"จุดประสงค์ที่แท้จริงทางการเมืองของการวางแผน-เดินหมากทางการเมืองทั้งหมด ของกลุ่มต่างๆ ในพลังประชารัฐที่ล้มกลุ่มสมคิด มันเป็นเรื่องของการมองไปที่การรีเซตจัดสรรอำนาจใหม่ในรัฐบาลการปรับ ครม.”
กระบวนการเพื่อเลือก หัวหน้าพรรค-กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ หลังจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ 18 คน พร้อมใจกันร่อนใบลาออกจากกรรมการบริหารพรรคไปเมื่อ 1 มิถุนายน จะเกิดขึ้นตามไทม์ไลน์ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ฉบับปัจจุบันและข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ที่จะมีอยู่ 2 ขั้นตอนสำคัญ เรียงตามลำดับเวลา
เริ่มที่ขั้นตอนแรก อุตตม สาวนายน รมว.คลัง รักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องทำหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อแจ้งให้ กกต.ทราบถึง กรณี 18 กรรมการบริหารพรรค ยื่นใบลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวตามกฎหมายพรรคการเมือง
2.อุตตม-รักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคที่ยังไม่ได้ลาออก และอยู่ในสภาพรักษาการกรรมการบริหารพรรค ที่มีด้วยกัน 16 คน มาประชุมกันเพื่อลงมติกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะมีวาระสำคัญคือ การลงมติลับเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ ยกแผง
ซึ่งกระบวนการเรียกประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรคดังกล่าว ต้องทำภายในไม่เกิน 15 วัน นับจาก 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่การจัดประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ ต้องทำให้เสร็จสิ้นภายในไม่เกิน 45 วัน นับจากวันที่ 1 มิ.ย. ที่เป็นวันซึ่ง 18 อดีต กก.บห.พรรคพลังประชารัฐลาออก ดังนั้นก็จะต้องมีการเรียกประชุมใหญ่ดังกล่าวภายในไม่เกินกลางเดือนกรกฎาคมนี้
ด้วยเหตุนี้ ภายในไม่เกินกลางเดือน ก.ค.ก็จะได้เห็นกันแล้วว่า หัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ-กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่มีใครกันบ้าง
ท่าทีล่าสุดของ บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ-ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้แรงหนุนจากทุกกลุ่มในพลังประชารัฐให้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะออกตัวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังถูกถามถึงแรงหนุนให้เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อ 4 มิ.ย.ว่า "ไม่พร้อมๆ"
ทว่าวันรุ่งขึ้น ศุกร์ที่ 5 มิ.ย. ท่าทีดังกล่าวก็แปรเปลี่ยนไป โดย พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์กับสื่ออีกครั้ง ถึงกรณีที่ได้ให้สัมภาษณ์ว่าไม่พร้อมหากถูกเสนอชื่อให้เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า "ยังไม่ถึงเวลา เพราะเมื่อถึงเวลาก็แล้วแต่พรรคและสมาชิกพรรค ผมไม่เกี่ยว เขาเลือกกันอย่างไร ก็ว่าไปตามนั้น"
เมื่อถามย้ำว่า สามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้และเป็นไม่ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรพยักหน้าและตอบสั้นๆ ว่า “อืม”
อย่างไรก็ตาม ในทางการเมือง คนในพลังประชารัฐวิเคราะห์ไปในแนวเดียวกันหมดว่า พลเอกประวิตร ก็ต้องเด้งเชือกตัวเองไว้แบบนี้ เพราะยังเหลือเวลาอีกมากร่วมเดือนกว่าถึงจะมีการจัดประชุมใหญ่พรรค เมื่อสถานการณ์การเมืองพลิกแบบวันต่อวัน มันก็ต้องมีลูกดูเชิง ประเมินสถานการณ์กันไว้ด้วย จะไปตอบแบบโต้งๆ ทันควันว่า
“ได้เลย-เอาสิ-พร้อมแล้ว-อยากเป็น”
หากสถานการณ์พลิก เกิดมีปัจจัยแทรกซ้อน บิ๊กป้อมไปเป็นหัวหน้าพรรค พปชร.ไม่ได้ มันก็เสียเหลี่ยม
การเด้งเชือกไว้แบบนี้ของพลเอกประวิตร จึงเป็นเรื่องปกติทางการเมือง เพราะการบอกว่า "ไม่พร้อม" ไม่ได้หมายถึง
"ไม่เอา-ไม่เป็น"
เพราะถ้าเสียงส่วนใหญ่ในพรรค โดยเฉพาะหากในที่ประชุมใหญ่พรรคเทเสียงหนุน พลเอกประวิตร ยังไงเสีย “ลุงป้อม” ของ ส.ส.-นักการเมืองพลังประชารัฐทั้งหลาย ก็น่าจะตอบรับ ไม่มีปฏิเสธ นี่คือสิ่งที่ ส.ส.พลังประชารัฐพูดเป็นเสียงเดียวกันตั้งแต่ช่วงบ่ายจรดค่ำ ที่ตึกรัฐสภา เกียกกาย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังข่าวคำให้สัมภาษณ์ของพลเอกประวิตรที่บอก ”ไม่พร้อม” ถูกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ในไลน์ของ ส.ส.พลังประชารัฐหลายต่อหลายคน ที่พบว่าส่วนใหญ่ไม่มีใครแปลกใจ มีแต่อมยิ้ม และบอกกันว่า ลุงป้อม เขาต้องไว้เชิง ยังไงก็มาแน่
อย่างเช่น มุมอ่านสถานการณ์การเมืองของ ไพบูลย์ นิติตะวัน-รักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ-ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ-มือกฎหมายข้างกายพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เชื่อว่า เมื่อเสียงเรียกร้องของคนในพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการให้พลเอกประวิตรเป็นหัวหน้าพรรคออกมาแบบเป็นหนึ่งเดียว ยังไงพลเอกประวิตรไม่ปฏิเสธชัวร์
“ส.ส.พลังประชารัฐกับสมาชิกพรรคต่างชื่นชมและเคารพพลเอกประวิตรมาก และต่างปรารถนา อยากขอให้ท่านมาเป็นหัวหน้าพรรค พปชร. ซึ่งพลเอกประวิตรเป็นเสาหลักของพรรคอยู่แล้ว หากจะมาเป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องเสียสละ ต้องยอมเหนื่อย ต้องยอมที่จะลงมาเป็นหัวหน้าพรรค
ดังนั้นเราต้องขอด้วยเหตุเดียวก็คือ ท่านก็รักพรรคพลังประชารัฐ ถ้ามาแล้วเป็นประโยชน์กับพรรคพลังประชารัฐ พรรคจะได้แข็งแรงขึ้น จะได้ไปสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เพราะท่านก็รักพลเอกประยุทธ์อยู่แล้ว ดังนั้นถ้าโดยเหตุผล พูดคุยกันแล้ว หากพลเอกประวิตรยอมเสียสละลงมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มันก็จะเป็นประโยชน์กับพรรค แม้ตอนนี้พลเอกประวิตรถึงบอกว่า ไม่เกี่ยว ไม่อะไรทั้งสิ้น ถ้าถึงเวลานั้น มีเสียงเรียกร้องของ ส.ส.พปชร.ทั้งพรรค สมาชิกพรรคทั้งประเทศ แล้วมันเป็นประโยชน์กับพรรค ผมว่าท่านก็ต้องเสียสละ ต้องรับฟัง ในเมื่อพลเอกประวิตร ทำให้กับพรรคมาขนาดไหนแล้ว แล้วท่านจะไม่ทำให้หรือ
ตอนนี้เรามีปัญหา มันมีความแตกแยก มันไม่มีใครมือถึงเลย แล้วมีฝักมีฝ่ายแบบนี้ เราต้องการความเป็นเอกภาพ แล้วมันเป็นประโยชน์กับพรรค เพราะพลเอกประวิตรเป็นเสาหลัก เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับและเคารพรักจาก ส.ส. ทั้งพรรค เราก็ต้องไปขอพลเอกประวิตร แต่ไม่รู้ท่านจะมาหรือเปล่า แต่หากคุยกันถึงประโยชน์จริงๆ คุยกันถึงเหตุถึงผลกันจริงๆ พลเอกประวิตรก็อาจต้องไปตัดสินใจอีกครั้ง” (ไพบูลย์ นิติตะวัน-รอง หน.พปชร.)
เห็นหนังตัวอย่าง แรงเชียร์พลเอกประวิตรแบบนี้ ยังไงตอนนี้บิ๊กป้อมเต็งหนึ่ง นอนมา จ่อนั่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รอส่งชื่อถึงสำนักงาน กกต.ได้เลย เว้นเสียแต่มีสถานการณ์แทรกซ้อน ทำให้ผิดไปจากนี้ แต่ถึงตอนนี้พบว่ายังไม่เห็นเค้าลางใดๆ
กลเกมชิงอำนาจในพรรคพลังประชารัฐ จริงๆ แล้วเรื่องตำแหน่งต่างๆ ในพรรคพลังประชารัฐเป็นแค่เรื่อง ประกอบทางการเมือง เท่านั้น เพราะเป้าหมาย-จุดประสงค์ที่แท้จริงทางการเมืองของการวางแผน-เดินหมากทางการเมืองทั้งหมดของกลุ่มต่างๆ ในพลังประชารัฐที่ล้มกลุ่มสมคิด มันเป็นเรื่องของการมองไปที่
“การรีเซตจัดสรรอำนาจใหม่ในรัฐบาล-การปรับ ครม.”
แต่จะทำสิ่งนั้นได้ ต้องลดบทบาทกลุ่มสมคิด-อุตตมในพลังประชารัฐเสียก่อน จนเป็นที่มาของการแตกหักของกลุ่มต่างๆ ในพลังประชารัฐกับกลุ่มสมคิด เพื่อไปสู่บันไดต่อไป คือจัดสรรอำนาจในรัฐบาลใหม่ ภายใต้รัฐบาล ประยุทธ์ 2/2 ที่ถึงตอนนี้ถือว่าบันไดขั้นแรกของกลุ่มตรงข้ามสมคิด-อุตตมเรียบร้อยไปแล้ว
แต่ก่อนจะไปถึงสเต็ปถัดไปของการศึกในพรรคพลังประชารัฐพบว่า ช่วงนี้คนในพลังประชารัฐเริ่มคุยกันถึงท่าทีแบบนิ่งๆ ไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ ของ กลุ่มสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่เป็นกัปตันทีม คอยคุมทิศทาง-หางเสือของคนในกลุ่มนี้ ทั้งสายแกนนำพรรค-รัฐมนตรี อย่าง อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค-รมว.คลัง, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค-รมว.พลังงาน, สุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค-รมว.อุดมศึกษาฯ และที่อยู่ในสายกรรมการบริหารพรรค-ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อย่าง วิเชียร ชวลิต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรค-กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ, พรชัย ตระกูลวรานนท์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ-เหรัญญิกพรรค, สันติ กีระนันทน์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ, สุรพร ดนัยตั้งตระกูล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน, ชาญกฤช เดชวิทักษ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง
เพราะในความนิ่งดังกล่าวของสาย สมคิด-อุตตม ยิ่งทำให้สถานการณ์อึมครึม ประเมินทิศทางได้ยากว่า กลุ่มสมคิดจะเอาอย่างไร จะถอนสมอไปทั้งหมดทันที หลังการประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐเสร็จสิ้นลงแบบแตกหักกันไปข้าง หรือจะยอมถูกยึดอำนาจ กลายเป็นผู้แพ้-เบี้ยล่างทางการเมือง แบบหมดทางสู้ โดยยอมถอยเพื่อแลกกับการที่คนในกลุ่มของตัวเองไม่ขาลอย แม้จะต้องลอยแพคนในกลุ่มบางคน เพื่อให้ใครบางคนในกลุ่มเดียวกันได้อยู่รอดในรัฐบาลต่อไป ที่ระยะหลังเริ่มมีกระแสข่าวการต่อรองออกมาเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะเป็นกระแสข่าว การต่อรอง-พูดคุยระหว่างกลุ่มสมคิดกับพลเอกประวิตร ที่จะให้อุตตมเป็น รมว.คลังต่อไป ควบกับไปนั่งเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ แทนพลเอกประวิตร แต่ว่าอีก 2 คนคือ สนธิรัตน์-สุวิทย์ ต้องหลุดจากรัฐมนตรีทั้ง 2 คน แต่ข่าวอีกบางกระแสก็บอกว่า อุตตมจะโยกไปนั่งเป็น รมว.อุดมศึกษาฯ แทนสุวิทย์ พร้อมกับเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคอีกตำแหน่ง หรือแม้แต่กระแสข่าว บางกลุ่มในพลังประชารัฐที่อยู่คนละขั้วกับสายสมคิด เห็นว่าเมื่อแตกหักกันแบบนี้แล้ว ต้องดุดัน-เหยียบให้จมดิน คือทั้ง อุตตม-สนธิรัตน์-สุวิทย์ ต้องหลุดจากแผงอำนาจในรัฐบาลยกทีม ส่วน “สมคิด” จะอยู่แบบไหน อยู่ยังไง ก็อยู่ที่พลเอกประยุทธ์-พลเอกประวิตร จะไปเคลียร์กับสมคิดกันเอาเอง
ทั้งหมดข้างต้นคือสารพัดกระแสข่าวที่แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ตึงเครียดในพลังประชารัฐและในรัฐบาล
วิเคราะห์กันเอาไว้ แม้เสร็จสิ้นการประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐ จนได้ตัว หัวหน้าพรรค-กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แล้ว ยังไงเสียรอยร้าว-ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐไม่มีทางจบ และถ้าเคลียร์กันไม่ได้ ก็อยู่แบบรอวันแตก!!!!!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |