4 มิ.ย.63 - พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก สั่งการให้ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานกรมพระธรรมนูญทหารบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่ากรณี ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือ หมู่อาร์ม สังกัดศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก ร้องเรียนถูกข่มขู่ จนต้องหนีราชการและอาจถูกปลดออกจากราชการ หลังร้องเรียนเรื่องทุจริตภายในหน่วยใน 5 ประเด็น โดยยืนยันว่า กองทัพบกมีนโยบายและให้ความสำคัญกับการให้ความเป็นธรรมต่อกำลังพลในทุกเรื่องทุกปัญหาเดือดร้อน โดยผ่านกลไกตามสายการบังคับบัญชา กฎระเบียบ และกฎหมาย กรณีดังกล่าวมีบางเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงและบางเหตุการณ์ถูกนำไปเชื่อมโยง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ประเด็นแรก ส.อ.ณรงค์ชัย ได้ใช้ช่องทางผ่านสายตรง ผบ.ทบ.ร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องการถูกลงโทษโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม มิได้ใช้ระบบการร้องเรียนตามสายการบังคับบัญชา โดยมีลำดับเหตุการณ์ ดังนี้ในช่วงเดือน ก.ย.62 เกิดกรณีพิพาทระหว่างผู้ร้องกับผู้บังคับบัญชา - ต.ค.62 หน่วยต้นสังกัดตั้งกรรมการสอบ ผลสอบระบุกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร พิจารณาโทษจำขัง ระหว่าง 18 – 24 มี.ค.63
12 มี.ค. 63 ส.อ.ณรงค์ชัย ร้องเรียนผ่านสายตรง ผบ.ทบ.เรื่องการถูกลงโทษโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอให้ระงับการสั่งขัง จากกรณีการผิดวินัยเมื่อ ก.ย.62
13 มี.ค. 63 ส.อ.ณรงค์ชัย โทรมาสายตรง ผบ.ทบ.ขอยกเลิกการร้องเรียนเมื่อ 12 มี.ค.63 (เนื่องจากศูนย์รับเรื่องร้องเรียนมีการประสานงานให้เจ้าตัวเห็นถึงความจริงใจของ ทบ. ที่เรื่องร้องเรียนได้รับการช่วยเหลือ ทบ. ได้มีการตรวจสอบและให้หน่วยพิจารณาทบทวน ซึ่งต้นสังกัดยังคงผลการลงโทษตามเดิม เนื่องจากเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.วินัยทหาร )
18 มี.ค.63 หนีราชการ 19 มี.ค.63 ร้องเรียนผ่านสายตรง ผบ.ทบ. เรื่องการถูกลงโทษโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม 14 เม.ย.63 ร้องเรียนผ่านสายตรง ผบ.ทบ. เรื่องการถูกลงโทษโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม และเข้าร้องต่อคณะกรรมธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตสภาผู้แทนฯ 27 เม.ย.63 ร้องเรียนต่อ กมธ.
