“ประยุทธ์” ขอบคุณ “สมคิด” ที่ประกาศหนุน เผยยังไม่ตัดสินใจอะไรทั้งนั้นในวันนี้ “สนธิรัตน์” รับพูดคุยเรื่องหนุน “ลุงตู่” มานานแล้วเพราะไม่อยากให้ติดล็อก แต่ยังไม่ตกผลึกผุดพรรคหรือไม่ “นายกฯ” ย้ำพบพรรคการเมืองก่อนเลือกตั้งแน่ วิษณุไม่ง้อหากเพื่อไทยเบี้ยว ชี้รัฐบาลลงพื้นที่ไม่ใช่หาเสียง แต่เป็นเรื่องปกติที่จะมองว่าได้เปรียบ ศาลรัฐธรรมนูญเผยรับรู้ที่ให้เร่งตีความ
เมื่อวันจันทร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงความคิดเห็นครั้งแรกถึงกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกสมัยว่า “ก็ขอบคุณ แต่ผมยังไม่รู้ว่าจะรับหรือเปล่า ต้องพิจารณาไปด้วยกัน โอเคนะ”
ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในพิธีเปิดโครงการสานพลังประชารัฐ-การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อว่า “วันนี้หลายคนมาถามผมว่ารัฐบาลจะอยู่อย่างไร นายกฯ ตู่จะไปไหน จะไปสมัครพรรคการเมืองอะไร ผมยังไม่ติดต่อไปสักอันหนึ่งเลย ใครเชิญมาผมยังไม่รู้จะรับหรือเปล่า แล้วถ้ารับไปแล้วไม่มีใครเลือกสักคน แล้วจะทำอย่างไร ดังนั้นถ้าจะรับก็ต้องเลือกทั้งหมด มันจะได้เกิดการเปลี่ยนแปลง ผมยังไม่รู้เหมือนกันยังไม่ตัดสินใจอะไรทั้งสิ้น วันนี้ขอมาดูแลชาวบ้านก่อน ผมไม่ต้องการการเมืองอะไรทั้งสิ้น ใครจะพูดอะไรก็พูดไป วันนี้ขอให้เข้าใจผมด้วย”
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกล่าวประเด็นนี้ว่า แล้วตั้งพรรคการเมืองหรือเปล่าล่ะ เรายังไม่ได้ตั้งพรรคอะไรเลย ใครเป็นคนตั้ง แล้วเชื่อว่าไม่มีการตั้งพรรคการเมืองในทำเนียบรัฐบาล และอดีต ส.ส.ที่มาพบนายสมคิดก็มาแค่วันเดียว และมีอยู่แค่คนสองคน มาพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แล้วจะมาเชื่อมโยงกับพรรคการเมือง
เมื่อถาม พล.อ.ประยุทธ์จะลงเล่นการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าตอบแทน พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ ต้องไปถามท่านเอง แต่ตนเองยืนยันว่าจะไม่เล่นการเมือง ส่วนที่ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์มีคุณสมบัติเป็นนายกฯ ต่อหรือไม่นั้นก็ไม่มอง แต่คิดว่าสมควรเป็นนายกฯ ในตอนนี้อยู่แล้ว
ถามย้ำว่าที่บอกว่าเหมาะสมเป็นนายกฯ ตอนนี้ จะเหมาะสมในอนาคตหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าให้ไปดูโพล
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองว่า มาจากนายสมคิดที่ออกมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องนี้เป็นกระแสเมื่อการเมืองเริ่มเคลื่อนไหว ซึ่งนายสมคิดและตนเอง รวมทั้งทุกคนที่ทำงานฝ่ายบริหารได้มองไปที่อนาคตว่าจะส่งมอบประเทศไปสู่การเลือกตั้งอย่างไร เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า โดยการพูดคุยทุกครั้งก็เป็นห่วงอนาคตว่า ถ้าการเมืองยังเป็นในรูปแบบเดิมจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศอีก สิ่งที่นายสมคิดพูดคือนายกฯ เป็นผู้ที่เหมาะสมนำพาประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่ก็มีกระแสข่าวตั้งพรรคการเมือง โดยมีชื่อ รมว.อุตสาหกรรมเป็นหัวหน้าพรรค และตนเองเป็นเลขาธิการพรรค ต้องบอกว่ากระแสการเมืองมีอยู่ตลอดเวลา
รับคุยหนุนบิ๊กตู่นานแล้ว
“ยอมรับว่ามีการพูดคุยกับนักการเมืองมาโดยตลอด ไม่ใช่เพิ่งมาคุยตอนนี้ เพราะการคุยกับนักการเมืองก็จะได้รู้เรื่องปัญหาของชาวบ้านผ่านนักการเมืองในพื้นที่ เพราะรัฐบาลนี้ไม่ได้มี ส.ส. ที่ผ่านมาไม่ได้มีข่าวอะไร เราก็พูดคุยกับนักการเมืองทุกพรรคเป็นปกติอยู่แล้ว แต่เมื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้งก็กลายเป็นประเด็นว่าจะตั้งพรรคการเมือง” นายสนธิรัตน์กล่าว
นายสนธิรัตน์ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการตั้งพรรค แต่ก็มีชื่อเข้าไปเกี่ยวพัน ขณะนี้ก็มีการตั้งพรรคใหม่ถึง 90 พรรค ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และอยู่ในระหว่างพูดคุยว่าประเทศจะต้องไปทางไหน และมองว่าใครเป็นผู้ที่เหมาะสมที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกฯ และนำพาประเทศต่อไป โดยกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ก็มาแรง ทั้งโพลก็ต้องการให้เป็นนายกฯ เป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งนายสมคิดบอกว่าหากนายกฯ สนใจ หรือประชาชนเรียกร้องในการที่จะให้นั่งในตำแหน่งนายกฯ ต่อไป ซึ่งนายสมคิดและตนเองก็พร้อมสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ต่อเพราะเป็นคนที่เหมาะสม
“พวกผมยังไม่มีการตั้งพรรค แต่มีการพูดคุยหารือกันในเส้นทางข้างหน้า ที่รัฐบาลชุดนี้จะส่งมอบงานต่อ ซึ่งต้องเดินตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ในฐานะที่เป็นคนทำงานก็อยากให้การส่งผ่านเดินไปข้างหน้าอย่างราบรื่น การหารือกันนั้นก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ต้องการทำอย่างไรไม่ให้ประเทศชาติติดล็อกขั้นตอนมีแค่นี้เอง ขณะนี้ยังไม่มีผลสรุปและยังเร็วเกินไปที่จะตอบ” นายสนธิรัตน์กล่าว
ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองวิพากษ์วิจารณ์การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์เป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองว่า เป็นการลงไปในฐานะรัฐบาลเพื่อทำงาน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งวันนี้ไม่ว่าพรรคการเมืองใดที่ต้องการลงพื้นที่ย่อมสามารถทำได้ ถ้าไม่ใช่ลงไปทำกิจกรรมทางการเมือง
“คนเป็นรัฐบาลมันมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบคนอื่นบ้างเป็นธรรมดา เหมือนกับรัฐบาลก่อนๆ ประมาณ 2 เดือนก่อนยุบสภาก็ลงพื้นที่หาเสียง เนื่องจากพรรคอื่นเขาไม่รู้มาก่อนว่ารัฐบาลจะยุบสภา เพราะมันเป็นเรื่องของรัฐบาล เป็นแบบนี้เยอะแยะไปทั่วโลก ถ้าจะกล่าวหาว่าเป็นการได้เปรียบมันก็ได้เปรียบอยู่แล้ว รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยมีอำนาจหน้าที่ตรงนี้อยู่ ส่วนที่มีข่าวว่าคนในรัฐบาลจะตั้งพรรคการเมืองนั้น ผมไม่ทราบ” นายวิษณุกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่เดินสายพบประชาชนที่ จ.ตรัง เพื่อรับฟังปัญหาเข้าข่ายเป็นกิจกรรมทางการเมืองหรือไม่นั้น นายวิษณุกล่าวว่าที่ผ่านมามีการเดินสายลงไปบรรยาย ปราศรัย พบปะกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไร เราไม่บอกว่าผิดหรือไม่ เพราะเจ้าตัวจะรู้เอง และถ้าล้ำเส้นเกินไปเจ้าหน้าที่จะเข้าไปเตือน ส่วนกิจกรรมที่นายธนาธรทำอยู่นั้น รวมถึงการรับฟังความเห็นสามารถทำได้ เพราะหลายคนทำอยู่ รัฐบาลรับทราบเป็นประจำ
ลั่นคุยก่อนเลือกตั้งแน่
สำหรับกรณีการนัดพรรคการเมืองมาหารือเพื่อกำหนดการเลือกตั้ง ซึ่งอาจเร็วกว่าเดือน มิ.ย.นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่ายังไม่ได้คิดตรงนั้น อย่าไปสนใจอะไรเขามาก จะพบเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เมื่อพร้อมจะพบเร็วพบช้าก็พบกันอยู่ดี ยังไงก็พบก่อนวันเลือกตั้งอยู่แล้ว
นายวิษณุกล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) จะไม่มาร่วมพูดคุยว่าไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน เชื่อว่าแม้พรรคใหญ่ไม่ได้เข้าร่วม จะไม่มีปัญหาอะไร และถ้ามีพรรคการเมืองมาร่วมพูดคุยน้อยก็ไม่จำเป็นต้องจัดก็ได้ และวันนี้สามารถพบกันได้แม้จะก่อนเดือน มิ.ย.ก็ตาม ทุกอย่างอะลุ่มอล่วย ไม่มีอะไรบังคับตายตัว
“เจตนาการพบกันเดือน มิ.ย.คือพูดถึงโรดแมปต่อไป เมื่อกฎหมายได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น ครม., คสช., กรธ., สนช., กกต.และพรรคการเมืองด้วยก็ได้ มาหารือว่าจะปลดล็อกเมื่อใด และกำหนดการเลือกตั้งได้เมื่อใด โดยรัฐบาลจะออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง แล้วให้ กกต.เป็นผู้กำหนดวัน ซึ่ง กกต.ต้องดูความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” นายวิษณุกล่าว
