นักแสดง-พิธีกรมากความสามารถ บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี จะมาย้อนเล่าเส้นทางชีวิตกว่าจะเป็นตัวแม่ในวงการ เจอมาแล้วทุกรูปแบบ ทั้งขู่ฆ่าก็เจอมาแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow พร้อมอัปเดตถึงประเด็นที่ฟ้องร้องเอาเงินไปเลี้ยงหมา และเรื่องเล่นการเมือง

          “ครั้งสุดท้ายที่มีโอกาสปะทะกับ ส.ส.คนดัง แล้วพูดคำว่าเจอกันในศาล คืออันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับทนายความ เพราะว่าคุยไปก็เท่านั้น ทุกอย่างเห็นตามหลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว แล้วเราก็เหนื่อยกับเรื่องนี้มานานมาก จนกระทั่งเราคิดว่าพอเถอะ ไกล่เกลี่ยหรือฟ้องเป็นเรื่องของอนาคต เพราะการทะเลาะกับใครมันเป็นเรื่องที่เหนื่อย แล้วมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับทั้งสองฝ่าย แล้วมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับประชาชน

          เฟซบุ๊กที่โพสต์ว่า ดารามากสามีหมีเหม็น ฝั่งโน้นเขาบอกว่าเขาไม่ได้โพสต์ เฟซปลอม อันนั้นเขาก็ต้องไปพิสูจน์ในชั้นศาล เขาบอกว่าเขาไม่ได้ดูถูก ถามว่าโกรธไหม เสียใจมากกว่าที่ทำไมผู้หญิงด้วยกันมาทำอย่างนี้ เสียใจว่าทำไมจู่ๆเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ เพราะเราก็ทำงานของเราอยู่เฉยๆ แล้วทุกสิ่งทุกอย่าง มันก็รอเวลาพิสูจน์ได้ ไม่เข้าใจจริงๆก็โทร.ถามกันได้ คนเคยสัมภาษณ์กัน รู้จักกัน เราก็บอกโอเคไม่เป็นไร แล้วแต่มุมเขาจะมอง แล้วเขาก็พยายามบ่ายเบี่ยงไปเรื่องของการเมือง ว่าเราต้องมีสีอะไรอยู่ในตัว ซึ่งขอประกาศตรงนี้เลย วันนั้นเขาพูดว่าบุ๋มหัวใจสีส้ม บุ๋มอยากประกาศตรงนี้เลยว่าอย่ามาใส่ความบุ๋ม อย่าเอาเรื่องการเมืองมายุ่งกับบุ๋ม ไม่สีอะไรทั้งสิ้น เพราะอยู่ตรงนี้มานาน ทำงานกับทุกสี รัฐบาลทุกยุคมานานมากแล้ว ไม่เคยยุ่งกับการเมือง เพราะเราถือว่าการเป็นคนของประชาชนต้องเป็นกลางให้มากที่สุด และบุ๋มก็พยายามยืนในจุดนั้น แม้มันจะยากมาก แม้ว่าตอนนี้จะมีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง ขอประกาศตรงนี้ใครที่คอมเมนต์เรื่องการเมือง หยุด เพราะไม่จริงอะไรเลย และดิฉันจะขอยืนหยัดตรงนี้ทำงานเพื่อผู้หญิงและเด็กต่อไป

          วันที่เจอกันในรายการของคุณมดดำ มันเป็นความรู้สึกว่าไม่อยากเข้าไปในรายการตั้งแต่แรกดีกว่า ยอมรับว่าเพิ่งมารู้ว่าเขาจะต้องมาที่รายการคืนก่อนที่จะไปแค่นั้นเอง ที่ตัดสินใจไปเพราะคิวงานในการขายสินค้าจองล่วงหน้ามา 6 เดือน ฉันต้องไป ฉันต้องทำงาน ฉันต้องเลี้ยงลูก ถ้าเป็นสมัยก่อน เจ้าอารมณ์อาจจะสะบัดบ็อบเดินออกไปก็ได้ แต่เมื่อหันไปมองหน้าเจ้าของสินค้า หันไปมองหน้าตัวแทนจำหน่าย แล้วเรารู้สึกว่าในช่วงโควิดเขาก็ขายของไม่ได้ เขาหวังในช่วงเวลา 10 นาทีตรงนั้น แล้วเราจะไม่รับผิดชอบ ไม่มืออาชีพมากพอเหรอที่เดินหนี ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้

          โกรธทางรายการไหมเหรอ คืออย่างน้อยเขาควรจะแจ้งนะ ถามว่าเสียใจไหม มีนิดนึง แต่วันรุ่งขึ้นมดดำก็โทร.มาหา แล้วก็บอกว่าอยากให้เป็นอย่างนี้ คือยังไงก็ต้องมา ต้องเจอก็คือต้องเจอ จะเอาเรตติ้งรายการ เราก็เข้าใจ แต่บางครั้งคุณควรจะแจ้งเรานิดนึง ไม่ใช่ว่าชาวบ้านรู้ทั้งโลก ยกเว้นฉัน มันไม่แฟร์ แค่นั้นแหละ

          ส่วนที่บอกว่ามีคนเคยมาขู่ฆ่า ตอนนั้นเขาเด็กมาก อย่าลืมนะทุกเคสที่บุ๋มช่วยเหลือ อย่างเช่นออกจากซ่องมา ข้ามประเทศมามันคือเรื่องของการค้ามนุษย์ หรือแม้กระทั่งเรื่องของการข่มขืน เมื่อเราช่วยหนึ่งคน เราจะมีศัตรูเพิ่มหนึ่งคน ถามว่ามีคนที่เขาเกลียดเราไหม มันต้องมีอยู่แล้วแหละ

          ห่วงความปลอดภัยน้องอันดามากด้วย แต่ถามว่าจะไม่ให้เราช่วยผู้หญิงคนอื่นก็คงไม่ใช่ แต่ถามว่าเป็นห่วงเขาไหม ก็เป็นห่วงอยู่แล้ว เพราะว่านี่คือแก้วตาดวงใจเป็นพลังงานชีวิตของบุ๋ม เขาไม่รู้หรอกนะว่าเขาเป็นพลังงานที่วิเศษขนาดไหน เพราะเขามันทำให้บุ๋มมีพลังออกไปช่วยคนเยอะแยะมากมาย เพราะเขา ทำให้บุ๋มออกมาเปลี่ยนกฎหมายเยอะแยะมากมาย เพื่อทำให้อนาคตของเขามันปลอดภัย

          ที่ประกาศว่าจะลง ส.ส. มีคนยกหูมาเยอะ ไม่ได้เล่นตลกนะ แต่ 23 พรรค รับโทรศัพท์ไม่ทันเลย ผ่านมดดำคนเดียวก็ 3 แล้ว เขาก็ยื่นข้อเสนอหลากหลายแบบ จริงๆแล้วมันคือหน้าที่ของคนทำงานเพื่อประชาชน เพราะว่าต้องลงพื้นที่ ดูแลคนทั่วไป แต่พอมาวันนี้ถ้าเข้าไปแล้วเจอแบบนี้ก็กลัว เราอยู่ของเราอย่างนี้ดีแล้ว ไม่ลงค่ะๆ”