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ประเด็นที่สอง กองทัพบกดำเนินการตรวจสอบโดยทันทีเรื่องการทุจริตในศูนย์ซ่อมสร้างฯโดยตั้งคณะกรรมการ เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่า มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง ผบ.ทบ.จึงมีคำสั่งให้ดำเนินการต่อไป โดยส่งเรื่องต่อไปให้ ป.ป.ช. พิจารณา ซึ่งหาก ป.ป.ช. รับเรื่องไว้ไต่สวนและคดีมีมูล ในส่วนการวินิจฉัยจะมีผลทั้งทางคดีอาญาและทางวินัยต่อข้าราชการที่กระทำผิดต่อไป ทั้งนี้ยืนยันกองทัพบกไม่มีการปกป้องผู้ที่กระทำผิดต่อหน่วยงาน เพราะกองทัพบกก็ได้รับความเสียหายจากการทุจริตเช่นกัน
ขณะที่ พล.ต.บุรินทร์ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเบิกเงินเบี้ยเลี้ยงเดินทาง การจัดอบรมยาเสพติดแต่ไม่ได้ดำเนินการจริงตามโครงการ ส่วนเม็ดเงินที่หายไปจะไปอยู่ที่ใครนั้น เป็นเรื่องรายละเอียดในสำนวนที่ส่งไปยัง ป.ป.ช. มีความเกี่ยวพันกับนายทหารชั้นยศนายพล 3 คน และมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมด้วย โดยแบ่งเป็นการเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทาง 4 ครั้ง รวมวงเงินกว่า 1 แสนบาท และโครงการอบรมยาเสพติด 2 ครั้ง รวมกว่า 1 แสนบาท โดยข้อมูลที่ ส.อ.ณรงค์ นำมาร้องเป็นเอกสารที่นำมาจากหน่วย ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้นำมาตรวจสอบและเข้าไปหาพยานหลักฐาน สอบรายละเอียดเป๊ะทุกหน้า พร้อมทั้งเชิญ ส.อ.ณรงค์ชัย มาสอบสวนเพิ่มเติมด้วย สำหรับบทลงโทษหากผลการพิจารณาของ ป.ป.ช.พบว่าผิดจริงนั้น ต้องอยู่ที่ ป.ป.ช.พิจารณา ซึ่งถ้าเป็นจริงก็เป็นคดีอาญา และก็จะมีความผิดทางวินัยด้วย
"เหตุเริ่มต้นที่เขาร้องเรื่องทุจริตคือ เรื่องตั้งแต่ปี 2560 เกี่ยวกับเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ส่วนโครงการอบรมยาเสพติดเกิดขึ้นถัดจากนั้น โดยตั้งแต่ต้นมีกรมจเรทหารบก และสำนักตรวจภายใน หรือ สตน. เข้าไปตรวจสอบตลอด ส.อ.เอกณรงชัยก็พบกับหน่วยงานตรวจสอบ แต่ไม่ปรากฏเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เขาเองก็เป็นเจ้าหน้าที่งบประมาณก็ต้องเจอกับหน่วยงานกลางเหล่านั้น ถ้าเขาจะร้องเรียนก็ทำได้เลยในตอนนั้น แต่เขาก็มาร้องตอนนี้ ไม่ได้ให้ตอนนั้น และตัวเขาเองก็เซ็นเอกสารในการเบิกเบี้ยเลี้ยงด้วย ที่เขาให้ข้อมูลกับสื่อว่าโดนบังคับ แต่ระหว่างที่กรมจเรทหารบก และ สตน.เขาก็สามารถร้องได้ตลอดตั้งแต่ปี 2560 ด้วย"พล.ต.บุรินทร์ กล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า ประเด็นที่สาม ส.อ.ณรงค์ชัย ถูกดำเนินคดีเพราะขาดราชการ มิใช่จากการร้องเรียน สืบเนื่องจาก ส.อ.ณรงค์ชัยมีข้อพิพาทกับผู้บังคับบัญชาเรื่องความประพฤติและกระทำผิดวินัยโดยไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย ใช้กิริยาวาจาไม่สมควรต่อผู้บังคับบัญชา ตาม พ.ร.บ.วินัยทหาร มาตรา 2(5),2(7) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือน ก.ย.62 โดยทางหน่วยต้นสังกัดได้มีการดำเนินการตามระเบียบ ด้วยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและมีมติพิจารณาโทษกำหนดจำขัง 7 วัน ตั้งแต่ 18-24 มี.ค. 63 แต่มีการหลบเลี่ยง นำไปสู่การหนีราชการ ตั้งแต่18 มี.ค.63 จนถึงปัจจุบัน
การหนีราชการเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วินัยทหาร ที่ทหารทุกคนจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หน่วยต้นสังกัดจึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนและดำเนินคดีในความผิดฐานหนีราชการทั้งในด้านวินัยและอาญา แต่ในกระบวนการทางคดีอาญา ศาลทหารเป็นผู้พิจารณาต่อไป ดังนั้นจากข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงชี้ให้เห็นได้ว่า ส.อ.ณรงค์ชัย ได้ถูกดำเนินคดีจากฐานความผิดเรื่องหนีราชการ มิใช่จากการที่ไปร้องเรียนการทุจริตในหน่วยงาน (พ.ร.บ.วินัยทหาร เป็นกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของกองทัพและของประเทศชาติ เป็นหลักกฎหมายสากลที่ใช้กับกองทัพทั่วโลก เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ)
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า จุดเริ่มต้นเป็นการลงเวลาทำงาน ทางผู้บังคับบัญชาอยากให้ลงเวลาให้ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งทางทหารมีความสำคัญ การโกหกนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย ทุกอย่างถือเป็นความผิด ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากหน่วย พอเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาจนกระทั่งไปสู่การใช้วาจาและอารมณ์ต่อกัน ในแง่มุมของทหารนั้น ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชามีความสำคัญมาก เพราะเราเป็นสังคมที่ถืออาวุธ ซึ่งในหลักสากลถือว่ามีความสำคัญ เมื่อเดือนกันยายนเป็นเรื่องความขัดแย้งล้วนๆ พอเดือนมี.ค.จึงมีประเด็นเรื่องทุจริตออกมา เมื่อหน่วยเริ่มพิจารณาโทษจากเรื่องที่เกิดขึ้นเดิม
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ประเด็นที่สี่ ส.อ.ณรงค์ชัย ผู้ร้องอ้างว่าถูกข่มขู่ หากมีหลักฐานองค์ประกอบหรือถูกกระทำก็สามารถแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายบ้านเมืองปกติได้ น่าจะเหมาสมที่สุด ในส่วนของกองทัพบกพร้อมให้ความร่วมมือในทางคดีตามความเป็นจริง ทั้งนี้ เรื่องการข่มขู่คุกคามจะเอาชีวิตนั้น เป็นเรื่องคดีอาญาทั่วไป ซึ่ง ส.อ.ณรงค์ชัยควรจะใช้กระบวนการทางกฎหมาย โดยไปแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน ซึ่ง ทบ.พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนในทางคดีตามความเป็นจริง
รวมถึงหากพนักงานสอบสวนร้องขอให้มีการคุ้มครองพยานตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนกรณีคลิป ฝ่ายสำนักงานพระธรรมนูญกองทัพบกได้พิจารณาแล้ว เป็นการอบรมและขอขมากัน ในประเด็นผิดวินัยระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย เมื่อ ก.ย.62 และ ในบทสนทนาไม่ใช่เรื่องคดีเรื่องการทุจริตแต่อย่างใดรวมถึงไม่มีลักษณะการขู่อาฆาตแต่อย่างใด
ส่วน ประเด็นที่ห้า ผบ.ทบ. ไม่ได้มีการสั่งการให้มีการดำเนินคดีต่อ ส.อ.ณรงค์ชัย แต่เป็นการดำเนินการตามสายการบังคับบัญชาของหน่วยต้นสังกัด ส่วนที่บางบุคคลเข้าใจว่า ผบ.ทบ. ทราบเรื่องข่าวการทุจริตแล้วยังสั่งให้มีการดำเนินคดีกับ ส.อ.ณรงค์ชัย ฐานหนีราชการ ทั้งที่ ส.อ.ณรงค์ชัยเป็นคนนำเรื่องมาเปิดเผยให้กองทัพบกนั้น ความเข้าใจดังกล่าวอาจอยู่บนพื้นฐานของการมีข้อมูลไม่ครบถ้วน ในข้อเท็จจริง ผบ.ทบ.ไม่ได้มีการสั่งการเกี่ยวกับการดำเนินคดีต่อกำลังพลดังกล่าว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการดำเนินการตามสายการบังคับบัญชาของหน่วยต้นสังกัด
ทั้งนี้การให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการยังคงเป็นเรื่องที่ดีทั้งต่อกองทัพบกและสังคมไทย เหมือนกับกำลังพลอีกจำนวนหลายร้อยคน เช่น ผู้ที่ให้ข้อมูลมายัง ผบ.ทบ. ผ่านสายตรง ผบ.ทบ. หรือให้ข้อมูลมายังหน่วยงานที่มีหน้าที่ของ ทบ. เพื่อให้ ทบ. ดำเนินการแก้ไขให้ทุกเรื่องราวเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |