เมื่อพูดถึงปัญหาการขาดทุน และหนี้สะสมมหาศาลถึงแสนล้านอย่างองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2563 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบในหลักการการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. และถือเป็นการนับ 1 ของ ขสมก.อีกครั้ง เพื่อสะสางปัญหาจนกระทบต่อการให้บริการประชาชนมาเป็นระยะเวลานาน
จากข้อมูลพบว่า ขสมก.ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2519 สะสมเรื่อยมาจนพอกหางหมูแยกเป็นหนี้ 2 ส่วน รวมจำนวน 127,786 ล้านบาท ได้แก่ หนี้พันธบัตร วงเงิน 64,339 ล้านบาท และหนี้เงินกู้ 63,446 ล้านบาท โดยทยอยที่จะถึงกำหนดชำระแล้วด้วย ไม่เพียงเท่านั้น สภาพและจำนวนรถโดยสารก็มีสภาพเก่า ชำรุด ทรุดโทรม มีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี พ่วงรวมไปถึงโครงสร้างองค์กรที่มีขนาดใหญ่ มีพนักงานจำนวนมาก แต่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญด้าน IT และอุปกรณ์ที่ไม่ทันสมัย ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายต้นทุนในการดำเนินงานสูง นำมาสู่การฟื้นฟูในครั้งนี้
มาในยุคการบริหารงานแผ่นดินของรัฐบาลภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ที่เล็งเห็นถึงปัญหาการแก้ไขแผนฟื้นฟูของ ขสมก. โดยมี 5 เป้าหมายการดำเนินการ เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน พร้อมพลิกกลับมาสู่ความแข็งแกร่งในระบบการขนส่งมวลชนสาธารณะอีกครั้ง
ทั้งนี้ ประกอบด้วย 1.เพื่อเป็นการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ด้วยการจัดเก็บค่าโดยสาร 30 บาท/คน/วัน (ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว) รถใหม่ปัจจุบันจัดเก็บ 15-20-25 บาท/คน/เที่ยว นอกจากนี้จะมีการออกบัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเติมเงินปกติ 30 บาท/คน/วัน บัตรผู้สูงอายุ 15 บาท/คน/วัน (ลด 50%) บัตรรายเที่ยว 15 บาท/เที่ยว บัตรรายเดือน (นักเรียนนักศึกษา 630 บาท/เดือน 21 บาท/วัน) บุคคลทั่วไป 720 บาท/เดือน 24 บาท/วัน
2.เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด ซึ่งนับเป็นหาหลักในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยแผนฟื้นฟู ขสมก.ในครั้งนี้ จะมีเส้นทางเดินรถที่ไม่ทับซ้อนกัน รวม 162 เส้นทาง แบ่งเป็นเส้นทางของ ขสมก.จำนวน 108 เส้นทาง และเส้นทางของเอกชน จำนวน 54 เส้นทาง ในการนี้จะมีการจัดหารถโดยสารจะมีการเช่ารถ EV ปรับอากาศ บอกลารถร้อนที่ไม่สะท้อนกับสภาพอากาศของไทย จำนวน 2,511 คันโดยจ่ายค่าเช่าตามกิโลเมตร โดยนำมาวิ่งให้บริการ 108 เส้นทางของ ขสมก. ที่จะทยอยการรับรถตั้งแต่เดือน มี.ค.-ก.ย.2564 และจะจ้างเอกชนเดินรถ 1,500 คัน โดยจ่ายค่าเช่าตามกิโลเมตรบริการใน 54 เส้นทางของเองชน ที่จะทยอยการรับรถตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ย.2564 โดยเป็นรถที่วิ่งเช่าตามระยะทาง เอกชนเสนอราคาต่ำสุดได้สัญญามีอายุสัญญาระยะเวลา 7 ปี
3.เพื่อลดมลภาวะและส่งเสริมอุตสาหกรรมไทย โดยการใช้รถ NGV และรถ EV ที่ประกอบในประเทศไทย มีสัดส่วนของมูลค่าวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตได้ภายในประเทศไทย ไม่น้อยกว่า 50% ของมูลค่าวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตได้ในประเทศไทยทั้งหมด และเป็นรถชานต่ำที่เป็น UNIVERSAL DESIGN และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 4.เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดทุนของ ขสมก.อย่างยั่งยืน โดยแผนฟื้นฟู ขสมก.ฉบับดังกล่าวนั้น มีเป้าหมายจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาฯ (EBITDA) เป็นบวกในปี 2572 (จากการดำเนินงาน) ปัจจุบัน ขณะที่สัดส่วนของรถ : พนักงานนั้น จากเดิมรถ 1 คัน ใช้พนักงาน 4.65 คน ลดลงเป็นรถ 1 คัน ใช้พนักงาน 2.75 คน
และ 5.เพื่อไม่เป็นภาระต่อภาครัฐ โดย ขสมก.จะขอรับเงินสนับสนุน (PSO) ระยะเวลา 7 ปี กล่าวคือ ตั้งแต่ปี 2565-2571 รวมเป็นเงินประมาณ 9,674 ล้านบาท และตั้งแต่ปี 2572 จะมีผลการดำเนินงานเพียงพอกับรายจ่าย (EBITDA ไม่ติดลบ) ซึ่ง ขสมก.สามารถเลี้ยงตัวเองได้ไม่เป็นภาระต่อภาครัฐในอนาคต และรัฐจะรับภาระหนี้สินทั้งหมด ประกอบด้วยหนี้สะสม 127,786 ล้านบาท, โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (เออรีรีไทร์) จำนวน 5,301 คน วงเงิน 4,560 ล้านบาท และขอเงิน PSO จำนวน 7 ปี วงเงิน 9,674 ล้านบาท
ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่แผนฟื้นฟูฉบับนี้จะมาถึงจุดนี้ นั่นหมายความว่า ได้ถูกกลั่นกรองแล้วทุกข้อ ต้องบอกว่านับเป็นอีกก้าวสำคัญของกระทรวงคมนาคม โดยเฉพาะ ขสมก.ที่จะได้ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืน รวมถึงยกระดับการให้บริการ และอัพเกรดคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนด้วยตามนโยบายของ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ที่ย้ำว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง.
กัลยา ยืนยง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |