ดัชนีเชื่อมั่นทรุดหนักจี้เร่งกระตุ้นศก.


เพิ่มเพื่อน    

     หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่น พ.ค.ทรุดหนักแตะ 31.3 จากความกังวลจีดีพีไตรมาส  1 หดตัว-การระบาดของไวรัสโควิด-เศรษฐกิจโลกชะลอตัว หวั่นหาก ศก.ฟื้นไม่ได้ภายใน มิ.ย.-ก.ค.63  จีดีพีอาจทรุดถึงติดลบ 8.8% จี้รัฐกระตุ้น ศก.ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เร่งปลดล็อกการเดินทางท่องเที่ยว
     เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นของการค้าไทยประจำเดือนพฤษภาคม 2563 พบว่า ดัชนีมีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 31.3 ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลของผู้ประกอบการ หลังจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1 ว่าติดลบร้อยละ 1.8 ส่งผลทำให้การบริโภคภาคเอกชน  การใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนลดลง และคาดว่าทั้งปีเศรษฐกิจจะติดลบร้อยละ 6 ถึงติดลบร้อยละ 5  จากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ร้อยละ 1.5-2.5
    โดยเศรษฐกิจของประเทศเวลานี้ยังคงอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หากไม่สามารถฟื้นตัวได้ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมนี้ เชื่อว่าเศรษฐกิจจะทรุดตัวซึมลึกมากขึ้น อาจติดลบได้ถึงร้อยละ 8.8 มองว่าการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเวลานี้ มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมให้ได้มากที่สุด เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการเข้าถึงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือ Soft Loan ที่ต้องมีเงื่อนไขที่ผ่อนปรน รวมถึงการใช้เม็ดเงินจากพระราชกำหนด 5 แสนล้านบาท เพื่อชดเชยเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจที่หายไป เวลานี้หอการค้าไทยยังคงประมาณการจีดีพีไว้ที่ติดลบมากสุดร้อยละ 5
    "มีความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิค-19 ส่งผลทำให้การดำเนินชีวิตของประชาชนและการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยรัฐบาลมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกิจการบางประเภทยังคงต้องปิดกิจการ ทำให้จำนวนคนว่างงานยังมีอยู่ สถานการณ์พืชผลทางการเกษตรยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจากโควิด-19"
    นายธนวรรธน์กล่าวถึงแนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหาทางภาคธุรกิจว่า การปลดล็อกการเดินทางภายในประเทศและการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวจะสามารถทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น รวมถึงการเร่งมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้สามารถกลับมาดำเนินกิจการได้  จะส่งผลต่อเนื่องกับเศรษฐกิจในภาพรวม
    นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจากกลุ่มตัวอย่างสมาชิกหอการค้าไทยทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 364 ตัวอย่าง เดือนพฤษภาคม 2563 พบว่าปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 31.3 เนื่องจากตัวชี้วัดทุกด้านทั้งการบริโภค  การลงทุน การท่องเที่ยว ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคการค้า และการค้าชายแดน ภาคบริการ  และการจ้างงาน มีการปรับตัวลดลงทุกภูมิภาค ที่มีการปรับลดต่ำกว่าค่ากลางที่ 50 และอยู่ในโซนสีแดง ต่ำกว่าระดับ 40 โดยเฉพาะภาคใต้ที่ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอยู่ในระดับต่ำที่สุดเพียง 28.4 เนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรงจากการท่องเที่ยว รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรสำคัญในพื้นที่ตกต่ำทั้งยางพาราและปาล์มน้ำมัน
    "จากการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกหอการค้าไทยทั่วประเทศเดือนพฤษภาคม 2563 แม้มีการคลายล็อกให้กิจการห้างร้านต่างๆ เริ่มกลับมาทำธุรกิจได้แล้ว แต่ยังมีหลายธุรกิจที่ยังขาดรายได้ ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่มีความเชื่อมั่น และอยากให้ภาครัฐเร่งปลดล็อกการเดินทางท่องเที่ยวและช่วยเหลือภาคธุรกิจให้กลับมาดำเนินการได้โดยเร็ว"
    นางเสาวณีย์กล่าวว่า อยากให้ภาครัฐเร่งปลดล็อกการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงเริ่มคลายล็อกการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเอเชียที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายแล้ว เร่งช่วยเหลือภาคธุรกิจให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้ ช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง และพิจารณาการเปิดด่านสำหรับค้าขายสินค้าตามแนวชายแดนอย่างเต็มรูปแบบให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นได้เต็มที่.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"