9 มิ.ย.63- นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊คไลฟ์ PEACETALK โดยระบุถึงคำพูดของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ว่า "คนดีอยู่ไม่ได้" ซึ่งเท่ากับเป็นการยกตัวเอง และเมื่อคิดย้อนกลับต้องหมายถึงคนไม่ดีจึงอยู่ในทางการเมืองได้
นายจตุพร กล่าวว่า วาทกรรมคนดีกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์การปรับ ครม.อันจะเกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยนายสมคิด หัวหน้าทีมกุมาร พร้อมรัฐมนตรีกุมารที่ส่อจะถูกปรับออก จึงใช้คำพูดว่า "คนดีอยู่ไม่ได้" ซึ่งแปลความย้อนกลับได้ว่า ในทางการเมืองคนที่อยู่ได้ต้องเป็นคนไม่ดี
"คำว่าคนดีอยู่ไม่ได้ ยิ่งกว่าการวางระเบิดทางการเมือง เพราะเมื่อคนอ้างเป็นคนดี จะต้องพ้นจากตำแหน่งไป ส่วนคนที่เข้ามาแทนที่ หรือคนที่ยังอยู่ในการเมืองก็จะถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี"
ดังนั้น คำพูดคนดีถูกยกมาหลายครั้งในทางการเมืองช่วงหลายยุคสมัย อย่างไรก็ตาม คนที่คิดว่าเป็นคนดี ต้องไม่พูดว่าตัวเองเป็นคนดี เพราะคนดีและคนไม่ดีควรให้คนอื่นตัดสินจากพฤติกรรมทางการเมืองทั้งหลาย หากมาสถาปนาตัวเองแล้ว ยิ่งทำให้บ้านเมืองพิกลพิการ
นายจตุพร กล่าวว่า อำนาจเมื่อเสพไปแล้วเลิกยาก จึงมักเข้าข้างตัวเอง จึงอยากเก็บอำนาจไว้เป็นสมบัติส่วนตัวจนตาย โดยไม่เข้าใจสัจธรรมอำนาจว่า ตำแหน่งไม่ใช่สมบัติติดตัว แล้วลืมคิดถึงตอนที่ตัวเองมาเป็น รมต.ก็ต้องปลดคนอื่นออกไปเช่นกัน และคนที่ออกไปกลับไม่พูดว่า คนดีอยู่ไม่ได้เลย
ดังนั้น จึงน่าเห็นใจ คนเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปรับ ครม.จะได้รับทั้งอารมณ์ยินดีและเสียใจ เนื่องจากเอาคนออกจาก รมต.ก็กลายเป็นศัตรูทางการเมือง อย่างไรก็ตาม การปรับ ครม.ต้องเกิดขึ้นเมื่อ พปชร.ปรับกรรมการบริหาร (กก.บห.) ใหม่แล้ว
อีกทั้ง ย้ำถึงปัญหาทางเศรษฐกิจของไทยว่า จะฟื้นทยานขึ้นยากลำบากมาก ผู้เป็นมือทางเศรษฐกิจทั้งในรัฐบาลและเอกชนต่างไม่กล้าทำนายถึงการฟื้นตัว เนื่องจากรู้ดีว่า เศรษฐกิจเข้าสู่วิกฤตหายนะแล้ว
สิ่งสำคัญคือ ทางออกของไทยในสถานการณ์ลำบากนี้ต้องยึดหลัก "ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน" ให้ได้ โดยต้องมีความเชื่อมั่นของคนไทยเป็นฐานหนุนยึด และทุกฝ่ายต้องไม่ซ้ำเติมและรอให้ฝ่ายตรงข้ามถึงจุดจบพลาดทางการเมือง หากเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยไม่มีวันจะฟื้นโงหัวขึ้นมาได้เลย
นอกจากนี้ ถ้าประเทศไม่คิดออกแบบกันใหม่ เราก็คงไม่มีวันข้ามพ้นสถานการณ์วิกฤตนี้ได้ด้วย เราต้องระดมคนไทยทุกฝ่าย เพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีวันพลิกฟื้นประเทศได้ ไม่ว่าจะเก่งเลอเลิศเพียงใดก็ตาม และความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เป็นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงต้องร่วมมือร่วมแรงฝ่าวิกฤตด้วยกัน
ดังนั้น การเปลี่ยนตัว รมต.อาจเป็นความหวังครั้งใหม่ ในสถานการณ์ที่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะตนเชื่อว่า หากไม่มีความร่วมมือของคนอย่างจริงจังแล้ว เราจะเป็นประเทศที่ต้องเผชิญปัญหาอย่างสาหัส และตนไม่ได้มองโลกในแง่ร้าย ที่ความอดอยากจะเกิดขึ้นในประเทศที่เป็นอู่ข้าวของโลก
“สถานการณ์ขณะนี้ มองอย่างจริงจัง วัดยังอยู่ลำบากเลย แล้วคนทั่วไปจะอยู่ไหวอย่างไร ยิ่งเดือนหน้า (ก.ค.) เป็นต้นไป สิ่งต้องเผชิญคือ บรรดาพ่อแม่ต้องหาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้ลูก ตอนนี้ค่าชุด ค่าหนังสือต่างๆ และสถาบันการศึกษาก็อยู่ในสภาพที่แย่ มหาวิทยาลัยเอกชนนักศึกษาก็ลดลง หลายมหาวิทยาลัยจะมีการเลย์เอาท์ครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่กัน ซึ่งสิ่งนี้กำลังจะเกิดขึ้น"
นายจตุพร เชื่อว่า ถ้านักเรียนไม่จ่ายค่าเทอม แล้วโรงเรียนให้ออกจากการเรียนก็จะกลายเป็นความโกลาหล รัฐต้องคิดล่วงหน้าด้วยว่า นับแต่ 1 ก.ค.ไปนั้น จะแบกรับความเดือดร้อนของพ่อแม่อย่างไร โดยความเดือดร้อนจะลามกันเป็นลูกโซ่ ไปถึงภาคธุรกิจที่จะเจอกับเช็คเด้งกันไปใหญ่
อย่างไรก็ตาม วันนี้เราไม่มีความหวังว่า เมื่อ เลิก พรก. ฉุกเฉินแล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้น ตนไม่เชื่อเลย แต่ใน ก.ค.ยังเชื่อว่า ยังจะมี พรก.ฉุกเฉินอยู่ดี และคนจะหางานทำแล้วจะมีงานให้ทำหรือไม่ เมื่อกิจการอย่างโรงแรมต่างทยอยปิดตัว หรือแบกการขาดทุนไม่ไหว เพราะขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาช่วย
“ดังนั้น การพึ่งโลกไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต่างประเทศก็ติดโควิดเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จะอยู่กันอย่างไรในช่วง 1-2 ปีนี้ มีคำถามว่า รัฐบาลต้องคิดออกแบบประเทศเพื่อให้คนในชาติได้รู้สถานะอย่างแท้จริง ซึ่งจะได้เตรียมตัวกัน อีกอย่างขบวนการยึดรถ ยึดบ้านจะเกิดขึ้นตามมาอย่างเต็มที่ ถ้ารัฐไม่มีมาตรการมารองรับ”
นายจตุพร ย้ำว่า วันนี้ไทยอยู่ในสถานการณ์แสนสาหัสแล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดที่สุด ดังนั้น ประชาชนในชาติต้องคิดถึงสถานการณ์อย่างจริงจังเพื่อปรับเปลี่ยนและรองรับสิ่งที่จะเดือดร้อนอันหนักหน่วงยิ่งขึ้นกว่าเดิม และกำลังตามมาในอนาคตอันใกล้นี้
"ผมไม่แน่ใจ กรกฎา สิงหา บ้านเมืองเราจะอยู่ในสถานการณ์ไหน แล้วยังไม่ได้มองถึงกันยา ตุลา พฤศจิกา แล้วธันวา แค่มองกันแบบเดือนต่อเดือนเท่านั้น ก็ยังไม่มีใครกล้ายืนยันว่า หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร”
รวมทั้ง วันนี้ตนอยากชวนทุกฝ่ายร่วมเสียสละ แต่อย่าคิดว่าตัวเองคือคนเสียสละ ถ้าเราไม่เสียสละทางความรู้สึกกันแล้ว จะไม่มีวันข้ามพ้นสถานการณ์นี้ได้เลย ถ้ามองแค่จำนวนเสียงมากในสภาคงคิดผิดหมด เพราะปัญหาชาติใหญ่กว่าเรื่องส่วนตัวกันทั้งสิ้น
"วันนี้ อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนดี แต่ขอให้คิดดีเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่คิดดีเพื่อตัวเอง การคิดดีเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ฝ่าฟันวิกฤตเอาประเทศชาติ ประชาชนให้รอด ผมเชื่อว่าเราจะข้ามพ้นได้".
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |