รำลึกความหลังถึงเพื่อน! 'ประภาส ชลศรานนท์' ยก 'ตั้ว ศรัณยู' พระเอกตลอดกาลทั้งในและนอกจอ


เพิ่มเพื่อน    

ขอบคุณภาพจาก www.chaliang.com

11 มิ.ย.63 - จิก-ประภาส ชลศรานนท์ ศิลปินแห่งชาติ อายุ 60 ปี นักคิด นักเขียน นักแต่งเพลงที่สำเร็จการศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกับ ตั้ว-ศรัณยู วงษ์กระจ่าง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกล่าวถึง ตั้ว ศรัณยู ว่าเป็นพระเอกตลอดกาล เมื่อ 42 ปีก่อน เด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งเพิ่งมารู้จักกัน หัวหกก้นขวิดเป็นเพื่อนกัน คบกันโดยไม่ต้องสัญญิงสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิต แม้ผ่านมาถึงวันนี้มันจะเป็นอย่างนั้น

ในกลุ่มเด็กถาปัดกลุ่มหนึ่งที่แต่งเนื้อแต่งตัวมอมแมม เดินสะพายกระเป๋าใบใหญ่ๆ ที่เมื่อเดินผ่านไปทางไหน นิสิตหญิงมักจะเดินเลี่ยงออกห่างๆ ไม่รู้จะเป็นด้วยกลิ่นตัวที่เหมือนกับอาบน้ำมาไม่ค่อยสะอาดนัก หรือจะเป็นด้วยผมเผ้าที่ยาวประบ่าจนบุคลิกดูน่ากลัว

มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งโดดเด่นกว่าใครๆ ในกลุ่มหนุ่มขี้หมาก้อนนั้น ใครจะคาดคิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะเติบโตมาเป็นพระเอกแห่งยุคของประเทศไทยในวันหนึ่งข้างหน้า ในวันนั้น แม้จะแต่งตัวปอนๆ แต่ความปอนไม่อาจบดบังวงหน้าที่ได้รูปของเขา รวมไปถึงรูปร่างที่สูงโปร่งเกินเด็กหนุ่มด้วยกัน

เพื่อนๆนอกจากจะเรียกชื่อเล่นของเขาว่าตั้ว พวกเขายังเรียกหยอกเพื่อนคนนั้นว่า ไอ้พระเอก จะว่าไปเขาเป็นพระเอกจริงๆ พระเอกในแบบที่เราจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเท่ แมน ลูกผู้ชาย ในแบบที่ผู้ชายเห็นแล้วอยากเข้าไปโอบไหล่แรงๆ และในแบบที่ผู้หญิงเห็นแล้วแอบยิ้มให้

ตั้ว เป็นที่รักของเพื่อนและรุ่นพี่รุ่นน้อง เขาไม่เอาเปรียบใคร มีน้ำใจ มีสปิริตเป็นยอด แทบจะไม่มีครั้งไหนเลยที่เมื่อเพื่อนขอความช่วยเหลือ หรือรุ่นน้องชักชวนให้ทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวมแล้วตั้วไม่รับปาก ไม่ว่าจะเป็นงานระดับคณะหรืองานระดับมหาวิทยาลัย

เราจึงเห็นตั้วเล่นรักบี้อยู่กองหน้าเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ไปค่ายอาสาพัฒนาและปีนถือค้อนอยู่บนโครงหลังคาอาคารเรียนที่กำลังสร้างแทบทั้งวัน ขึ้นโต้วาทีกับนิสิตต่างคณะ เป็นหัวหอกนำรุ่นน้องไปสร้างเต้นท์หรือแลนด์มาร์คในกิจกรรมของคณะ

และเมื่อถาปัดทำละครเวทีเพื่อหาเงินให้คณะ ใครเล่าจะเหมาะสมเป็นพระเอกได้เท่าตั้ว
สามก๊ก โชกุน น่านเจ้า ละครถาปัดที่ตั้วยึดตำแหน่งพระเอกไว้ทั้งหมด
รวมไปถึงไปช่วยเล่นเป็นพระเอกให้ละครฝั่งอักษรศาสตร์อีกหลายเรื่อง

เมื่อเรียนจบ ตั้วก็ยึดเอาการแสดงเป็นอาชีพและต้องยอมรับว่าเขาเป็นนักแสดงที่เก่งจนหาตัวจับได้ยากคนหนึ่งของเมืองไทย

ตั้วให้ความสำคัญกับอาชีพนักแสดง เขาเคารพและตั้งใจกับมันเหมือนกับอาชีพอื่นๆ เหมือนกับชาวนาที่ซื่อสัตย์กับท้องนาตัวเอง เหมือนกับชาวประมงที่รักท้องทะเล ในกองถ่ายภาพยนตร์และละคร ภาพของตั้วที่ปลีกตัวไปนั่งศึกษาบทเพียงลำพังไม่มานั่งตั้งก๊วนเฮฮา จึงเป็นภาพคุ้นตา แม้แต่ละครเวที ตั้วก็จะหายไปก่อนการแสดงเพื่อทำสมาธิให้พร้อมกับการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้นเสมอ

พวกเราจึงเห็นตั้วสามารถสวมวิญญาณเป็นผู้คนได้มากมายในวรรณพิภพอย่างสนิทใจ ชายผู้นี้เป็นทั้งชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์อย่างชายกลาง เป็นไอ้หนุ่มลูกทุ่งนามว่าไอ้คล้าว เป็นดอน กิโฆเต้ เป็นกามนิต เป็นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ เป็นโดมผู้จองหอง เป็นผู้กองศยาม เป็นอานนท์ของเจ้าสาว เป็นคุณหลวงอัครเทพวรากร และแม้แต่สุธีสามสี่ชาติ ตั้วก็เคยเป็น

สิ่งเดียวที่ผมเห็นในตัวเขาที่ทำให้เขาเป็นเอกในการแสดงก็คือ เมื่อเขาพูดประโยคใดออกมา ไม่ว่าจะในนามของตัวละครใดในวรรณกรรม เราจะเชื่อทันทีว่าเขาเป็นดั่งนั้น

เพราะเขาเชื่อในตัวละคร เราจึงเชื่อในตัวเขา เราจึงร้องไห้ไปกับเขา เราจึงหัวเราะไปกับเขาได้อย่างมีความสุขเสมอ

ถึงวันนี้แล้ว ตั้วถูกยอมรับให้เป็นคุรุทางการแสดงคนหนึ่ง แม้จะไม่ได้เป็นอาชีพครูสอนการแสดงโดยตรง แต่ลูกศิษย์ลูกหาของตั้วถึงทุกวันนี้นั้นมีไม่น้อย

มากกว่าอะไรทั้งหมดคือ ตั้วไม่มีค่าย ตั้วไม่ชอบสังกัด เขาจึงสามารถร่วมงานกับใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ระดับชาติอย่างท่านมุ้ย หรือนักศึกษาที่เพิ่งหัดกำกับละครเวทีเล็กๆที่มีคนดูเพียงไม่กี่ร้อยคน เขาให้ความสำคัญกับทุกคนเสมอกัน

ผมจึงว่าเขาจึงเป็นพระเอกทั้งในจอและนอกจอ

ผมกับตั้วคลุกคลีตีโมงกันอย่างหนักก็ประมาณห้าปีที่ร่ำเรียนที่สถาปัตย์ พวกเราไปกินนอนอยู่ที่บ้านเขาก็พักใหญ่ รวมไปถึงการได้ไปตะลอนเที่ยวต่างจังหวัด ไปทำละคร เล่นกีฬา ไปค่าย และตั้งวงดื่ม่สุราตามวิสัยคนหนุ่ม

หลังจากเรียนจบ แม้จะอยู่วงการเดียวกัน แต่เราแทบไม่ได้ร่วมงานกันเลย ผมมุ่งไปด้านดนตรีแต่งเพลงเขียนหนังสือ ตั้วก็สะสมสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซอยู่ตลอด จนเพื่อนๆภูมิใจแทน

ได้มาร่วมงานกันจริงๆก็คราวทำละครเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 เรื่องพ่อ ซึ่งตั้วมารับบทพระเอกตอนที่ชื่อว่าชีวิตที่พอเพียง และเป็นตอนที่นำพาละครไปคว้ารางวัลยอดเยี่ยมเอเชี่ยนเทเลวิชั่นอวอร์ดที่สิงคโปร์ ใครที่ได้ดูละครเรื่องนี้ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พลังของตั้วนั้นมีมากมายจริงๆ

เมื่อเราต่างมีครอบครัว มีงานมีบริษัทที่แยกย้ายสาขากันไป นานๆทีก๊วนคนหนุ่มก้อนขี้หมากลุ่มนั้นก็จะมาพบปะเฮฮากัน ได้พูดจากันเหมือนครั้งยังเป็นเด็กสักที

ในช่วงที่ตั้วเป็นพระเอกแห่งยุค เพื่อนๆอาจจะเจอเขาน้อยหน่อย และก็เข้าใจได้ว่างานการของนักแสดง เป็นงานที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เมื่อกองถ่ายขอคิวด่วนมา เป็นธรรมดาที่นักแสดงที่รักการแสดงจริงๆและอยากให้ผลงานออกมาดีก็มักจะเสียสละความเป็นส่วนตัวและรีบรับคิวไปทำงานก่อน

สองสามปีก่อน เราเพิ่งเลี้ยงปีใหม่กัน และก็ได้กลับมาพูดจาไร้สาระเหมือนครั้งยังเป็นรุ่นกระทงกันอีก ตั้วยังเหมือนเดิม เป็นที่รักของเพื่อน ไม่เคยถือตัว พวกเราสนุกกันจนบางทีผมก็นึกขันว่า ชายวัยกลางคนที่ยังสง่างามคนนี้คนที่ยืนหัวเราะตบบ่าเพื่อนอย่างสนุกอยู่ข้างหน้านี้คือ พระเอกแห่งยุคคนหนึ่งของสยาม

ผมถามตั้วในวันนั้น ระหว่างที่พักหัวเราะกับเกมสนุกๆที่เราเล่นกัน
“งานเป็นไงบ้าง วางแผนอะไรไว้”
ตั้วตอบสั้นๆแบบไม่ต้องคิด
“ยังสนุกอยู่ แผนวางไม่เยอะ แต่ดีใจที่ยังมีคนเสนอบทที่ท้าทายมาให้เล่นอยู่”

ตั้วเป็นพระเอกตลอดกาลของผมจริงๆ

แม้แต่วันจะลาไป ตั้วก็ไปแบบพระเอก ไปแบบไม่ให้ใครเดือดร้อน
ไปแบบพระเอกที่เคยช่วยนางเอก แล้วตอนจบก็ขี่ม้าออกไปจากหมู่บ้านไปอย่างมีความสุข

แม้จะเศร้าเหงาไปสักหน่อย แต่พระเอกคนนี้คงอยากให้พวกเราเก็บน้ำตาไว้ เก็บพลังใจไว้ เก็บสิ่งดีๆที่เขาสร้างไว้เป็นความทรงจำตลอดไป
....................................


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"