ประเด็นร้อนๆ กรณี พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 (ผบก.ทท.3) ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.บช.ทท. โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิมตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.63 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง พร้อมตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน
จากกรณีสื่อโซเชียลโพสต์ภาพและเขียนข้อความ ใช้เฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาปฏิบัติราชการและลงจอดที่บริเวณวัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช
แก้บนด้วยประทัด 3 ล้านนัด!!!
แม้ทั้งวัดไอ้ไข่และฝ่ายตำรวจ บก.ทท.3 จะออกมาชี้แจงประเด็นการแก้บนว่าไม่เป็นความจริง เป็นการเชื่อมโยง 2 เหตุการณ์มาเป็นเหตุการณ์เดียวกัน คือมีคนมาแก้บนประทัดจริง แต่ไม่ใช่ของ พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ คณะของ ผบก.ทท.3 มาปฏิบัติราชการที่วัดไอ้ไข่ ในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามข้อมูลที่เพจ Tourist Police Division3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 ชี้แจง
"ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 ตรวจเยี่ยมสถานที่ท่องเที่ยววัดเจดีย์ วันที่ 5 มิถุนายน 2563 เวลา 12.30 น. พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผบก.ทท.3, พ.ต.ต.ปริญญา รักษาแก้ว สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.3, ข้าราชการตำรวจในสังกัด, ที่ปรึกษาและอาสาช่วยเหลือตำรวจท่องเที่ยว ตรวจเยี่ยมสถานที่ท่องเที่ยว นมัสการพระครูพุทธเจติยาภิมณฑ์ เจ้าอาวาส วัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) เพื่อขอทราบปัญหา และมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19
เนื่องจากที่วัดเจดีย์ ในแต่ละวันมีผู้มีจิตศรัทธาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาที่วัดจำนวนมาก คณะทำงานของวัดได้แจ้งให้ทราบถึงมาตรการต่างๆ ในการป้องกันการแพร่ระบาด เช่น การตั้งจุดคัดกรองก่อนเข้าในบริเวณวัด และได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเดินดูในบริเวณวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมในการป้องกันการแพร่ระบาด
โดยขอให้เพิ่มจุดตรวจคัดกรองไว้อีกหนึ่งจุด สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และหากไม่มีผู้สื่อสารภาษากับชาวต่างชาติได้ จะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวมาสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับตำรวจท้องที่ ในการดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ก่อนที่จะเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เข้ามานมัสการได้ตามเดิม"
อย่างไรก็ตาม แม้ประเด็นการแก้บนจะถูกชี้แจง จะได้สร้างความกระจ่างไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าประเด็นความเหมาะสมในการใช้เฮลิคอปเตอร์เดินทางไปปฏิบัติงานป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่วัดไอ้ไข่ และการนำเฮลิคอปเตอร์ไปจอดบริเวณวัด เหมาะสมหรือไม่ อย่างไร
ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 47 ระเบียบเกี่ยวกับอากาศยาน พ.ศ.2556
โดยเฉพาะข้อ 3 การพิจารณาใช้อากาศยานสนับสนุนทางอากาศ
ในข้อ 3.1.1 ระบุว่า การใช้อากาศยานทุกประเภท จะต้องพิจารณาไปในทางประหยัดและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ ทั้งนี้เพราะอากาศยานและอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและหล่อลื่นและค่าซ่อมบำรุงรักษาอากาศยานสูงมาก ในการพิจารณาคำขอใช้อากาศยานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกกรณี ให้กองบินตำรวจพิจารณาด้วยความละเอียดรอบคอบ โดยคำนึงถึงภารกิจที่จะให้การสนับสนุน ประโยชน์และประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ความจำเป็นเร่งด่วน ความปลอดภัย ระยะทาง ความคุ้มค่า ตลอดจนคุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้ขอใช้อากาศยานเป็นสำคัญ และจะปฏิบัติภารกิจทุกครั้งได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติให้ใช้อากาศยานจากผู้มีอำนาจแล้วนั้น
และข้อ 3.1.2 สถานการณ์ที่จะใช้อากาศยาน ในหลักการจะต้องเป็นเรื่องเร่งด่วนฉุกเฉิน เช่น เกิดการต่อสู้เจ้าพนักงาน การสู้รบ การก่อความไม่สงบ การจลาจล การเกิดภัยพิบัติต่างๆ หรือกรณีที่เป็นท้องถิ่นทุรกันดารไม่สามารถใช้ยานพาหนะอย่างอื่นได้ และจะเกิดความเสียหายหรือเป็นการเสี่ยงภัยอันตรายเป็นอย่างมาก
ดูจะขัดๆ กับการนำเฮลิคอปเตอร์ไปปฏิบัติงานในครั้งนี้!!!
ทั้งในเรื่องพื้นที่วัดไอ้ไข่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ไม่น่าจะใช่พื้นที่ทุรกันดาร เพราะ จ.นครศรีธรรมราช มีเครื่องบินพาณิชย์ ถนนทางไปวัดไอ้ไข่ก็สะดวกสบาย
ภารกิจการป้องกันโควิด-19 แม้จะเป็นภารกิจเร่งด่วน แต่เจ้าภาพการป้องกันโดยตรงก็เป็นของตำรวจพื้นที่ ตำรวจท่องเที่ยวเป็นแค่หน่วยงานเสริม
รวมทั้งการใช้เฮลิคอปเตอร์มีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าการเดินทางด้วยพาหนะอื่นๆ หรือไม่
คำถามที่เกิดขึ้นในการใช้เฮลิคอปเตอร์ครั้งนี้เลยพุ่งตรงไปที่เรื่อง เหมาะสม แค่ไหน อย่างไร
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวต้องมีคำตอบให้สังคม.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |