ฟุ้งดันไทยนิยม สร้างคนถึง4.0 'เนติวิทย์'อุดหู


เพิ่มเพื่อน    

    รักษาความปลอดภัยสุดเข้ม "บิ๊กตู่" แสดงปาฐกถาที่จุฬาฯ ชนิดริ้นไม่ให้ไต่ สุดท้ายเจอเด็ก 3  คนประท้วง นายกฯ ลั่นต้องสร้างคนให้เป็นคนที่สมบูรณ์ ใช้ไทยนิยมให้ไปถึง 4.0 ไม่เช่นนั้นจะใช้ความคิดไปตามโซเชียลมีเดีย บ่นพึมงานเยอะปัญหาเยอะ บางครั้งตื่นมายังจำตัวเองไม่ได้ แต่พอแต่งตัวเพื่อจะทำงานก็นึกได้ว่ายังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ส่วนขาประจำ "เนติวิทย์" ดาราไม่ได้รับเชิญสวมหน้ากากอนามัยจุกโฟมอุดหูไปนั่งฟังด้วย อ้างมีมลพิษทางอากาศและเสียง
    เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 9 เมษายน ที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีกิจกรรม "CU  Calibre:shaping the nation's future" โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนประเทศในระยะเปลี่ยนผ่าน" โดยมีเหล่านิสิตเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก 
    ทั้งนี้ก่อนเริ่มงานบรรดานิสิตที่พักอยู่หอพักของมหาวิทยาลัยได้ทยอยกันมาลงทะเบียนเพื่อร่วมรับฟังปาฐกถา เป็นที่สังเกตว่าทุกคนจะต้องใช้บัตรประจำตัวนิสิตของตัวเองไปแลกคิวอาร์โค้ดกับเจ้าหน้าที่เพื่อสแกนเข้างาน และเมื่อเข้ามายังบริเวณหน้าห้องประชุมก็จะต้องสแกนนิ้วมือเพื่อแสดงตนอีกครั้ง  พร้อมกับแสดงคิวอาร์โค้ดรับคะแนนกิจกรรม ในส่วนของบุคลากร คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยจะต้องติดบัตรสีส้มแยกจากกลุ่มนิสิต พร้อมติดบัตรแสดงตนอย่างชัดเจน
    อย่างไรก็ตาม สำหรับการรักษาความปลอดภัยนั้นต้องผ่านเครื่องสแกนวัตถุระเบิดและวัตถุต้องสงสัย มีการตรวจค้นกระเป๋าอย่างละเอียด ซึ่งเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดของนายกรัฐมนตรีด้วย
    ก่อนปาฐกถานายกฯ ได้วางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า 
    จากนั้นนายกฯ กล่าว ปาฐกถาตอนหนึ่งว่าประชาธิปไตยเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เราใช้ระบบเสรีนิยม ซึ่งในบางตำราการปฏิบัติตัวก็ไม่ได้เขียนไว้ แต่เราต้องคิดด้วยตนเองว่าถึงเวลานี้จะต้องทำอย่างไร  ขอฝากนิสิตนักศึกษาทุกคนว่า ความรู้ในตำราอาจจะใช่หรือไม่ใช่เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลง 
    "สถานการณ์ที่ผมมาจุฬาฯ ในวันนี้ก็ไม่เหมือนเดิม เราจึงต้องเตรียมการในส่วนของตนเอง และวันนี้ไม่ว่าประเทศชาติจะเดินหน้าไปอย่างไร แต่เราก็มีแผนพัฒนาฯ ทุก 5-10-15 ปี ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้ต้องการแผนพัฒนาฯ 10 ปี 20 ปี ซึ่งผมก็ต้องตั้งคำถามว่าแล้วบ้านเมืองจะเดินหน้าไปอย่างไร เพราะสิ่งทั้งหมดไม่สามารถทำได้ด้วยวันเดียว"
    นายกฯ กล่าวว่า ระบบของเราเป็นธรรมชาติต้องแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย  เช่นเดียวกับการที่มีรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ผ่านมาแม้บางอย่างจะดีแต่ไม่ใช่นโยบายของรัฐบาลเขาก็ไม่ทำ ดังนั้นวันนี้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ขอให้ร่วมกันทำงาน ไม่เช่นกันก็จะเกิดๆ ติดๆ ดับๆ อย่างนี้ไปตลอดเวลา ดังนั้นก็ขอให้กลับไปดูสถานการณ์ทางการเมืองว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปถึงไหนอย่างไร
    "ผมไม่ได้มีความสมบูรณ์มาตั้งแต่เด็ก แต่ตั้งความหวังไว้ไม่เคยเปลี่ยนที่จะรับราชการทหาร แต่ไม่มีความตั้งใจที่จะเป็นนายกฯ เป็นทหารเพื่อให้ได้ยศนายพลและเกษียณไป แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ทำให้ผมต้องมายืนตรงนี้ มาพูดให้นิสิตฟัง ดังนั้นขอนักศึกษาตั้งมั่นเพื่อเป็นคนดีและคิดว่าจะทำงานอะไรจะเป็นอะไร" 
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่ตนพูดไม่ได้เป็นการท้าทายหรือพาดพิงใคร เรื่องการทุจริตในส่วนของราชการก็ต้องยอมรับว่าก็มี แต่ก็ต้องแก้กันไป ซึ่งวันนี้กฎหมายมีเยอะแยะไปหมด อยู่ที่ใจคนจะทำตามหรือไม่ โดยกฎหมายมีไว้เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน กฎหมายฉบับใดที่ไม่ทันสมัยก็ต้องแก้ไข ไม่ใช่เอารัฐธรรมนูญมาทะเลาะกัน 
    "แม้จะมีกฎหมายแต่การทุจริตก็ยังมีอยู่ ผมจึงมุ่งเน้นที่จะแก้ไขปัญหาการทุจริตให้ได้ เราต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ฟันฝ่าอุปสรรคอย่างเป็นธรรม"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า เราต้องสร้างคนให้เป็นคนที่สมบูรณ์ จิตใจมีคุณธรรม ครองชีวิตแบบมีหลักคิดที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะใช้ความคิดไปตามโซเชียลมีเดีย วันนี้เราต้องพัฒนาคนของเราไปถึง 4.0  ซึ่งรัฐบาลได้ใช้ไทยนิยมเดินไปทุกหมู่บ้าน โดยการทำงานเชิงนโยบายถือเป็นอีกเรื่องที่จะลงไปสู่การปฏิบัติ 
    "ทุกวันนี้ทำงานเยอะมาก ปัญหาก็เยอะ บางวันก็จำอะไรไม่ได้เลย บางครั้งตื่นมายังจำตัวเองไม่ได้  แต่พอแต่งตัวเพื่อที่จะทำงานก็นึกได้ว่ายังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่"
    เขากล่าวว่า คนไทยต้องอ่านหนังสือให้มากกว่าเดิม ตนเองก็ต้องอ่านหนังสือ เอกสารท่วมโต๊ะกันทั้งนั้น ไม่ได้นั่งสบาย ทุกอย่างต้องตรวจทาน สิ่งที่เราทำวันนี้คือให้ประเทศพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ไปสู่รายได้สูง โดยต้องดูต่างประเทศว่าเขามีการพัฒนาประเทศได้รวดเร็วอย่างไรด้วย ถ้าเราคิดแบบเดิมๆ ก็ไม่ต้องไปไหน ประเทศเราต้องพัฒนาคิด 2 อย่าง คือทั้งแบบตะวันตกและแบบตะวันออก การ จะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ใช่เป็นการทำลายล้าง ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร แต่ทำอย่างไรเราจะไปกับเขาได้
    "ทุกประเทศมองไทยเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น คนมาเที่ยวมากขึ้นเพราะบ้านเมืองสงบ ก็เอาสิก็เลือกเอา เลือกตั้งว่าจะไม่พูด ก็คอยดูกันต่อไปแล้วกัน อาจดีก็ได้ แต่อย่ามาโทษผมอีกก็แล้วกัน ต้องไปดูยุทธศาสตร์ 20 ปี มาบอกว่าผมจะสืบทอดอำนาจ จะอยู่ไปทำไม 20 ปี แค่นี้อายุก็ 60 กว่า แก่จะตายอยู่แล้ว พักผ่อนบ้างสิ อย่าไปมองอย่างนั้น เพราะมันมีปรับได้ทุกคนขึ้นมาทำ แต่แค่นี้ก็เถียงกันแล้ว ไม่ยอมกัน กลายเป็นว่ามาบอกสืบทอดอำนาจ อย่างการปฏิรูปบางอย่างต้องทำใหม่เลย บางอย่างต้องแก้ปัญหาเดิมด้วยวิธีการใหม่ๆ นั่นคือการปฏิรูปที่ไม่ใช่เข้าห้องนำออกมาแล้วเสร็จเลย ต้องทำมากกว่านี้ ฟังความคิดทุกอัน อันไหนทำได้ทำเลย อันขัดแย้งไว้ข้างๆ ก่อน อะไรจำเป็นออกมาก่อนเพื่อปฏิรูปประเทศ ถ้ารอทำทีเดียวไม่มีทางได้ เพราะไทยขัดแย้งกันสูง เราต้องมีภูมิต้านทานที่ดีด้วย"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องไม่สอนให้อยากมีอยากได้ แล้วทำอะไรที่มันขัดแย้ง ล้มล้างระเบียบต่างๆ ไม่ได้ ประเทศใดที่ไร้กฎหมาย ระเบียบ วินัย มันอยู่ไม่ได้ เพราะวินัยสร้างชาติ สร้างคน เปลี่ยนผ่านให้ได้ ทุกคนต้องเข้าร่วม ไม่ใช่เรียกร้องอย่างเดียว ไม่ใช่ประท้วงขอเท่านี้เท่านั้นโดยไม่สนใจกฎหมายว่าอย่างไร 
    ทั้งนี้ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ ที่เคลื่อนไหวทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ได้มาร่วมรับฟังการปาฐกถาในครั้งนี้ด้วย โดยใส่หน้ากากอนามัยกรองอากาศและจุกโฟมอุดหู  ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แยกให้นั่งอยู่บริเวณชั้นลอยของหอประชุม ขณะที่เฟซบุ๊กสายตรงไทยนิยมได้ถ่ายทอดสดการปาฐกถาครั้งนี้ มีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมรับฟังและแสดงความเห็นอย่างหลากหลาย ทั้งนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด และนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว
    นายเนติวิทย์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า สาเหตุที่ตนใส่หน้ากากอนามัยกรองอากาศและจุกโฟมอุดหูในวันนี้ เพราะเห็นว่าสถานที่นี้มีมลพิษทางอากาศและทางเสียง ส่วนปลอกแขนดำก็เป็นการไว้ทุกข์ให้ผู้บริหารจุฬาฯ ที่เชิญคนเหล่านี้มาพูด ทั้งที่ยังไม่มีความโปร่งใสเรื่องคอร์รัปชัน ตนถือว่าเป็นการกระทำที่ทำลายเกียรติของมหาวิทยาลัย และจากการฟัง พล.อ.ประยุทธ์บรรยาย ไม่ได้ต่างอะไรจากที่เคยพูดมา  เพียงแค่การพูดตลกไม่มีสาระอะไร ไม่บอกเลยว่าตอนนี้คนยากจนเดือดร้อนขนาดไหน ตนจะไปยื่นหนังสือต่อผู้บริหารจุฬาฯ เพื่อเสนอให้มอบรางวัลดุษฎีบัณฑิต 8 คณะให้ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเห็นว่าถ้าจะเชียร์เผด็จการก็ต้องทำให้เต็มที่ 
    ทั้งนี้นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า พูดทั้งวันเหนื่อย วันนี้เจอคนหลายกลุ่มหลายระดับ แต่เจอประท้วงอยู่คนเดียวใส่หูฟัง ไม่อยากฟังก็อย่าฟัง แต่อย่าบ่นแล้วกันในวันหน้า 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์ ได้มีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3 คน ถือกระดาษที่มีข้อความระบุว่า "ชาวจุฬารักลุงตู่ (เผด็จการ)" ซึ่งมีการขีดกากบาททับคำว่าลุงตู่ เพื่อมาแสดงให้นายกฯ เห็น โดยขณะนั้นเจ้าหน้าที่และทีมรักษาความปลอดภัยพยายามกันออกไปในทันที  และดึงกระดาษจากมือจนขาด ขณะเดียวกันนายกฯ ได้ตะโกนบอกไปว่า "ปล่อยเขาเถอะ อย่าไปทำร้ายอะไรเขา ปล่อยเขาๆ ถ้าเขาไม่เข้าใจก็ปล่อยเขาไปนะ ปล่อยไปเถอะ คนเก่ง เยี่ยม เก่งมาก เวลาประเทศเสียหายก็ออกมาด้วยนะ" พร้อมทั้งชูนิ้วโป้งให้ก่อนเดินขึ้นรถทันที.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"