ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นภาพอย่างนี้ในวอชิงตัน ดีซี เมืองหลวงสหรัฐอเมริกา!
นี่คืออนุสาวรีย์ Lincoln Memorial และทหารที่มายืนเรียงรายนั้นเป็นหน่วยสำรองของกองทัพที่เรียกว่า National Guard
กระทรวงกลาโหมสหรัฐโดยคำสั่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เตรียมการสั่งหน่วยรบทหารบก (รวมถึงกองพันทหารราบ) ให้เตรียมพร้อม เพราะทรัมป์ต้องการแสดงความเป็น “ผู้นำที่เข้มแข็ง” หรือ Law and Order President ของตัวเอง
การที่ทรัมป์ขู่จะใช้ทหารเล่นบทพระเอกในภาวะความขัดแย้งที่สูงยิ่งกำลังขยายความตึงเครียดทั้งประเทศอย่างน่ากลัว
และเมื่อทรัมป์ขู่จะส่งทหารจากส่วนกลางเข้าระงับเหตุในรัฐต่างๆ โดยที่ผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรีรัฐนั้นๆ ต่อต้านก็จะกลายเป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติที่หนักหน่วงเพิ่มขึ้นอีก
แม้แต่รัฐมนตรีกลาโหม มาร์ก แจสเปอร์ ยังออกมาบอกว่าไม่เห็นความจำเป็นที่จะใช้ทหารประจำการเข้าระงับเหตุแต่อย่างใด
และอดีตรัฐมนตรีกลาโหม เจมส์ แมททิส ออกแถลงการณ์กล่าวหาว่าทรัมป์เป็น “ประธานาธิบดีคนแรกในชีวิตของผมที่มีพฤติกรรมที่ต้องการแบ่งแยกประชาชนแทนที่จะมีความสำนึกในอันที่จะสร้างความสามัคคีในประเทศ”
คนไทยที่วอชิงตัน ดีซี บอกผมว่าบรรยากาศของเมืองน่ากลัวมากขึ้นทุกที
บริเวณรอบๆ ทำเนียบขาวมีผู้ประท้วงที่พยายามจะก่อเหตุประท้วงด้วยความรุนแรง เพราะมีตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัย หรือ Secret Service ที่คอยสกัดและปะทะ
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่โดนัลด์ ทรัมป์ เดินข้ามจากทำเนียบขาวไปทำพิธีที่โบถส์ข้างๆ เพื่อจะได้มีโอกาสถ่ายภาพขณะกำลังถือคัมภีร์ไบเบิลสร้างภาพว่ามีความศรัทธาในศาสนาในยามบ้านเมืองวิกฤติ
ก่อนหน้านั้น รัฐมนตรียุติธรรม William Barr สั่งการให้ตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัย “เคลียร์” พื้นที่บริเวณรอบๆ “จัตุรัส Lafayette” ด้วยกำลัง
ทั้งๆ ที่กลุ่มผู้ประท้วงชุมนุมด้วยความสงบ
ทำให้มีความโกรธแค้นจากประชาชนคนอเมริกันที่กำลังเรียกร้องให้ทรัมป์ออกมากล่าวกับคนทั้งประเทศว่าเขาจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและเหยียดผิวที่ทำให้เกิดวิกฤติซ้อนวิกฤติในประเทศได้อย่างไร
แต่ทรัมป์ไม่ยอมออกทีวีเพื่อกล่าวกับสาธารณชน แต่เลือกที่จะส่งข้อความขึ้นทวิตเตอร์กล่าวหาคนที่ก่อเหตุจลาจลและเรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรีในเมืองต่างๆ ให้ส่ง National Guard เข้า “ปราบปราม” ผู้ประท้วงอย่างเด็ดขาดและฉับพลัน
โดยไม่แยกระหว่างผู้ชุมนุมอย่างสันติออกจากผู้ก่อความรุนแรงที่มีเป็นส่วนน้อยของสถานการณ์เท่านั้น
ทรัมป์มีความขัดแย้งกับผู้นำแต่ละรัฐอย่างชัดเจน เพราะเขาต้องการจะใช้กำลังจัดการการเดินขบวน ขณะที่ผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรีเมืองต่างๆ ต้องการจะหาทางระงับเหตุการณ์ด้วยความสงบผ่านการทำความเข้าใจ
นายกเทศมนตรีวอชิงตัน Muriel Bowser บอกว่าทำเนียบขาวพยายามจะเข้ายึดกุมตำรวจของวอชิงตัน ดีซี เพื่อสั่งการให้ใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วง
แต่เธอขัดขวาง, ไม่ยอมตามแรงกดดัน
ความขัดแย้งของการใช้อำนาจระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐบาลท้องถิ่นในการรับมือกับวิกฤติจึงกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการแก้ปัญหาระดับชาติ
แต่ตกเย็นในวันเดียวกันนั้น ทำเนียบขาวก็สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการจาก Drug Enforcement Administration (DEA) ที่ทำเรื่องปราบปรามยาเสพติด Department of Homeland Security หรือกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ US Park Police หรือตำรวจประจำสวนสาธารณะ
กระจายตัวออกประจำการจุดต่างๆ ของเมืองหลวงเสมือนหนึ่งประเทศตกอยู่ในภาวะกฎอัยการศึก
ที่เห็นชัดที่สุดคือ การส่งหน่วย National Guard ติดอาวุธเต็มอัตราศึกไปยึดจุดสำคัญๆ ของวอชิงตัน
เช่นที่อนุสาวรีย์ลินคอล์นอย่างที่เห็นในรูปนี้
ทรัมป์แสดงอาการเกรี้ยวกราดใส่คนรอบตัว เมื่อมีเสียงวิจารณ์ว่าเขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองได้
วอชิงตันโพสต์อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดทำเนียบขาวรายงานว่า ทรัมป์สั่งการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงมือทำทุกอย่างที่จะทำได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าทำเนียบขาว “สามารถควบคุมถนนของวอชิงตันและบริเวณรอบๆ ทำเนียบขาวทั้งหมด”
ทรัมป์บอกคนเหล่านี้ว่า ถ้าไม่เคลียร์ผู้ประท้วงออกไปไกลจากทำเนียบขาวจะเกิด “ภาพของความอ่อนแอ” ของรัฐบาลในสายตาคนทั้งโลก
สะท้อนอีกครั้งว่าทรัมป์เป็นห่วงเรื่อง “ภาพลักษณ์” ของตัวเองมากกว่าการแก้ปัญหาที่แก่นรากของวิกฤตินี้อย่างจริงจัง
ส.ส.และ ส.ว.ของพรรคเดโมแครตออกมาประณามทรัมป์ว่าใช้วิธีการแบบเผด็จการในการแก้ปัญหาที่ฝังรากในสังคมอเมริกันมาช้านาน
และทรัมป์ซ้ำเติมด้วยวิธีคิดและปฏิบัติแบบ “ข้าฯ มา ข้าฯ เห็น ข้าฯ สั่ง”
แต่ข้าฯ ไม่รับผิดชอบ!
อีก 5 เดือนเลือกตั้งประธานาธิบดี เป็น 5 เดือนที่เราจะเห็นความปั่นป่วนโกลาหลในประเทศมหาอำนาจหมายเลข 1 ของโลกที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนแน่นอน!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |