศพ
    สอบสวนพยานให้การว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายมานั่งหน้าบ้านหลังกลับจากทำแผลที่โรงพยาบาล จากนั้น น.ส.บุญญดา จันทร์จวง อายุ 29 ปี ลูกสาวของผู้ตายได้ชวนพ่อเข้าบ้านไปประมาณ 10 นาที ขณะนั้นฝนตกหนัก จากนั้นลูกก็เดินออกจากบ้านไปโดยที่เสื้อผ้าเปื้อนคราบเลือด ถือกระเป๋าใบเล็ก และไม่ได้คุยกับใคร ทำให้เพื่อนบ้านเกิดความสงสัย เดินไปดูที่บ้านก็พบคราบเลือด จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ
    น.ส.เจียรไน จันทร์จวง อายุ 52 ปี อดีตภรรยานายเกษม กล่าวว่า ตนเลิกกับสามีมาตั้งแต่ลูกสาวยังเล็ก พอลูกเข้า ม.1 สามีขอลูกมาเลี้ยง ตนก็ให้ค่าใช้จ่าย ปกติผู้ตายเป็นคนฉุนเฉียว ซึ่งคนทั่วไปไม่รู้ว่าชอบดุด่าลูก หลังลูกจบ ม.3 มีปัญหาติดแฟนแล้วพาไปเสพยาเสพติดจนสติเพี้ยน จนเดือนกันยายนปี 2562 ตนพาไปรักษาที่ รพ.รามาธิบดี ทุกวันนี้ยังมีอาการทางจิตอยู่ ต้องไปหาหมอจิตเวชเป็นประจำ ที่ผ่านมาลูกแยกกันอยู่กับพ่อ แต่ไม่มีใครรู้ว่าพักที่ไหน นานๆ ลูกจะมาหาพ่อที่บ้าน
    ต่อมาเวลา 02.30 น. วันที่ 17 มิ.ย. พ.ต.ท.สุรินทร์ ภู่ฤทธิ์ รอง ผกก.สส.สน.ทุ่งสองห้อง พร้อมกำลังชุดสืบสวน ติดตามจับกุมตัว น.ส.บุญญดาได้ที่บริเวณปากซอยชินเขต 1/31 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. ขณะเดินอยู่ริมถนน ควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.ทุ่งสองห้อง ส่วนอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ พบว่าผู้ต้องหานำไปทิ้งที่ถังขยะบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น แยกภาสยา 
    ในเบื้องต้น น.ส.บุญญดา ผู้ต้องหา อยู่ในสภาพอ่อนเพลียหมดแรง พูดจาวกวนไม่รู้เรื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนั่งควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด และรอให้ผู้ต้องหามีอาการดีขึ้นมากกว่านี้ จึงทำการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    ในช่วงสาย เจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกตัว น.ส.บุญญดา ออกจากห้องคุมขังไปตรวจสภาพจิตใจ และตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์ ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงสาเหตุที่ฆ่าพ่อตนเอง ปรากฏ น.ส.บุญญดาโวยวายตลอด และกล่าวเพียงว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ผ่านมาตนเคยถูกพ่อทำร้ายมาตั้งแต่เด็ก 
    พ.ต.ท.สุรินทร์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุฝ่ายสืบสวนได้แกะรอยติดตามตัวผู้ก่อเหตุ พบว่าได้ไปหาเพื่อน ก่อนจะนั่งรถแท็กซี่ออกไปไม่ทราบปลายทาง กระทั่งไปพบอยู่ปากซอยชินเขต 1/31 จึงเชิญตัวมาที่สถานีตำรวจ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสอบปากคำ น.ส.บุญญดาได้ เนื่องจากผู้ต้องหาพูดจาไม่รู้เรื่อง และเจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    มีรายงานว่า น.ส.บุญญดาเคยเดินทางมาที่ สน.ทุ่งสองห้องบ่อยครั้ง เพื่อแจ้งความเกี่ยวกับคดีของลูกที่ถูกสามีตัวเองข่มขืน ซึ่งทุกครั้งจะเรียกวินรถจักรยานยนต์รับจ้างให้มาส่ง บางครั้งก็ไม่จ่ายเงินให้วินรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องจ่ายค่ารถแทน
    พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง กล่าวว่า ตำรวจยังไม่สามารถสอบปากคำผู้ต้องหาได้ เพราะผู้ต้องหาให้การวกวน หากถามเรื่องทั่วไปจะตอบได้ แต่หากถามเรื่องคดีจะตอบไม่รู้เรื่อง ส่วนการตรวจหาสารเสพติดเบื้องต้นไม่พบแต่อย่างใด ทางพนักงานสอบสวนเห็นว่าหากไม่สามารถสอบสวนได้ต้องนำตัวส่งไปยังสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอาการ หากแพทย์ระบุว่ามีอาการผิดปกติทางจิตจริงต้องทำการรักษาก่อนจึงจะกลับมาดำเนินคดีภายหลัง เนื่องจากขณะนี้มีเพียงคำให้การของพยานกับประวัติการรักษาที่ รพ.ศรีธัญญา ระบุว่าไม่ได้มีอาการทางจิตที่รุนแรง แต่จากหลักฐานกล้องวงจรปิดหน้าร้านสะดวกซื้อชี้ให้เห็นมีการนำมีดที่ก่อเหตุไปทิ้งถังขยะหน้าร้าน
    จากการสอบสวนแม่ผู้ต้องหาให้การว่า อดีตสามีหรือผู้ตายเป็นคนพูดจารุนแรง หยาบคาย ชอบด่าทอและต่อว่าลูกสาวบ่อยครั้ง แต่ไม่ถึงกับทำร้ายร่างกาย ส่วนของสาเหตุที่หญิงก่อเหตุมาแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้องหลายครั้ง ส่วนมากเป็นการแจ้งความหรือตามความคืบหน้าในคดีสามีข่มขืนลูก ซึ่งคดีนี้อยู่ในชั้นศาลแล้ว นอกจากนี้ตัวผู้ก่อเหตุเองเคยถูกจับในคดีเสพยาเสพติดหลายครั้ง จึงอาจเกิดความผูกพันกับสถานีตำรวจ เบื้องต้นตำรวจจะดำเนินการตามพยานหลักฐาน และได้แจ้งข้อหาผู้ต้องหาคือ "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" แต่ต้องรอคำวินิจฉัยจากแพทย์อีกครั้ง. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"