รัฐบาลกู้เงินมา ๑ ล้านล้าน
    เป้าหมาย เพื่อ.....
    ใช้ปราบโควิด, แจกจ่ายชาวบ้าน, สร้างงาน, กระตุ้น-ฟื้นฟูเศรษฐกิจ แบบเฉพาะหน้าและแบบยั่งยืน
    เห็น ส.ส.และหน่วยงานต่างๆ เสนอโครงการ ขอใช้งบในส่วนนั้นๆ ไปทำให้เกิดผล ผมก็ปลื้มใจ
    แต่ดูแล้ว จำนวนเงินที่ขอกันมา มากกว่างบ ๒-๓ เท่าตัว มองมุมลบ ก็นินทาว่า "รุมทึ้งงบ"
    แต่ถ้ามองมุมบวก เป็นบุญแผ่นดินยิ่งนัก ที่มีล้านคิด-หลากไอเดีย ไหลบรรเจิดผ่านโครงการ ทั้งหมด-ทั้งมวลเป้าหมายพัฒนาชาติ-ค้ำชูประชาชน
    เมื่อประเทศและประชาชน อนาคตอยู่ในแผนคิดของคนระดับปัญญาชาติหลากหลายเช่นนี้
    ต้องบอกว่า น่าปลื้ม
    รัฐบาลยุคนี้ บริหารประเทศแบบมียุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเป็นช่วงๆ วงรอบ ๒๐ ปี เป็นเข็มชี้ทิศอยู่แล้ว
    ฉะนั้น ผมว่าคุณทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาฯ "สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ" ต้องชอบใจแน่ๆ 
    เป็นผม ผมก็ชอบ 
    ที่มีคนมากมายช่วยคิดในทางพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมประเทศ หลากหลายดี อันไหนใช่ อันไหนตรง และโปร่งใส มีประชาชนเป็นผลได้ที่ตอบโจทย์ 
    จะ "อนุมัติ" ผ่านโครงการให้เลย!    
    ผมก็มีอยู่ ๑ โครงการ ขอเสนอในนาม "ประชาชนเพื่อชาติ" ในวาระร่วมกันฟันฝ่าจนชนะโควิด ในจำนวน ๑๘๔ ประเทศ ไทยฟื้นคืนแข็งแกร่ง อันดับ ๒ ของโลก
    เป็นที่กล่าวขาน-ยกย่องจากนานาชาติ ว่าการแพทย์-การสาธารณสุขไทย เป็นเยี่ยม คนไทยสามัคคีรวมใจสู้ เป็นเลิศ 
    จึงขอเสนอโครงการ ในงบราวๆ ๒-๓ พันล้าน ผ่านสภาพัฒน์ไปยังท่านนายกฯ ประยุทธ์
    รับรอง "ตอบโจทย์ประเทศ" ด้านท่องเที่ยวแน่นอน 
    เมื่อสำเร็จ........
    โครงการนี้ ด้วยค่าในตัวมันเอง จะประกาศ "มาตรฐานไทย-มาตรฐานโลก" ให้ทั้งโลกรับรู้ด้วยยอมรับ
    นั่นคือ โครงการ "พัฒนาการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับนานาชาติ เพื่อสร้างความปลอดภัยและมูลค่าเพิ่มทางการท่องเที่ยว" ที่จังหวัดภูเก็ต 
    ใช้พื้นที่ราชพัสดุ ข้างสถานีตำรวจท่าฉัตรไชย อำเภอถลาง ประมาณ ๑๔๐ ไร่ ห่างสนามบินภูเก็ตราวๆ ๑๖-๑๗ กิโล เป็นที่สร้าง
    เห็นชื่อโครงการ อาจหลับตาไม่เห็นภาพ ก็จะบอกว่า
    โครงการนี้ เป็นศูนย์ทางการแพทย์นานาชาติ
    เพื่อ "ชีวิต" ยั่งยืนแบบ "มีชีวา" ครบวงจรทางด้านสุขภาพและอนามัย 
    และนี่แหละ 
    ตอบโจทย์ Medical Hub ด้านท่องเที่ยว-พักผ่อน เชิงสุขภาพ Longevity ระดับ World Class ของจริง! 
    เป็นจินตนาการ พูดกันมายาวนาน แต่ไม่เคยเป็นรูป-เป็นร่างให้จับต้องได้ซักที ครั้งนี้แหละ ฝันเป็นจริงกันละ
    ก็หวังรัฐบาลนายกฯ ประยุทธ์ ผู้ใช้เวลาแค่ ๖ ปี ผลักดันโครงการเก่า-ใหม่ พลิกโฉมหน้าประเทศไทย จนจำภาพเดิมแทบไม่ได้ นี่แหละ
    ช่วยเจียดซัก ๒-๓ พันล้าน สร้าง Medical Hub ที่ภูเก็ต เอาทีเดียวให้ครบ-จบตามเป้าหมาย อีกซักผลงานเถอะ
    ใน Medical Hub แยกเป็นส่วนๆ ประมาณนี้
    -ศูนย์บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับนานาชาติครบวงจร  
    -ศูนย์อภิบาลสุขภาพผู้สูงอายุนานาชาติ  
    -สถาบันบําราศนราดูร เขตภาคใต้ 
    -ศูนย์เวชศาสตร์โรคเขตร้อน
    -ศูนย์ใจรักษ์ (ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย)
    -ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูครบวงจร  
    -ศูนย์รังสีรักษา เขตอันดามัน 
    เนี่ย...ถ้าทั้งหมดนี้เกิด ที่นายกฯ เคยแถลง ไทยเราจะเปิดท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ด้านการฟื้นฟูสุขภาพ สมดุลทางธรรมชาติ
    นี่แหละ ตรงภูเก็ตนี่แหละ ที่เดียวจบ-ครบวงจร ท่องเที่ยวคุณภาพ ด้วย Value ไม่ใช่ Price ทั้งด้าน ใจ-กาย-สภาพแวดล้อม คือจักรวาล เสริมการแพทย์ เข้าสู่ภาวะสมดุลแห่ง Vitality
    อย่างที่เราทุกคนยืดอกตอนนี้.........
    ด้วยการแพทย์-การสาธารณสุขไทย ทั่วโลกยกนิ้วให้ หมอ-พยาบาล มาตรฐานไทย-มาตรฐานโลก 
    กรณีโควิด-๑๙ เป็นตรารับประกันคุณภาพ!
    แล้วทุกคนก็บอก ตรงนี้เป็น "จุดขาย-จุดแข็ง" ด้านท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของไทย ที่จะดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลกเข้ามา 
    โดยเฉพาะ ระดับเศรษฐี ระดับมันสมอง เงินเขาหาได้ แต่สุขภาพเปี่ยม Vitality เขาหาที่ไหนไม่ได้ นอกจากที่เดียว คือที่เมืองไทย
    อย่าง "หมอเหรียญทอง" เคยเสนอไอเดีย จัดโปรแกรมให้คนมีเงินในต่างประเทศ หลบโควิดเข้ามาพักผ่อน และตรวจรักษาในเมืองไทย ก็จากนิยามนี้
    ผมเคยได้ยิน "คุณธนินท์ เจียรวนนท์" เสี่ย CP เสนอไอเดีย หมอเราเยี่ยม สามารถใช้ดึงคนมีเงินให้เข้ามาพักผ่อน มาฟื้นฟูสุขภาพได้
    ก็ Medical Hub ที่ภูเก็ตนี่แหละ ตรงโจทย์!
    ที่คุณธนินท์เสนอและผมเห็นด้วย ประเทศกำลังพัฒนาสู่ยุคดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ทรัพยากรบุคคลที่ใช้ตอบโจทย์ตรงนี้ ของเราถึงมี แต่ไม่พอ ถึงสร้างก็ไม่ทันใช้
    ดังนั้น BOI ต้องปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดคล้องโจทย์ประเทศ เปิดโอกาสให้ นักลงทุน คนมีเงินระดับหมื่นล้าน คนมีวิชาความรู้แขนงต่างๆ ให้เขาเข้ามา 
    ให้ ซิติเซน คือความเป็นพลเมืองไทยกับเขาได้อยู่ถาวร ไม่ต้องกลัวจะแย่งอาชีพ ตรงข้าม เขาจะมาเสริมในจุดที่เราขาดด้วยซ้ำ ทั้งโลกก็ทำแบบนี้ แม้ในสหรัฐฯ เอง
    อาชีพสงวนคนไทย ตัดผม แซะขนมครก ขายของหน้าร้าน ทุกวันนี้ คนไทยยักไหล่ เบ้ปาก ไปซิ่งมอ'ไซค์ ไปอัพยา แปลงเพศ รับจ้างโพสต์เฟกนิวส์ และปั่นแฮชแท็ก ไฮคลาสกว่าเยอะ
    ไม่เชื่อก็ไปสำรวจ ทุกวันนี้ ๓๙ อาชีพสงวน กลายเป็นสงวนให้ เขมร-พม่า-ลาว แทบหมดแล้ว!
    อาจสงสัยกัน ว่าโครงการนี้ ของใครกันแน่ ลำพังผม ไม่น่ามีน้ำยาขนาดนั้น
    จริงครับ!
    โครงการนี้ คนที่สมัครสมานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ผลักดันให้เกิด ประกอบด้วย
    -นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าฯ ภูเก็ต
    -นพ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผอ.รพ.วชิระ ภูเก็ต
    -นพ.ธนิศ เสริมแก้ว สาธารณสุขภูเก็ต 
    และ.........
    -ประชาชนชาวภูเก็ต ปณิธานผนึกใจร่วมอธิษฐาน
    "ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร" และ "ศาลหลักเมือง"
    ขอสิ่งนี้ จงบังเกิด เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างเงิน สร้างอนาคต สร้างเกียรติยศเพิ่มพูนให้ภูเก็ต แหล่งท่องเที่ยวสวยงามติด ๑ ใน ๑๐ ของโลกแห่งนี้
    ภูเก็ตนี่ ประชากรไม่มาก แต่ปีนึงๆ สร้างรายได้เข้าประเทศเฉียด ๕ แสนล้าน ตอนโควิดนี่ คนภูเก็ตปรับทุกข์ผ่านเมลผม ว่าลำบากแสนสาหัส
    ถึงขั้นจั่วหัวตัวโตๆ แบบกลัวผมไม่อ่านว่า "คุณอาช่วยเหลือจังหวัดภูเก็ตด้วยครับ"
    จนใจ-จนปัญญา อันตัวเราก็เท่านี้ จะช่วยราชสีห์ได้อย่างไร เมื่อเห็นโครงการบนความร่วมใจ ผู้ว่าฯ และ ผอ.รพ.วชิระ เป็นหัวเรี่ยว-หัวแรง
    ผมจึงไม่รีรอ ช่วยดันต่อ ไปถึงท่านอนุพงษ์ รัฐมนตรีมหาดไทย, ท่านอุตตม รัฐมนตรีคลัง, ท่านอนุทิน รัฐมนตรีสาธารณสุข, ท่านพิพัฒน์ รัฐมนตรีท่องเที่ยว, ท่านเดชาภิวัฒน์ ผอ.สำนักงบประมาณ, ท่านทศพล เลขาฯ สภาพัฒน์
    และท่านนายกฯ ประยุทธ์ ผู้เป็นที่พึ่งประเสริฐ ช่วยให้ Medical Hub ระดับ World Class นี้ได้เกิด 
    ตอบโจทย์อนาคตประเทศ ด้านท่องเที่ยวคุณภาพทางสุขภาพนานาชาติ
    การันตี ด้วยเครดิต "มาตรฐานแพทย์ไทย" ที่โลกยอมรับ!
    ผมเห็นอาคารหลัก ตะคุ่มกลมกลืนแมกไม้แนบทรายชายทะเลอันดามัน มองไกลๆ เป็น "เต่ามะเฟือง" ตัวใหญ่กำลังวางไข่อย่างไร-ก็อย่างนั้น
    ต้องชม "ทีมภูเก็ต" เขา ว่าวิสัยทัศน์ไกลแล้ว รสนิยมทางสถาปัตย์ ยังถึงซะอีก!
    Medical Hub การแพทย์เพื่อสุขภาพนานาชาติ "ระดับ World Class" ที่ภูเก็ตตามที่คุยกันมานี้
    ไม่อยากเจาะจงเป็นความสำเร็จของใคร เพราะถ้าเกิด มันเกิดบนฐาน ๓ ฝ่าย
    "ประชาชน, แพทย์-สาธารณสุขไทย, รัฐบาล-รัฐสภา" ร่วมแรง-ร่วมใจ เป็นหนึ่งเดียว ในสถานการณ์ ไทยชนะโควิด-๑๙
    ฉะนั้น "เต่ามะเฟืองมรกต" ตัวนี้........
    ต้องถือเป็น "หอเกียรติยศ" ยั่งยืนแห่งนามไทย ณ ครั้งสถานการณ์ "โควิด-19" set zero โลก
    และ "ชนะ" เป็นของไทย "อีกครั้ง"!