ด้าน พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 เรื่องการดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า ผู้ตรวจฯ ได้ทำคำร้องครบถ้วนและชี้แจงเหตุผลอย่างละเอียด คาดว่าศาลจะเร่งพิจารณาว่าจะรับคำร้องของผู้ตรวจฯ ไว้วินิจฉัยหรือไม่
นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ส.ส.และ ส.ว.ว่า เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลได้รับไว้พิจารณา และอยู่ระหว่างรับความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ศาลนัดพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับไว้ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ รวมทั้งคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีคำสั่งที่ 53/2560
ศาลรู้เรื่องเร่งด่วน
“ศาลทำหน้าที่ตามกรอบของรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรมอย่างดีที่สุดเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง ส่วนเรื่องเวลาขึ้นอยู่กับส่วนที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่โดยหลักแล้วศาลให้ความสำคัญกับกฎหมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารและการปกครองอยู่แล้ว” นายเชาวนะกล่าวตอบข้อถามที่ว่า ทุกฝ่ายอยากให้ศาลพิจารณาโดยเร็ว
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายธนาธรและนายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ขอจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่เข้ายื่นหนังสือขออนุญาต คสช.เพื่อจัดประชุม และทวงถามความคืบหน้าในการตอบรับการยื่นจดจัดตั้ง เนื่องจากใกล้ครบเวลา 30 วัน ในวันที่ 15 เม.ย.แล้ว โดยนายปิยบุตรกล่าวว่าพรรคได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องไปยัง คสช. 3 ข้อ คือ 1.อยากให้ คสช.ยกเลิกข้อ 4 และข้อ 8 ของคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 และอนุญาตให้พรรคจัดประชุมในวันที่ 27 พ.ค.ตามที่ร้องขอ 2.ให้ คสช.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคเคลื่อนไหวทางการเมือง และ 3.คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน และให้ยกเลิกการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในทันที
"หวังว่า คสช.ในฐานะผู้มีอำนาจจะไม่มีการเลือกปฏิบัติระหว่างพรรคการเมืองที่ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ กับพรรคที่ไม่ได้ประกาศสนับสนุน ซึ่งพรรคยังคงยืนยันจะไม่สนับสนุนคนนอกเป็นนายกฯ"
ด้านนายธนาธรกล่าวว่า หลังยื่นขอจัดตั้งพรรคก็มีผู้สนับสนุนขอให้ไปรับฟังปัญหา จึงมีการลงพื้นที่เช่นที่ จ.ตรังและพื้นที่ในภาคใต้ ก็ได้รับการตอบรับที่ดี แต่ก็มีปัญหาในเรื่องที่ไม่สามารถพูดกับประชาชนได้มากเกี่ยวกับเรื่องของนโยบาย และขณะนี้มีความต้องการแลกเปลี่ยนที่เป็นประชาธิปไตย ไม่สามารถปิดกั้นได้แล้ว คสช.ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดความขัดแย้ง
“สิ่งที่เป็นปัญหาคือเราไม่รู้ว่าเส้นแบบอยู่ตรงไหน เวลาที่ คสช.บอกว่าอย่าล้ำเส้นในทางกฎหมาย ก็ไม่ได้เขียนชัดเจนว่าอะไรทำได้ไม่ได้ จึงไม่รู้จะวางตัวอย่างไรที่จะเหมาะสม แต่เห็นว่าสิทธิเสรีภาพในการแสดงและชุมนุมของประชาชนเป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ ดังนั้นจึงขอให้ปล่อยให้เราได้ทำกิจกรรมทางการเมือง ให้ดอกไม้ได้บาน ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้ากว่า ก.พ.62 เราพร้อมหมด ขอให้มีการเลือกตั้งก็แล้วกัน” นายธนาธรกล่าว
นายธนาธรยังกล่าวว่า หากหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ พรรคก็พร้อมเป็นฝ่ายค้านอย่างแน่นอน เพราะเรายืนหยัดอย่างชัดเจนว่าประชาชนควรได้รับสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ดังนั้นขอพูดให้ชัดเจนไว้ว่า หากพรรคได้รับการอนุมัติให้ก่อตั้งเป็นพรรคการเมือง เราจะไม่สนับสนุนนายกฯ คนนอกและไม่ร่วมรัฐบาลกับรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากระบอบ คสช.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |