เมื่อเข้าสู่ยุค New Normal
ไม่เพียงคน
แม้ประชาธิปไตย ก็ New Normal เหมือนกัน!
"สหรัฐฯ" ประเทศต้นแบบประชาธิปไตย เริ่ม New Normal เป็น ประชาธิปไตยหัวเข่า
ไทยเราไม่รอช้า New Normal เป็น ประชาธิปไตยหัวครก ทันที-ทันใด
"โอ๊ย...ผมหายใจไม่ออก"
ว่าขี้ข้าม้าครอกร้องจากเขมร พวกหูทิพย์สันดานถ่อยในเมืองไทยได้ยิน ก็เป่าตูดกันยกใหญ่ กะใช้เป็นเชื้อไฟสุมเมืองแบบ "จอร์จ ฟลอยด์"!
แต่ ยุค New Normal วิสัยทัศน์ประชาชนพัฒนาแล้ว รู้แกวพวกเหียก เชื้อไฟเลยกลายเป็นเชื้อเปียก
แป้กไปอีก!
ไวรัสโควิด-๑๙ กำลังจะคลายจากคน ไประบาดในหมู่เทวาและซาตานทางการเมือง
ตอนนี้จึงเห็น แต่ละพรรค ไม่ว่าซีกรัฐบาล-ซีกค้าน New Normal เป็นประชาธิปไตยหัวครก กันยกใหญ่
เป็นอย่างแม่หมอฟองสนานเคยว่า "ใครไม่เปลี่ยนตัวเอง จะถูกสังคมโลกยุคใหม่ทิ้งไว้ข้างหลังให้เจ็บปวด"
ก็เลยเปลี่ยนตัวเองกัน ด้วยการแตกพรรค, พรรคแตก, ตะกายตำแหน่ง, แย่งเก้าอี้
จนแยกไม่ออก ฝ่ายไหนเทวา ฝ่ายไหนซาตาน เพราะด้านกะโหลกพอๆ กัน!
ถ้าผมเป็นพลเอกประยุทธ์ ในฐานะประมุขฝ่ายบริหาร เมื่อมองดูกิริยาการกระเสือกกระสนของสัตว์การเมืองในเมือกประชาธิปไตยหัวครกแล้ว
คงต้องร้องถาม......
"เราหยุดแล้ว ทำไมสูเจ้าทั้งหลายจึงไม่ยอมหยุด?"
หยุด "เพื่อตัว" สิ
แล้วสิ่งตะกายหา จะมาสู่พวกเจ้าเอง!
แต่ทั้งหลาย-ทั้งปวง ผมอยากบอกพวกเราทุกคนว่า อย่าไปว่า อย่าไปค่อนขอด หรือมองความมูมมามต่ำสำนึกของคนการเมืองไปในทางเลวร้ายเลย
ขอบอกว่า การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ทั้งซีกรัฐบาล-ซีกค้านขณะนี้ มันคือ "ความสวยงามของประชาธิปไตยหัวครก"
เหมือนความสวยงามประชาธิปไตยหัวเข่าของสหรัฐฯ ของอังกฤษ และอีกมากมายหลายประเทศในซีกโลกตะวันตก ที่เคยเป็นเจ้าจักรวรรดินิยมอำนาจยุคหนึ่ง
ให้มองซะว่า คือ New Moral ในรูปแบบ New Normal ของบ้านใคร-เมืองใคร ตามสภาพ ตามเหตุปัจจัย พาไป
ดูอย่างสหรัฐฯ ต้นแบบประชาธิปไตย ซิ......
เขาเห็นไฟลุกโชนที่ฮ่องกง จากการเผาบ้าน-เผาอนาคตตัวเองของเหล่ากุมารา-กุมารีฮ่องกงหัวใหม่
"แนนซี เปโลซี" ประธานสภาผู้แทนสหรัฐฯ กล่าวด้วยด้วยความปลื้มปริ่ม beautiful sight to behold
ในทางเดียวกัน........
เมื่อประชาธิปไตยหัวเข่าเบ่งบานในสหรัฐฯ การตายของจอร์จ ฟลอยด์ กลายเป็นไฟลุกลามเผาไหม้ไปทั่วสหรัฐฯ
นายหู เซียน บ.ก.สื่อรัฐบาลปักกิ่ง ชี้ชวนให้มองด้วยมิติความสวยงามทางประชาธิปไตยไปถึงประธานสภาสหรัฐฯ
US House Speaker Nancy Pelosi once called the violent protests in Hong Kong "a beautiful sight to behold". Now, the "beautiful sight" is extending from Hong Kong to over a dozen US states. US politicians now can enjoy this sight from their own windows. Quite a few places across the US are witnessing protesters setting police stations on fire, smashing shops, blocking roads, attacking places and destroying various public facilities, as if the radical rioters in Hong Kong somehow snuck into the US and created a mess like they did last year in Hong Kong.
เห็นมั้ย..........
ยุค New Normal สหรัฐฯ และจีน มองผ่านการทำลายล้างอย่างป่าเถื่อน เป็นความสวยงามทางประชาธิปไตย น่าทัศนา ที่ตรงกัน!
"โลกเปลี่ยนคน-คนเปลี่ยนโลก" ไม่มีประชาธิปไตย ไม่มีคอมมูนิสต์ ไม่มีเผด็จการ ระบบ-ระบอบทั้งหลาย ถูกปรับค่าสู่ "เหง้า" ปรัชญาใหม่ว่า "เพื่อสิ่งที่ข้าต้องการ"
เนี่ย....
วันนี้ มองไปทางไหน จะเห็นแต่ "ประชาธิปไตยหัวเข่า-หัวครก" ด้วยคนกลุ่มนั้น มุ่งมั่นด้วยเข้าใจว่า
ด้วยวิถีนั้น........
จะนำพวกเขาพ้นสภาพ "สัตว์การเมือง" ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างเจ็บปวด!
พวกเขาไม่ต้องการเจ็บปวด ด้วยการไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจครองรัฐบาล ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี
จึงต้องดิสรัปต์ทั้งพรรคและทั้งตัวเอง ในแนวที่พวกเขาคิดว่าใช่ ท่ามกลางภาวะโลกและสังคม ถูกล้างด้วยโรค
"สูทั้งหลาย จงมาดูราชรถอันตระการ ที่คนเขลาหมกอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องอยู่ไม่"
นี่คือพุทธพจน์
ย้อนดูการเมืองไทยวันนี้ ก็เป็นเช่นนี้ พวกประชาธิปไตยหัวครก กำลังหมก-ตกคลั่กอยู่ ทั้งซีกรัฐบาล-ซีกค้าน อ้างเป็นตัวแทนประชาชน แต่ทำกันชนิด "ไม่เห็นหัวประชาชน" เลย
โควิดกำลังกินเมือง ผู้คนลำบาก-ยากแค้น ระส่ำทุกข์ สิ้นสุขกันไปทุกสาขาอาชีพ ยกเว้นอาชีพนักการเมือง
แทนที่จะคิด "เพื่อสิ่งที่ประชาชนต้องการ" ก่อน
สัตว์การเมืองกลับคิด "เพื่อสิ่งที่พวกข้าต้องการ" ก่อนตะพึด-ตะพือ!?
เมื่อหมกโคลนแห่งโมหะ ก็ดิ้นแบบตกคลั่กจนหัวก่ายด้วยเขลากันไปสิ
ในขณะที่ "ผู้รู้หาข้องอยู่ไม่" ขึ้นกำแพง จิบเมรัย ร่ายเพลงขิม พริ้มตาใต้แสงจันทร์
คนนั้น คือใคร?
คือ New ประยุทธ์ New Normal นี่ไง!
ไม่ประชาธิปไตย ไม่เผด็จการ ไม่หัวเข่า-หัวครก หากแต่วิตก-วิจารณ์ ในทุกปัญหา บริหารตามหลัก "ธรรมาธิปไตย"
หลักธรรมาธิปไตย เป้าหมายอยู่ที่ "ชาติ-ประชาชน" ต้องมั่นคงและผาสุกตามฐานานุรูป
"สถาบันพระมหากษัตริย์" ต้องเทิดธำรง คือชูไว้ รักษาไว้ คู่ชาติ คู่ประชาชน
การจะบริหารไปสู่เป้าหมายนั้นได้ ยึดเหตุ-ยึดผล, ฟังเสียงชนทุกหมู่, ให้เกียรติผู้รู้, เชิดชูคนเก่ง, ไม่เกรงใจคนชั่ว, ฟังคนข้างตัวแต่ห้ามเชื่อ เอื้อเฟื้อผู้น้อย และเหนืออำนาจ คือคุณธรรม
เมื่อเข้าใจเช่นนี้ ก็จะมองความวุ่นวายขายกระจาดในตลาดการเมืองด้วยรื่นรมย์ว่า
โอ....มันช่างเป็นความสวยงามทางประชาธิปไตยกระไรเช่นนั้นหนอ!
เมื่อสังเกตว่า นายกฯ ท่านไม่ข้อง คือไม่ติดอยู่ในอำนาจ จึงไม่วุ่นวายไปด้วย
เป็น-ไม่เป็น ทุกอย่าง "ถูกกำหนดไว้แล้ว" ตั้งแต่เป็นก้อนเนื้ออยู่ในท้องแม่ วุ่นวายไปไย
การอยู่ตะหาก คือทุกข์
ทุกข์ที่ว่า ปัญหาบ้านเมือง ว่าด้วยเรื่องปากท้อง การทำมาหากินชาวบ้าน มันมากและทับถมเหลือเกิน จะแก้ยังไง จะคลายยังไง ถ้าประชาชนไปไม่ได้ ประเทศชาติก็ไปไม่ได้
อยู่เพื่อทำ-เพื่อแก้ตรงนี้ มันยังไม่สำเร็จ จึงทุกข์
ถ้าต้องพ้นไป ด้วยประชาธิปไตยหัวครก
นั่นคือการ "พ้นทุกข์สาธารณะ" ไป "เสวยสุขส่วนตัว" อันพวกเขลาหัวครกไม่เข้าใจ ในขณะที่เวลานี้ ชนทั้งหลายทุกหมู่เหล่า เข้าใจแล้วว่า
ภาวะนี้......
ต้อง "นายกฯ ประยุทธ์" เท่านั้น เป็น "นนทกประเทศ"!
พลังประชารัฐ ต้องเข้าใจให้ชัด นายกฯ เป็นเพียง "ดารารับเชิญ" ของพรรค ในบทนายกฯ "เฉพาะกิจ" เท่านั้น
ที่มองว่าพลเอกประวิตรกับพลเอกประยุทธ์ "ตัดไม่ตาย-ขายไม่ขาด" นั้น...ใช่ ทางผูกพันส่วนตัว
แต่การเมืองเรื่อง "ประเทศชาติ" พี่น้องแยกกัน แต่ความสัมพันธ์เหมือนเดิม นักรบเขามีหลักคิดในทางแยกแยะ
เพื่อไทย พรรคไม่แตก เขาเพียงแตกพรรค เตรียมไว้เผื่อยุบสภา ก็ตามสไตล์ประชาธิปไตยหัวเข่า-หัวครก ตื่นเต้นไปไย ทุกสายตะพายรวมศูนย์ที่อสูรนอกชาติตัวเดิม
ส่วนประชาธิปัตย์ ที่ กก.บห.ลาออกเกินครึ่ง ส่งสัญญาณไล่หัวหน้า-เลขาฯ พรรค นั่นคาดหมายได้อยู่แล้ว เพียงจะวันไหนเท่านั้น
วันนี้ สภาพเป็น "ปลาทูนึ่ง" ด้วยได้ร่วมรัฐบาล แต่ถ้ายุบสภา เลือกตั้งใหม่ จะเป็น "ปลาทูเน่า" หมดทั้งเข่งทันที จึงต้องรีบ New Normal
"มองซ้าย-มองกลาง-มองขวา" สรุปแล้ว
"ดารารับเชิญ" สบาย!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |