12 มิ.ย.63 -น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างหนัก แม้แต่หน่วยงานราชการอย่าง สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก็ออกมายอมรับว่า จะมีแรงงาน 8.4 ล้านคน เสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง แบ่งเป็นภาคการท่องเที่ยวมีความเสี่ยงเลิกจ้าง 2.5 ล้านคน จาก จำนวนจ้างงาน 3.9 ล้านคน (ไม่รวมสาขาการค้าส่ง และการค้าปลีก) ส่วนภาคอุตสาหกรรมคาดว่ามีแรงงานเสี่ยงถูกเลิกจ้าง 1.5 ล้านคน จากจำนวนจ้างงาน 5.9 ล้านคน สำหรับภาคบริการอื่นที่ไม่ใช่การท่องเที่ยว เช่น สถานศึกษา หรือสถานที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก เช่น ตลาดสด สนามกีฬา ห้างสรรพสินค้า มีแรงงานเสี่ยงถูกเลิกจ้างประมาณ 4.4 ล้านคน จากจำนวนจ้างงาน 10.3 ล้านคน จากตัวเลขประเมินของ สคช.จะพบว่า ภาคการท่องเที่ยวตกงานเกิน 50% ภาคการค้า (ตลาด) ตกงานเกือบ 50%
"วันนี้เศรษฐกิจย่ำแย่มาก เช็คง่ายๆ เพียงแวะไปตลาด หรือร้านสะดวกซื้อจะพบว่าผู้ซื้อลดลงเยอะมาก ที่สำคัญลองไปสอบถามร้านขายยา หรือร้านสังฆภัณฑ์ดูว่ายอดขายตกลงหรือไม่ เพราะทุกครั้งที่มีวิกฤติเศรษฐกิจ ร้านยา และสังฆภัณฑ์ จะได้รับผลกระทบน้อย แต่ในครั้งนี้ก่อนจะมีการระบาดของโควิด-19 เศรษฐกิจก็อยู่ในภาวะย่ำแย่ มีหลายฝ่ายออกมาเตือนแต่นายกรัฐมนตรีและ ครม.ไม่นำพา พอมาเจอโควิด-19 รัฐบาลรับมือด้วย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยการบังคับให้ประชาชนเสียสละการหารายได้และการเลี้ยงชีพเพื่อรักษาอำนาจ สุดท้ายประชาชนทั้งประเทศลำบากด้วยผลการกระทำที่ไม่ได้ก่อ และรัฐบาลก็ไม่สามารถเยียวยาได้อย่างมีประสิทธิภาพน.ส.เกศปรียา กล่าว
น.ส.เกศปรียา กล่าวต่อว่า เมื่อมองมาที่คณะผู้บริหารประเทศปัจจุบันตนยังไม่เห็นใครเลย ที่จะพาเศรษฐกิจขึ้นจากเหวลึกได้ นายกรัฐมนตรีก็เคยพูดเองว่า “ไม่เก่งเศรษฐกิจแต่จริงใจ” 6 ปีผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า “ความจริงใจแก้ปัญหาประเทศไม่ได้ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง” ประชาชนส่วนใหญ่ทุกข์ใจเพราะไม่มีจะกิน รัฐบาลจากรัฐประหารอำนาจประชาชนมาไม่สามารถคืนความสุขในเวลาไม่นานได้จริงเช่นคำโฆษณาชวนเชื่อ คณะรัฐมนตรีก็มองภาพองค์รวมแบบ 360 องศาไม่เป็น ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศจึงสาหัสมากขึ้นทุกที ในเวลานี้คนที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ต้องเป็นผู้มีวิสัยทัศน์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเพื่อเดินไปข้างหน้าพร้อมกับโลก รวมทั้งมีระบบคิดที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ ในเวลาที่ปัญหารอบด้านระดับนี้ไม่สามารถนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เดิมๆ มาแก้ปัญหาได้
“ผู้บริหารประเทศต้องเลือกผู้ที่เคยบริหารเศรษฐกิจหลักแสนล้านสำเร็จและมีมุมมองรอบทิศมาทำงาน ไม่ใช่เอาคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนมาทั้งชีวิตมารับตำแหน่งเพราะอยากได้อำนาจและเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล และหากจะหามคนแก่หรือข้าราชการเกษียณมารับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี เพื่อเป็นเกียรติกับวงศ์ตระกูล ขอร้องว่าอย่าทำ เพราะจะเป็นการทำลายประเทศและประชาชนทั้งประเทศไปมากกว่านี้” น.ส.เกศปรียา กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |