เป็นนักร้องมากความสามารถอีกหนึ่งคนของวงการเพลงลูกทุ่ง สำหรับ เอิร์น-สุรัตน์ติกานต์ พรรคเจริญ ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ถึงเรื่องราวของครอบครัว รวมไปถึงประเด็นที่ "ครูสลา คุณวุฒิ" ออกปากว่าจะปั้นเอิร์นเอง ในวันที่ไม่มีใครทำเพลงให้
เห็นบอกว่าช่วงโควิดทำพิษครอบครัวหนักมากๆ?
เอิร์น : หนักมากค่ะ เพราะว่าในช่วงของโควิดระบาดในเรื่องของการงานของเอิร์นก็ต้องหยุดไปก่อน แล้วช่วงนั้นกำลังจะมีซิงเกิ้ลใหม่ก็ต้องหยุดไปก่อน สามีก็เช่นกัน ช่วงนั้นก็ไม่ได้บินเลย สามีเป็นนักบินค่ะ หนักใจเหมือนกันค่ะ เพราะว่าเหตุการณ์มันค่อนข้างเร็ว แป๊บเดียวทุกอย่างถูกยกเลิกหมด เพราะว่าเวลาเราทำงานเราก็วางแผนเป็นปี
จนมาพลิกตัวเองเป็นแม่ค้า?
เอิร์น : ขายออนไลน์ เพราะว่ามันจะมีเสื้อที่เราชอบใส่ แล้วเวลาใส่คนชอบถามเยอะ ก็เลยลองจังตัวนั้นมาลองขายในเฟซบุ๊กตัวเอง ลองพูดให้แฟนคลับฟัง สุดท้ายเขาก็ขอซื้อ พอขอซื้อเยอะขึ้นเราก็เลยลองขายทางออนไลน์ดู
ขอย้อนกลับไปก่อนเข้าเดอะสตาร์ทราบว่าแม่ป่วย?
เอิร์น : ตอนนั้นแม่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย ตอนนั้นเอิร์นเรียนอยู่ประมาณปี2 คุณแม่ก็เป็นมะเร็ง แล้วรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทุกวันเอิร์นจะต้องไปเฝ้าแม่ พอเราเข้าประกวดปุ๊บมันต้องเก็บตัวในบ้าน ซึ่งไม่มีเวลาได้ไปหาคุณแม่เลยเป็นเดือนๆ เขาก็ต้องใช้ชีวิตคนเดียวไม่มีใครดูแล ตอนนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไง รักษาอยู่เป็นปี ให้ทั้งคีโม ฉายแสง อยู่ 2-3 รอบ รอบละเป็น 10 ครั้ง สุดท้ายก็ดีขึ้น ตรวจก็ไม่พบแล้ว
แต่พอแม่หาย คุณพ่อก็มาป่วยหนักอีก?
เอิร์น : ใช่ค่ะ หลังจากที่ออกจากบ้านเดอะสตาร์ก็ได้ข่าว จริงๆคุณพ่อน่าจะป่วยมาสักพักแล้วแต่เขาก็พยายามเก็บอาการ มาป่วยหนักๆช่วงต้นปี ไปตรวจปุ๊บปรากฎว่าเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย แล้วอีก 6 เดือนก็เสียชีวิต
กว่าจะมาเป็นศิลปิน กว่าจะออกอัลบั้ม โดนดองมาพอสมควร เกือบจะไม่ได้เป็น?
เอิร์น : สมัยนั้นการเป็นนักร้องมันไม่ง่ายเลย พอจบรายการ เดอะสตาร์ ก็มีโอกาสได้เทสเสียงก็ได้เซ็นสัญญากับแกรมมี่ เราก็รู้สึกว่าเดี๋ยวเราใกล้จะได้เป็นนักร้องแล้ว แต่ว่าปีที่ 1-2-3 ก็ยังไม่ได้เป็นสักที ได้เป็นแต่นักร้องฝึกหัด
อดทนมา 3 ปี จนเกือบโดนยกเลิกสัญญา?
เอิร์น : ใช่ค่ะ ตอนนั้นผู้ใหญ่ก็เรียกเข้าไปประชุมว่าผลงานเราจะยังไงดี เขาก็บอกว่าไม่มีใครคิดออกเลยว่าเอิร์นจะร้องแนวไหนบุคลิกแบบนี้ควรจะออกมาเป็นยังไง ซึ่งตอนนั้นไม่มีโปรดิวเซอร์คนไหนรับเราไปทำเลย
แล้วรู้สึกยังไงที่ครูสลา บอกว่าผมจะปั้นคุณเอง?
เอิร์น : เอิร์นยังจำน้ำเสียง ท่าทาง จำวันนั้นได้ดีเลย ครูเป็นคนแรกที่ให้โอกาสเอิร์นได้มีชีวิตจนถึงทุกวันนี้ เป็นคนที่พลิกชีวิต เปลี่ยนชีวิตเอิร์นเลย เพราะว่าวันนั้นมันหมดสิ้นแล้ว ไม่มีใครรับเอิร์นเลย
ที่มันมีแฮชแท็กภูมิแพ้หน้าเปลี่ยน มันเกิดอะไรขึ้น?
เอิร์น : จะบอกว่าพื้นเพหน้าตาเป็นคนไม่สวยอยู่แล้ว แล้วเป็นอีกหนึ่งคำพูดก่อนที่จะทำอัลบั้ม เขาบอกว่าหน้าตาแบบนี้มันจะเป็นนักร้องได้เหรอ ไม่สวย จะเป็นนักร้องได้เหรอ ใครเขาจะทำอัลบั้มให้ เราก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นปมที่มันฝังอยู่ในใจ เราก็เลยแบบถ้าวันหนึ่งฉันมีเงิน ฉันจะทำอะไรสักอย่างให้มันสวย ให้มันดีขึ้น แล้วพอเราเริ่มใกล้ทำอัลบัมแรก ไปทัวร์กับพี่ๆก็เริ่มเก็บตังแล้วเริ่มจัดฟัน แล้วพอมีขึ้นมาอีกนิดก็อยากทำจมูก ก็ไปทำ
แล้ววันนั้นเอิร์นให้สัมภาษณ์นักข่าวว่าเราเป็นภูมิแพ้แล้วมันเป็นประเด็น มีแฮขแท็กติดตัวมาจนทุกวันนี้?
เอิร์น : จริงๆก็เป็นภูมิแพ้ด้วย เป็นค่อนข้างหนักอยู่เหมือนกัน แล้ววันนั้นเพิ่งไปตัดปีกจมูกแล้วอาการภูมิแพ้มันกำเริบ จมูกมันก็เลยบวมผิดปกติ ประจวบเหมาะกับตอนนั้นงานเข้าพอดี พอถ่ายออกไปหนึ่งสื่อ พอหน้ามันเปลี่ยน มีคนพูดถึง มีงานเข้ามาแบบเยอะมาก แล้วคนก็เข้าใจผิดว่าเราศัลยกรรมเป็นพิษ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว อาการภูมิแพ้จะกลับมาเป็นพักๆ
มีข่าวว่าเราท้องก่อนแต่ง?
เอิร์น : จริงๆแล้วไม่ได้ท้องก่อนแต่ง ก่อนจะท้องแต่งมาค่อนข้างนานแล้วนะ แต่คนก็ไม่ค่อยรู้ เพราะตอนแต่งงานก็ไม่ได้บอกใคร ตอนคบก็ไม่ได้บอกใคร แต่จริงๆก็ไม่ได้ปิด คบกันมาตั้งแต่ปี 50
ทีมงานบอกว่าทำกิ๊ฟท์มาแล้ว 7 ครั้ง?
เอิร์น : ก่อนแต่งงานเราก็ไปตรวจสุขภาพทั้งคู่ คุณหมอบอกว่าอายุเยอะกันทั้งคู่ ก็อยากให้เก็บไข่ เก็บเชื้อไว้ก่อน แต่พอถึงเวลาจริงๆ เราก็แต่งงานพยายามจะมีลูกกัน 1 ปี ก็ไม่มี คุณหมอก็สันนิษฐานว่าด้วยอาชีพการงานของเราทั้งคู่ ทานไม่เป็นเวลา นอนไม่เป็นเวลา มันอาจจะส่งผลให้สุขภาพเราไม่พร้อม