“ประยุทธ์-ประวิตร” เล่นบทเตมีย์ใบ้ ไม่ตอบเรื่องการเมือง ส่วน “สมคิด” วอนสื่อเสนอข่าวนั่งเทียนให้น้อยหน่อย ยกตัวอย่างคนดีอย่าง “กอบศักดิ์” ยังต้องระเห็จไป “อุตตม” ย้ำจัดประชุมแน่ใน 45 วัน “สุวิทย์” บอกชัด 3 กุมารจะหารือในวันที่ 9 มิ.ย.เพื่อกำหนดท่าที ลั่นมาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน ยอมรับที่ผ่านมาไม่ค่อยเข้าหา ส.ส. มุ่งแต่วางรากฐานเพราะเป็นกระทรวงใหม่
เมื่อวันจันทร์ที่ 8 มิ.ย. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ 3/2563 โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ, นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งนี้ ก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้ทักทายสื่อมวลชน และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจทั้งหมดตามกระแสข่าวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์เพียงแต่ชะลอเดินเพื่อฟังคำถามแต่ไม่ตอบใดๆ
ส่วนที่กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก (บางเขน) หลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ลงจากเฮลิคอปเตอร์ และแถลงการณ์ตรวจสถานการณ์ผักตบชวาและวัชพืชในลุ่มน้ำภาคกลาง ผู้สื่อข่าวได้ถามว่าได้เตรียมตัวที่จะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือยัง พล.อ.ประวิตรไม่ตอบ ได้แต่เดินยิ้มไปขึ้นรถยนต์เพื่อเดินทางกลับทันที
ขณะที่นายสมคิดกล่าวถึงกระแสข่าวความวุ่นวายภายในพรรค พปชร. ว่าช่วงนี้พวกเราทุกคนไม่ว่าใครทั้งนั้น ต้องร่วมใจช่วยกันดูแลให้การเมืองดี ให้บรรยากาศการเมืองไทยดี การเมืองนี้สำคัญมาก และเป็นหน้าที่ของทุกคน ถ้าการเมืองดีเศรษฐกิจก็จะดีตาม สังคมก็จะดีตาม ถ้าบรรยากาศการเมืองไม่ดี งานการก็เดินไม่ได้ ทุกคนก็จะเดือดร้อน รวมทั้งพวกเราด้วย ฉะนั้นต้องช่วยกัน
วอนเสนอข่าวดี
"ข่าวอะไรก็แล้วแต่ไม่ว่าใครจะพูดอะไร จริงเท็จหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าเราเสนอให้น้อยหน่อยในสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์มันก็จะช่วยการเมืองได้ใช่หรือไม่ คนดีๆ เราต้องการให้เข้ามาอยู่ในเมืองไทย เข้ามาให้ช่วยทำงานการเมืองใช่หรือไม่ เราเห็นตั้งแต่วันแรกแล้ว รัฐมนตรีอย่างเช่นกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ คนดี คนเก่ง ซื่อสัตย์สุจริต เขาก็อยู่การเมืองไม่ได้ แล้วถ้าทยอยไปทีละคน ใครจะทำงาน ใช่ไหม พวกเขาไม่ได้เดือดร้อน คนอื่นต่างหากที่จะเดือดร้อน ช่วยกันนะครับ ผมมองว่าทุกฝ่ายก็รู้จักกันทั้งนั้น ข่าวอะไรก็อย่าไปพูด อย่าไปถาม หยุดได้แล้ว" นายสมคิดกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ข่าวที่เกิดขึ้นก็มาจากบรรดานักการเมือง นายสมคิดกล่าวว่า ก็ไปถามคนที่เขาพูด ไม่ต้องมาถามตนเอง ข่าวดีๆ ทำไมไม่ตามกัน เช่นการฟื้นฟู ขสมก.
"คนดีมีเยอะในเมืองไทย และอยากให้เขาเข้ามา ถ้าเข้ามาได้ก็เชิญเข้ามาเลย คนที่อายุมากแล้วจะได้ถอยไป" นายสมคิดระบุ
เมื่อถามว่าแล้วนายกฯ คิดเหมือนที่นายสมคิดคิดหรือไม่ นายสมคิดตอบว่า "อ้าว นายกฯ เป็นคนดีใช่หรือไม่ ท่านก็ต้องคิดเหมือนกัน และการปรับ ครม.ก็อยู่ที่ท่านอยู่แล้ว"
ซักต่อว่า แสดงว่าช่วงนี้หลายคนเล่นการเมืองมากกว่าการทำงานใช่หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ไม่ได้ว่าอย่างนั้น แต่อยากให้ทุกคนเอาใจใส่ ตั้งใจ และพูดคุยในสิ่งที่ช่วยบ้านเมืองได้ ใครมาใครไปไม่สำคัญหรอก
เมื่อถามว่ามองใครไว้บ้างที่จะให้มาช่วยงานด้านเศรษฐกิจ นายสมคิดกล่าวว่า คนดีๆ มาได้ทั้งนั้น เวลคัม
ทั้งนี้ ก่อนการประชุม คนร. นายอุตตม ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงการจัดประชุมเลือกกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ว่า อยู่ในขั้นตอน โดยต้องจัดประชุมภายในกรอบ 45 วัน ซึ่งผู้จะมาเป็น กก.บห.ชุดใหม่ก็ยังไม่ทราบเป็นใคร ต้องรอการประชุมก่อน
เมื่อถามว่าหากมีการเปลี่ยน ครม.ด้านเศรษฐกิจ จะมีผลกระทบต่อแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า เชื่อว่านายกฯ จะดูแลในทุกเรื่อง และกลั่นกรองอย่างรอบคอบ และเมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวรัฐมนตรี 3 คนเตรียมพูดคุยเพื่อกำหนดท่าทีในการทำงานร่วมกัน นายอุตตมปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าวพร้อมเดินเข้าห้องประชุมทันที
นายอุตตมให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ขออนุญาตไม่ตอบเรื่องการเมือง วันนี้มุ่งที่งาน และจะไม่พูดเรื่องข่าวลืออะไรทั้งนั้น เพราะงานทั้งหลายที่จะออกมา ต้องทำให้ผู้ประกอบการ ประชาชนสัมผัสได้ว่ามาตรการออกมาแล้วได้รับการช่วยเหลือ นี่คือหัวใจของความมั่นใจ ไม่ใช่เรื่องข่าวลือโน่นนี่นั่น ซึ่งข่าวลือมันมี ห้ามไม่ได้ แต่ก็อยากจะขอว่า เรามาโฟกัสด้วยกันตรงนี้ว่าเอางานออกมาก่อน เวลานี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อมากสำหรับประเทศไทย ขอเรื่องนี้ก่อน อย่างที่เรียนว่าข่าวลือมีทั่วไป ที่กำลังพูดคือเราโฟกัสที่งานเท่านั้นเอง
มาด้วยกันไปด้วยกัน
ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวเตรียมนัดหารือนายอุตตม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน รักษาการเลขาธิการ พปชร. เกี่ยวกับการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่า วันนี้ยังทำงานอยู่ ตอนนี้ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน ต้องช่วยนายกฯ นำพาวิสัยทัศน์ของประเทศไปข้างหน้าในช่วงหลังวิกฤติโควิด-19 ส่วนที่โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องการปล่อยวางนั้น เป็นการเตือนตัวเอง ไม่ได้ปลงกับปัญหา วันนี้นายกฯ ให้โจทย์มาอีกเยอะ ตอนนี้มีหน้าที่ทำงาน และแม้จะเป็นรองหัวหน้า พปชร. แต่ไม่ค่อยคุ้นชินกับงานการเมือง ซึ่งปกติก็โพสต์ข้อความในวันอาทิตย์ที่เป็นเรื่องสบายๆ
เมื่อถามว่า ถือว่าถอดใจหรือไม่ นายสุวิทย์กล่าวว่า เราทำงาน ทำจนวินาทีสุดท้าย ตอนนี้แม้มีความคิดหลากหลายก็ต้องมาคุยกันว่าการเมืองหลังโควิด-19 ควรจะเป็นอย่างไร รูปแบบการเมืองที่ทำกันอยู่แบบเดิมๆ ตอบโจทย์หรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีที่ระบุว่า 3 กุมารจะนัดคุยนั้น นายสุวิทย์กล่าวว่า ก็เพราะเราเป็นคู่กรณี ถ้ามีโอกาสต้องคุยกัน ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องสปิริต เรามาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน แต่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน ก่อนหน้านี้พวกตนคือ 4 กุมาร ลาออกจากรัฐบาล คสช.เพื่อไปตั้งพรรคใหม่ เป็นอารมณ์ของการที่มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน ต้องคุยกัน การตัดสินใจจะไม่ใช้อารมณ์ และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายสมคิด แต่เป็นเรื่องภายในพรรค 4 กุมารเป็น กก.บห. แต่นายสมคิดเป็นอาจารย์ และให้การสนับสนุน 4 กุมารมาตลอด ก็แล้วแต่ท่าน แต่ถ้าแยกให้ออกเรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน ต้องมาคุยกัน ซึ่งจริงเท็จไม่รู้ แต่มีการพูดกันว่าการปรับเปลี่ยนผู้บริหารพรรคเชื่อมโยงกับการปรับเปลี่ยน ครม. แต่ข้อเท็จจริงการปรับ ครม.เป็นเรื่องของนายกฯ ต้องเคารพนายกฯ จะตัดสินใจอย่างไรก็ตามต้องหารือนายกฯ ก่อน และการลาออกจาก ครม.หรือไม่หลังการหารือทั้งสามคน ต้องให้เกียรตินายกฯ เพราะท่านเป็นคนเลือกเรามา
“ผมถือว่าภารกิจผม ท่านนายกฯ ไว้วางใจ ให้มาตั้งกระทรวงใหม่ ตั้งไข่มาระดับหนึ่ง หากลาออกเลยจะหาว่าทิ้งกระทรวง ตอนนี้เป็นเวลากว่าหนึ่งปี ถือว่าสร้างฐานรากมาพอสมควร ก็เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีใหม่ แต่ส่วนนายกฯ จะให้ผมและอีกสองกุมารอยู่ต่อหรือไม่ ก็เป็นดุลยพินิจของท่านนายกฯ และวันนี้นายกฯ ไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร ซึ่งท่านมองว่าควรมองประเทศไทยไปข้างหน้า อย่ามัวเสียเวลามองแต่ปัญหา” นายสุวิทย์กล่าว
เมื่อถามว่า ที่นายสุวิทย์ระบุว่าไม่ได้ใกล้ชิดกับพรรค ตรงนี้เป็นปัญหาใช่หรือไม่ นายสุวิทย์ยอมรับว่าตรงนี้เป็นข้อบกพร่อง ในช่วงที่ผ่านมาไม่มี ส.ส. และตามรัฐธรรมนูญก็เป็น ส.ส.ไม่ได้ และงานในกระทรวงอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยและงานวิจัย ยอมรับว่าตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีก็ทำงานอยู่แต่ที่กระทรวง เพราะจำเป็นต้องขึ้นรูปกระทรวงใหม่
9 มิ.ย.รู้ท่าที 3 กุมาร
เมื่อถามว่า การเลือก กก.บห.ชุดใหม่ จะสมัครเป็นรองหัวหน้าพรรคอีกหรือไม่ นายสุวิทย์กล่าวว่า พอแล้ว อันนี้เดี๋ยวค่อยมาว่ากัน การทำหน้าที่รักษาการตรงนี้ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการทำงานให้เต็มที่ ส่วนช่องโหว่ความสัมพันธ์กับ ส.ส.นั้น หากยังทำงานในฐานะรัฐมนตรีคือสิ่งที่ต้องปรับปรุง เพราะเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนที่ให้เขามาตีเราได้ เรื่องนี้ไม่ปฏิเสธ แต่จะปรับปรุงเพื่อไปบริหารพรรคใหม่หรือไม่นั้น ต้องขอคิดอีกที และตั้งแต่มีประเด็นนี้ พวกตนเองทั้งสามคนยังไม่ได้คุยกัน ต้องคุยกัน ต่างคนต่างคิดไม่ได้ และเมื่อคุยกันแล้วต้องเรียนผู้ใหญ่ อย่างน้อยท่านนายกฯ และนายสมคิดต้องรับทราบในสิ่งที่พวกเราหารือกัน และคิดอ่านอย่างไร ซึ่งเราต้องรักษาภาพใหญ่ให้ได้ เพราะนายกฯ ยังต้องอยู่ในภาวะต้องขับเคลื่อนวิกฤติ ไม่อยากให้ท่านปวดหัว ซึ่งในการประชุม ครม.วันที่ 9 มิ.ย. เมื่อเจอกันทั้งสามคนคงได้คุยกัน
เมื่อถามว่า นายสมคิดได้ส่งสัญญาณอะไรมาหรือไม่ นายสุวิทย์กล่าวว่า ท่านก็ส่งสัญญาณเหมือนที่ถามกับสื่อว่าเบื่อหรือไม่ ซึ่งก็บอกว่าสู้อยู่ ไม่ได้สู้ทางการเมือง แต่สู้ในเนื้องานของกระทรวง แต่รับรู้ว่ามีสิ่งนี้เกิดขึ้น จะไปนิ่งนอนใจไม่ได้
นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะรักษาการนายทะเบียนพรรค กล่าวถึงการเตรียมประชุมใหญ่สามัญประจำปีเพื่อเลือก กก.บห.พรรคชุดใหม่ ว่าอยู่ระหว่างการเตรียมการ ซึ่งการประชุมใหญ่ประจำปีมีเงื่อนไขว่าต้องรายงานกิจการดำเนินการ และต้องใช้องค์ประชุมอย่างน้อย 250 คน ในขณะที่สมาชิกพรรคมี 45,000 คน จึงต้องเชิญตัวแทนมาประชุม อีกทั้งยังมีความเสี่ยงเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงต้องเตรียมความพร้อม แต่ยืนยันว่ายังอยู่ในกรอบ 45 วันตามข้อบังคับพรรค ส่วนที่มีข้อกังวลว่าอาจมีการระดมคนมาเพื่อโหวตให้ กก.บห.คนใดคนหนึ่งนั้น ยืนยันว่า ส.ส.ของพรรคจะมี 1 เสียง 1 โหวต และเชื่อว่า ส.ส.พรรคมีวิจารณญาณ และคงไม่ทำอะไรที่ทำให้เกิดความเสียหาย
นายไพบูลย์ นิติตะวัน รักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และฝ่ายกฎหมายพรรค กล่าวถึงการจัดประชุมใหญ่สามัญเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ หลัง 18 กก.บห.ชุดปัจจุบันลาออก ส่งผล กก.บห.สิ้นสภาพทั้งหมดว่า เชื่อว่าไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรน่าห่วง หลังนายอุตตม สาวนายน รักษาการหัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ระบุแล้วกำลังดำเนินการไปตามขั้นตอนกรอบเวลา คือภายใน 45 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. สัปดาห์นี้ผู้มีหน้าที่น่าจะยื่นเรื่องแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงการลาออกของ 18 กก.บห.และสัปดาห์หน้ารักษาการหัวหน้าพรรคน่าจะเรียกประชุมรักษาการ กก.บห. เพื่อกำหนดการประชุมใหญ่สามัญได้ทั้งวันประชุม สถานที่ และระเบียบวาระการประชุม ทั้งนี้ คาดว่าจะจัดประชุมใหญ่สามัญเพื่อเลือก กก.บห.ชุดใหม่ได้ในวันที่ 4 ก.ค. หรือวันที่ 12 ก.ค.
ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ กล่าวถึงข่าวการปรับ ครม. ซึ่งถือว่าเป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์จะพิจารณาปรับหรือไม่ปรับใคร และในฐานะสมาชิกพรรค พปชร. ขณะนี้อยู่ระหว่างการดูแลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.จังหวัดลำปาง เขต 4 หากสามารถชนะการเลือกตั้งได้ จะทำให้ ส.ส.ที่ร่วมอุดมการณ์จะมีเพิ่มเป็น 71 คน จาก ส.ส.ทั่วประเทศ
“ในฐานะ ส.ส.พลังประชารัฐ กำลังรวบรวมกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน กลุ่มที่ต้องการสร้างบ้านแปงเมืองอาสาเข้ามาเพื่อรับใช้ประชาชน กลุ่มที่มีอุดมการณ์เดียวกันนี้มีประมาณ 70 คน หากคนลำปางไว้วางใจให้พลังประชารัฐเข้าดูแล เป็นปากเป็นเสียง กลุ่มเราจะมีเพิ่มเป็น 71 คน การเข้ามาครั้งนี้ไม่ได้เข้ามาเพื่อต่อรองอำนาจหรือต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี แต่จะเข้ามาดูแลทุกข์สุข ของประชาชน เข้ามาเป็นปากเสียงของประชาชน แก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน”
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรค พปชร.และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล พาดพิงถึงปัญหาภายในพรรค พปชร.และกล่าวหาการบริหารด้านเศรษฐกิจล้มเหลวว่า ปัญหาความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐเป็นเรื่องภายในพรรค ไม่เกี่ยวอะไรกับพรรคก้าวไกล อยากให้นายวิโรจน์ดูแลพรรคตัวเองให้ดีก่อน จะได้ไม่เหมือนพรรคเก่าที่เคยอยู่
“ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐนั้น เชื่อว่าเมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ภายในพรรคทำความเข้าใจกัน ทุกอย่างก็จบ ส่วนการปรับ ครม.นั้นเป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์เพียงผู้เดียว ไม่มีใครแทรกแซงได้” นายธนกรกล่าว
วันเดียวกัน ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ได้ทำหนังสือถึงประชาชนตอบโต้นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรค พปชร. ว่ามีนามสกุลเดียวกันกับโฆษกกระทรวงพลังงาน ก่อนจะสรุปว่าจะขอใช้สิทธิอันชอบธรรมพึ่งกระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยหากชนะคดีจะขอทำบุญบริจาคให้เด็กยากจนพิเศษที่บ้านมีฝาบ้านไม่ครบสี่ด้านโดยไม่มีเงื่อนไข และขอบริจาคทำบุญซ่อมอุโบสถ วัดต่างๆ แต่อยากได้มือกฎหมายเก่งๆ ของประเทศมาช่วย เพราะกำลังสู้กับผู้มีอำนาจคับบ้านคับเมือง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |