17มิ.ย.63-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยุติธรรม และกมธ.การศึกษา สภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) กรณีที่มีโรงเรียนและผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษา และมัธยมศึกษาในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด อุดรธานี มุกดาหาร ยโสธร และอำนาจเจริญ กว่า 1,000 แห่ง ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากถูกร้านค้าฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายให้ชดใช้หนี้อันเกิดจากการสั่งซื้อครุภัณฑ์ให้โรงเรียนตั้งแต่ปี 2561 จากการที่มีกลุ่มบุคคลอ้างตัวเป็นบริษัทเอกชน เดินสายพบปะกับผู้อำนวยการโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อนำครุภัณฑ์ทางการศึกษา หลอดไฟฟ้าแอลอีดี สมาร์ททีวี ขนาด 52 นิ้ว และเครื่องกรองน้ำ ให้กับทางโรงเรียนโดยระบุว่าโรงเรียนไม่ต้องชำระเงิน แต่ให้ทำใบสั่งซื้อและอนุโมทนาบัตรแทน แต่ปรากฎภายหลังว่าโรงเรียนกว่า 1,000 แห่ง ได้รับหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้ มูลค่าโรงเรียนละ 1.9 แสน - 2 แสนบาท จึงมีนัยยะว่ามีขบวนการทำเป็นลักษณะของบริษัทอ้างว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีงบประมาณจัดซื้อให้โรงเรียนเหล่านี้ แต่สุดท้ายกลับโยนภาระให้กับโรงเรียน ทำให้โรงเรียน และครู ในพื้นที่ภาคอีสานเดือดร้อนมากเกินความสามารถถของเขตพื้นที่การศึกษาที่จะเยียวยาได้นั้น

นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว พบว่า กรณีนี้เกิดขึ้นจากการเซ็นสัญญาระหว่างโรงเรียนกับกลุ่มบุคคลแอบอ้างที่เสนอครุภัณฑ์ โดยการจัดซื้อครุภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้ใช้งบประมาณจาก สพฐ.ในการดำเนินการจัดซื้อ เนื่องจากโครงการดังกล่าวไม่ได้เป็นนโยบาย หรือ ข้อสั่งการจาก สพฐ.ให้ดำเนินการแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม สพฐ. จะมีการศึกษาเรื่องดังกล่าว เพื่อหาแนวทางที่จะเข้าไปดูแลและให้ความช่วยเหลือโรงเรียน ว่าจะสามารถดำเนินการสนส่วนใดได้อย่างไรบ้าง โดยที่การช่วยเหลือดังกล่าวจะต้องไม่ขัดหลักกับข้อกฎหมาย