ถือเป็นข่าวดีต่อเนื่องถึง 16 วันแล้วที่ไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกัน โดยแม้ล่าสุดจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 รายก็ยังคงเป็นผู้ที่อยู่ในสถานกักกันของรัฐ ซึ่งมาจากต่างประเทศอีกแล้ว หากดูข้อมูลย้อนหลังในช่วง 16 วันที่ไทยไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศ ต้องบอกว่าผู้เดินทางมาจากต่างประเทศไม่ว่าจะมาจากประเทศใด ในภูมิภาคไหน ก็เป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งนั้น เพราะขนาดล่าสุดผู้กลับจาก “สาธารณรัฐมาดากัสการ์” ยังเป็นผู้ติดเชื้อเลย...๐ แหม! เรียกว่าก่อนประชุม “คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” มีข่าวดีออกมาก่อน ไม่ว่าจะการเผยของ “พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ระบุว่า “สนามมวย” มีลุ้นได้เปิด ต่อมา “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” รอง ผบ.ทบ. ก็แพลมว่าจะเสนอทดลองยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศ 15 วัน แต่พอผลประชุมออกมา ซึ่ง “นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงถึงร่างคลายล็อกเฟส 4 ซึ่งเป็นกิจกรรมของกลุ่มสีแดง กลับไม่มีทั้ง 2 เรื่องดังกล่าวแต่ประการใด ซ้ำร้ายหมอทวีศิลป์ยังบอกอีกว่าเรื่องการทดลองเลิกเคอร์ฟิวไม่มีการพูดถึงกันเลย!!!...๐ ไม่น่าแปลกใจ เพราะ ดูจากกิจการหรือกิจกรรมที่จะคลายล็อกในครานี้ ที่ให้ร้านอาหาร ภัตตาคาร และศูนย์อาหารโรงแรมสามารถจำหน่ายแอลกอฮอล์ในร้านได้ หากมี การเลิก “เคอร์ฟิว” จริงก็เชื่อว่าพี่ไทยมีการนั่งดริงก์ในร้านกันแบบข้ามวันข้ามคืนแน่นวล ฉะนั้นเมื่อเลือกให้ร้านอาหาร-ภัตตาคารขายเหล้า-เบียร์ได้ก็ต้องจำกัดระยะเวลาแน่นอน...๐ พูดถึงเรื่อง “ไวรัสคร่าชีวิต” กันไปแล้ว ก็ต้องหันมาดู “ไวรัส-ไวรัล” การเมืองกันบ้าง หลังจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีดรามารายวันจนกลายเป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” กันมา 1-2 สัปดาห์ ฝุ่นทางการเมืองก็เริ่มจางลง เมื่อ “อุตตม สาวนายน” รัฐมนตรีคลัง ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค พปชร. ได้เรียกประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในวันที่ 19 มิ.ย. เพื่อกำหนดวาระวันประชุมใหญ่สามัญในการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยคาดว่าจะจัดประชุมใหญ่สามัญในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งก็คงเรียบร้อยโรงเรียนป้อมแน่ๆ...๐ แต่อย่างที่บอกว่าเป็น “ไวรัสการเมือง” ศึกแย่งชิงภายในพรรคจึงลามไปยังทั้งพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “ประชาธิปัตย์” ซึ่งเรียกว่าเป็นขยะซุกใต้พรมมานานจากกรณีเลือดไหลออก อย่างต่อเนื่องในระดับบิ๊กเนม ไล่มาตั้งแต่ "นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม”, พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และล่าสุดคือ “กรณ์ จาติกวณิช” แต่เนื่องจาก “ไวรัสโควิด” จึงทำให้เรื่องดังกล่าวเป็นคลื่นใต้น้ำรอวันปะทุ ซึ่งล่าสุดหลังสถานการณ์โรคเริ่มดูดีขึ้น จึงทำให้เรื่องดังกล่าวกลับมาเป็นประเด็นให้เมาธ์มอยกันอีกครั้งที่จะมี การเปลี่ยนแปลง “หัวหน้าพรรค” อย่าง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” และ กก.บห.เหมือนกรณี พปชร.เปลี่ยน “อุตตม” เช่นกัน แต่บทลงเอยจะเหมือนกันหรือไม่ คงต้องติดตามแบบตาไม่กะพริบ...๐ ส่วนแกนนำพรรคฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทย (พท.) ซึ่งมีรอยปริร้าวมาอย่างยาวนานหลังผลการเลือกตั้งที่ไม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อเลยแม้แต่คนเดียว ล่าสุดเมื่อเกิด “กลุ่มแคร์” ที่นำโดย “ภูมิธรรม เวชยชัย” ที่ประกาศรวมตัวกับ “พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล”, “นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” และ “นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” ซึ่งเป็นแก๊ง 4 คนในยุคบุกเบิกไทยรักไทย ที่เรียกว่าเป็นมันสมองและมือซ้าย-ขวาของ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็เรียกว่าเป็นจุดปะทุที่ให้แก้วใบนี้อยากจะประสานกันได้...๐ ยิ่งในการประชุมพรรคเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ 9 มิ.ย. ที่ได้เปิดให้บรรดาสมาชิกพรรคระบายความอัดอั้นภายในใจก็ยิ่งฉายภาพชัด โดยเฉพาะเมื่อ “วัฒนา เมืองสุข” กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ถึงกับสาปส่งผู้ที่ต้องการแตกไผ่แตกกอออกไป ซึ่งเมื่อข่าวเผยแพร่ออกไปก็ทำให้ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ส.ส.เชียงใหม่ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องควง “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และคณะออกมาแถลงข่าวยืนยันว่ายังรักกันเหนียวแน่น ไม่มีรอยร้าวแน่นอน พิโธ่! ถ้ารักกันปานจะกลืนกินตามที่บอก ทำไมไม่เห็น “ภูมิธรรม” ทั้งในการประชุมพรรควันที่ 9 มิ.ย. รวมถึงการแถลงชี้แจงความสมัครสมานสามัคคีที่รัฐสภาในวันที่ 10 มิ.ย. ทั้งที่นอกจากเป็นสมาชิกพรรคแล้ว สหายอ้วนยังควบเก้าอี้ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านด้วยนะจ๊ะ แล้วอย่างนี้ไม่เรียกว่าร้าวหรือแตกแยก จะเรียกว่าอะไรดีเล่า...๐.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |