'เมเจอร์'ผิดชัดเจน จัดงานเปิดตัวดารา


เพิ่มเพื่อน    


    ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาเมเจอร์และผู้จัดอีเวนต์เปิดตัวดารา "หยิ่น-วอร์" "พล.ต.ท.ปิยะ" เผยผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จัดกิจกรรมไม่เว้นระยะห่างเสี่ยงแพร่เชื้อโควิด-19 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท "รอง ผบช.น." ลั่นไม่เลือกปฏิบัติ ผอ.เขตปทุมวันเผยตัวแทนโรงหนังชี้แจงไม่ได้จัดมีตติ้ง แต่ศิลปินมาถ่ายไลฟ์สดโปรโมตหนัง ส่งผลให้มีแฟนคลับตามมาเป็นจำนวนมาก  "บัณฑิต ทองดี" โพสต์เฟซบุ๊กเผย "โรงหนัง" ออกประกาศทำให้แฟนคลับแห่ตามมาดู
    เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 มิถุนายน ที่ สน.ปทุมวัน ตัวแทนศูนย์การค้าสยามพารากอน, บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน), ผู้จัดกิจกรรม เดินทางมาพบ พ.ต.ท.เจริญสิทธิ์ จงอิทธิ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.ปทุมวัน กรณีมีการจัดไลฟ์สดเปิดตัว 2 นักแสดงวัยรุ่นคือ นายอานันท์ ว่อง หรือหยิ่น อายุ 22 ปี และนายวนรันต์ รัศมีรัตน์ หรือวอร์ อายุ 26 ปี ที่โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีแฟนคลับมารอกันจำนวนมาก แต่ทางผู้จัดไม่ได้กำหนดระยะห่างตามกฎหมาย ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมี พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. ร่วมสอบปากคำภายในห้องประชุมชั้น 2
    พล.ต.ต.จิรพัฒน์กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า ผบช.น.ได้สั่งการให้ตนมาร่วมสอบปากคำกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องของกิจกรรมดังกล่าวไม่เป็นไปตามมาตรฐานการเว้นระยะห่างทางสังคม ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเป็นการร่วมมือพร้อมทหารกับกรุงเทพมหานคร ในการตรวจสถานที่ผ่อนปรน และเป็นเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ส่วนการสั่งปิดพื้นที่ 3 วันนั้นเป็นมาตรการภายในขององค์กร ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าบริษัทเจ้าของพื้นที่และผู้เช่าพื้นที่จะมีความผิดหรือไม่ ต้องรอการสอบปากคำของพนักงานสอบสวนก่อน ยืนยันไม่ได้เข้าข้างผู้ประกอบการ
    ต่อมา พล.ต.ท.ปิยะกล่าวภายหลังประชุม 3 ชั่วโมงว่า ตัวแทนของศูนย์การค้าสยามพารากอนกับตัวแทนบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ได้นำเอกสาร ภาพนิ่ง และวิดีโอ เกี่ยวกับงานทั้งหมดมาเป็นหลักฐาน จากการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว พบว่ามีความผิดครบองค์ประกอบ โดยเฉพาะผู้จัดนั้น ได้มีการโพสต์เชิญชวนแฟนคลับผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งต้องทราบอยู่แล้วว่าการเชิญดารามาออกงานจะต้องมีผู้มาร่วมงานจำนวนมาก จะต้องประเมินว่าพื้นที่มีกี่ตารางเมตร สามารถรองรับได้กี่คน
    พล.ต.ท.ปิยะกล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำทางศูนย์การค้าสยามพารากอนได้ปฏิเสธว่าไม่ทราบว่ามีการจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น ในส่วนของบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ผู้จัดกิจกรรมนั้นไม่ได้แจ้งศูนย์การค้าสยามพารากอนซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่, สำนักงานเขตปทุมวัน, สน.ปทุมวัน และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หรือ ศบค. ให้ทราบว่าจะมีจัดกิจกรรมขึ้นด้วย
    พล.ต.ท.ปิยะกล่าวอีกว่า พิจารณาแล้วเข้าข่ายความผิดตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 5) ข้อ 2 วรรค 2 ห้ามผู้ใดจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมประชุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งขณะนี้การสอบปากคำยังไม่แล้วเสร็จ อาจจะมีผู้กระทำผิดมากกว่า 1 คน
    "ในส่วนของดาราชาย จะต้องตรวจสอบก่อนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หากเกี่ยวข้องจะต้องเชิญมาสอบปากคำเช่นกัน นอกจากนี้จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดถึงมาตรการตรวจคัดกรองเข้มงวด ทั้งการวัดอุณหภูมิร่างกาย และการกำหนดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมในวันที่จัดกิจกรรมด้วย" ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว
    พล.ต.ท.ปิยะกล่าวยืนยันว่า ตำรวจไม่กังวลในเรื่องการดำเนินคดี แต่อยากฝากไปยังศูนย์การค้าและสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ ว่า ขอให้คำนึงถึงข้อห้ามตามกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดต่อนี้ด้วย
    ด้าน พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าเป็นการหารือ 4 ฝ่าย ได้แก่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ในฐานะเจ้าของพื้นที่, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในฐานะผู้เช่า, ผู้จัดงานและตัวแทนฝ่าย กทม. เพื่อหารือร่วมกันหลังกิจกรรมดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม
    พล.ต.ต.จิรพัฒน์กล่าวยืนยันว่า การพิจารณาดำเนินการลงโทษจะต้องเป็นบรรทัดฐานเดียวกันกับคนอื่นที่กระทำผิดโดยไม่เลือกปฏิบัติ โดยต้องยืนหยัดบนความถูกต้อง และไม่เข้าข้างผู้ประกอบการ ส่วนการสั่งปิดโรงภาพยนตร์เป็นเวลา 3 วัน เป็นมาตรการภายในของผู้ประกอบการ ในส่วนของตำรวจจะต้องพิจารณาในประเด็นทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากพิจารณาแล้วเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อหารวมตัวกันจัดกิจกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ จะไม่มีการปัดความรับผิดชอบระหว่างตำรวจและ กทม.
    “การเรียก 2 ศิลปินดาราคู่จิ้นมาสอบสวนด้วยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน หากเกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืนมาตรการเว้นระยะห่างสังคมด้วย ก็จะต้องเชิญมาสอบปากคำเช่นกัน”
    ขณะที่นางมาศวัลย์ ปิ่นสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตปทุมวัน ได้เชิญผู้ประกอบการจากโรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ เข้ามาพบ เพื่อย้ำมาตรการด้านสาธารณสุขในการป้องกันโรคโควิด-19 ตามมาตรฐานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) กำหนดให้เว้นระยะห่าง จำกัดจำนวนคน และห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก
    นางมาศวัลย์กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแจ้งกับทางเขตว่าไม่ได้เป็นลักษณะของการจัดมีตติ้ง แต่ศิลปินดังกล่าวมาถ่ายคลิปวิดีโอเพื่อโปรโมตหนัง แต่ปรากฏว่าแฟนคลับจำนวนมากทราบข่าวเลยตามขึ้นมาบนโรงหนัง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมได้
    อย่างไรก็ตาม ทางเขตยังไม่ได้มีบทลงโทษ เนื่องจากห้างสรรพสินค้าได้มีมาตรการในการสั่งปิดโรงหนังเป็นเวลา 3 วันแล้ว แต่จะมีการกวดขันผู้ประกอบการ โดยจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบการเปิดให้บริการในวันที่ 10 มิ.ย.นี้อีกครั้ง
    ด้าน บัณฑิต ทองดี ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจงจากกรณีดรามาโรงภาพยนตร์ปล่อยให้มีการทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินเมื่อวันก่อน โดยสรุปว่า ทางทีมซีรีส์ นักแสดง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น นอกจากทางผู้จัดงานจ้างนักแสดงมาทำการไลฟ์ สตรีมมิง ไม่ได้มีการถ่ายทำละครหรือภาพยนตร์ใดๆ แค่เป็นการถ่ายไลฟ์สดของนักแสดง และทีมงานอีก 3 คนเท่านั้น
    สิ่งที่ทำให้เป็นประเด็นเกี่ยวกับกองถ่ายคือ โรงหนังออกหนังสือขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นโดยใช้คำว่า "การถ่ายทำในโรงภาพยนตร์" ซึ่งใครเห็นก็ต้องเข้าใจว่ามีการถ่ายทำอะไรสักอย่างที่ใหญ่โตในโรงหนัง แล้วมีแฟนคลับจำนวนมหาศาลตามมาดู ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ ศบค.ก็เข้าใจอย่างนั้น ซึ่งหลังจากสืบสาวราวเรื่องแล้วก็พบว่าเป็นการจัดงานโดยโรงภาพยนตร์เอง ไม่เกี่ยวกับกองถ่าย และได้ส่งหลักฐานทั้งหมดชี้แจงต่อกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อแจ้งกับ ศบค.ต่อไป
    "สรุปคือ กองถ่ายเราน่าจะรอดตัว แต่โรงหนังกับห้างไม่รอด โดนทั้งคดีอาญา ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดนทั้งสังคมรุมประณาม แต่ที่น่าเป็นห่วงมากๆ ก็คือกลุ่มคนจัดงานอีเวนต์และคอนเสิร์ตที่กำลังรวมตัวทำข้อมูลไปขอปลดล็อกในเฟส 4 นี้ อาจจะทำให้มีผลต่อการพิจารณา".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"