ขงเบ้งเสื้อแดง มองทะลุพรรคพปชร. จับตาโรคห่าลงเพื่อไทย


เพิ่มเพื่อน    

แฟ้มภาพ

3 มิ.ย.63 - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวในรายการ ‘หัวใจไม่หยุด‘เต้น’’ เผยแพร่ทางแฟนเพจ ‘นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ และยูทูบ 'นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ Official' เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 63 ว่าเรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เกี่ยวกับการปฏิรูปการเมือง การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ การแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ โควิดไม่เกี่ยวทั้งนั้นล่ะครับเป็นกรณีโคถึก ไล่ขวิดโคนมโดยเฉพาะโคถึกก็หมายถึงกลุ่มคนที่คั่วตำแหน่งรัฐมนตรี อยากมีเก้าอี้กับเค้าบ้าง ส่วนโคนมก็คือ ทีมเศรษฐกิจ 4 กุมาร ที่เค้าเอามาใช้งานรีดนมจนหมดแล้วหรือต้องการเปลี่ยนรสชาตินม เขาก็เททิ้ง

ที่จริงเหตุการณ์จะไม่เดินมาถึงตรงนี้ถ้าคุณอุตตม คุณสนธิรัตน์และพวก ตัดสินใจลาออกทันทีที่ผู้มีบารมีตัวจริงในพรรคส่งเสียงกระซิบ แต่เมื่อปักหลักสู้ มีการก่อหวอดรวมพลส.ส.ตบเท้าแสดงพลัง

ก็เลยมีคำสั่งให้กรรมการบริหารพรรคลาออก ตบหน้ากันกลางสายตาประชาชน ศึกนี้ถ้าเป็นมวย ชกกันไม่ได้ครับ น้ำหนักห่างไกลกันหลายสิบปอนด์

ทางฝ่ายคุณอุตตม คุณสนธิรัตน์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงอยากฟังเสียงส.ส.

จะรอฟังให้ช้ำเพิ่มทำไมครับ ก็มันชัดอยู่แล้วว่าฝ่ายที่เททิ้ง เค้ากุมสภาพเบ็ดเสร็จ กรรมการบริหารที่พร้อมยื่นใบลาออกมีมากกว่า 18 คน แต่ที่โชว์มาแค่ 18 ก็เพื่อให้เกินครึ่ง ตามข้อบังคับพรรคเท่านั้น

ชื่อ 2-3 คนที่ไม่ปรากฏในใบลาออก ล้วนแล้วแต่เป็นตัวเป้าที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี

ถ้าผมเป็น 4 กุมารวันนี้ คิดอย่างเดียวคือต้อง 4x100 ครับ วิ่งผลัดออกจากพรรคโดยทันที รอนานจะช้ำหนัก ยึกยักจะเละกว่านี้

แต่สำหรับประชาชนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลยแม้แต่น้อยนะครับ

เค้าจะพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงกันอย่างไร ไม่ได้เกิดจากพื้นฐานผลประโยชน์ของประชาชน

เป็นโจทย์ทางการเมืองเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีของหลายคนเท่านั้น

ฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนกรรมการบริหารก็อยากเข้ามาเป็นรัฐมนตรีบ้าง ฝ่ายที่นั่งเป็นกรรมการบริหารที่ไม่ยอมลาออกเพราะกลัวจะกระทบกับตำแหน่งรัฐมนตรี

4 กุมารมีเก้าอี้นั่งในครม. ก็เพราะทำหน้าที่กรรมการบริหารพรรค ถ้าหลุดจากกรรมการบริหาร ก็จะเป็นอันตรายต่อเก้าอี้รัฐมนตรี เรื่องมันมีอยู่เท่านี้

ดังนั้น สถานการณ์จึงยังไม่จบนะครับ จนกว่าจะไปสู่การปรับครม. แม้นายกรัฐมนตรีจะบอกว่า ยังไม่คิด ยังไม่ใช่เวลานี้ แต่เชื่อขนมกินได้ครับว่า การปรับครม. จะเกิดขึ้นในไม่ช้า

ดูท่าทีจากการให้สัมภาษณ์ของฝ่าย 4 กุมาร ยังคาดหวังนายรัฐมนตรีจะตัดสินใจอุ้มให้ได้อยู่ต่อ ตรงนี้ต้องเข้าใจความจริงนะครับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ

ถ้าหาก 3 ป. ไม่รู้ไม่เห็นด้วยกัน ไม่มีทางมาถึงวันนี้ได้ แม้ช่วงเวลาที่ผ่านมา จะมีข่าวลือกระเส็นกระสายเรื่องการขบเหลี่ยมกันระหว่าง ป.ใหญ่ พล.อ.ประวิตร กับ ป.เล็ก พล.อ.ประยุทธ์

แต่ถึงที่สุด คนกลุ่มนี้จะไม่มีทางแตกแยกกัน เพราะการรวมศูนย์ความสัมพันธ์ รวมศูนย์อำนาจ หมายถึงสถานะทางการเมืองที่จะรักษาอำนาจเอาไว้ได้

การคิดจะเปลี่ยนกรรมการบริหาร เปลี่ยนทีมเศรษฐกิจ ไม่ใช่เป็นเรื่องเพิ่งเกิด

ก่อนสถานการณ์โควิดระบาด ผู้มีอำนาจในพรรคในรัฐบาลเดินสายเจรจาทาบทามนักบริหาร นักการเงิน นักการธนาคารเข้ามาทำหน้าที่ในทีมเศรษฐกิจกันแล้ว

ไม่รู้จะเป็นเพราะโฉลกป.ปลามาแรงหรือเปล่านะครับ 3 ป. จึงไปทาบทามนักการธนาคารชื่อย่อ ป.ปลา อย่างน้อย 2 คน แต่ ณ วันนั้น ป.ปลา ทั้ง 2 คนยังไม่ตอบรับ

แต่เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน ไม่แน่ว่าถึงวันนี้เมื่อมีความชัดเจนว่าทีมเศรษฐกิจ 4 กุมารต้องออกไป ป.ใดป.หนึ่งอาจจะตกลงใจแล้วก็ได้ หรืออาจจะมีตัวเลือกอื่นๆ ซึ่งคนการเมืองกระซิบกระซาบกันมาระยะหนึ่งแล้วว่าจะมีการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจชุดใหม่

เรื่องนี้จึงไม่ได้ส่งผลกระทบแค่คุณอุตตม คุณสนธิรัตน์หรือคุณสุวิทย์เท่านั้นครับ แต่โดนไล่ลงมาตั้งแต่ดร.สมคิดเลยทีเดียว

ถ้ารัฐบาลเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจยามนี้ก็เท่ากับรับสารภาพต่อประชาชนว่าการขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนที่ผ่านมาเป็นเรื่องไร้ผลงาน ไม่มีราคา
ก็เหตุการณ์ข้างหน้าที่จะไปเจอคือวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดที่เราเคยพบ

วิกฤตต้มยำกุ้ง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ไม่เคยเจอหนักเท่านี้ ถ้าทีมเศรษฐกิจแน่จริงยังต้องทำงานต่อ การเปลี่ยนแปลงจึงเท่ากับชี้ว่ารับมือสถานการณ์ไม่ไหว ทั้งหมดจึงเป็นการเมืองเรื่องอำนาจ สำหรับประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ นับวันยิ่งห่างไกล

สำหรับคนที่เคยเรียกร้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ถึงวันนี้ แบบนี้ ผมว่าไม่ใช่แน่ๆ นี่ไม่ใช่นิวนอร์มอล นี่คือโอลด์นอร์มอลทางการเมือง เวรี่เวรี่เวรี่โอลด์นอร์มอล เป็นวิถีการเมืองที่ย้อนหลังไปหลาย 10 ปี มีการยึดอำนาจคณะผู้เผด็จการสืบทอดอำนาจโดยการตั้งพรรคการเมือง แล้วก็เกิดความขัดแย้งทางอำนาจ แย่งชิงผลประโยชน์ทางการเมือง ปรากฏแก่สายตาประชาชน

สำหรับพล.อ.ประวิตรและคณะถึงเวลาต้องร้องเพลงนี้(สิบล้อมาแล้ว/นกแล)
ส่วนดร.สมคิดและ 4 กุมารคงต้องเป็นผลงานเพลงของแสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ครับ(หิ้วกระเป๋า/แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์)

นี่คือความจริงทางการเมืองและเรื่องคงจะไม่จบลงไปง่ายๆ เพราะผมเชื่อว่าถึงที่สุดฝ่ายที่ถูกเล่นงานก็คงพยายามจะพลิกเกมสู้ แม้จะไม่มีประตูสู้ได้

แต่อย่าลืมนะครับสำหรับดร.สมคิดและคณะ นี่เป็นเหมือนรถไฟการเมืองเที่ยวสุดท้าย

เจ็บน่ะเจ็บแน่ แต่คงกำลังคิดว่าจะจบแบบไหน ให้เจ็บน้อยที่สุดและพอจะเดินต่อได้

มีคนถามผมว่า ถ้าปรับครม.แล้ว จะต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเป็นพล.อ.ประวิตรด้วยไหม

ผมว่าไม่อ่ะครับ นายกรัฐมนตรียังเป็นพล.อ.ประยุทธ์นั่นแหละ

มาถึงวันนี้จะอยากหรือไม่อยาก ไม่ทราบนะครับ แต่ผมคิดว่าพล.อ.ประวิตรเดินห่างจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาแล้ว

แต่การขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นตัวจริง ทนเสียงปี่กลอง ทนเสียงเรียกร้องของน้องๆ ในพรรคไม่ไหว คนไปเชียร์ ไปป้อไปยอทุกวัน เคลิ้มได้เหมือนกันนะครับ

มีกระแสข่าวเลยเถิดไปถึงขั้นว่าส.ส.เพื่อไทยหลายสิบคนจะยกขบวนย้ายข้างมาเป็นกำลังหนุนในรัฐบาล

วันนี้ผมไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยนะครับ แต่ถ้ามองเข้าไป แม้ว่าจะมีกระแสข่าวความขัดแย้ง มีแรงกระเพื่อมกันอยู่ แต่ไม่น่าจะถึงขั้นยกขบวนไปอยู่กับรัฐบาล

ผมยังให้น้ำหนักเรื่องจุดยืนทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยและโดยส่วนตัว ไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างงั้นได้

แต่ถ้าเกิดหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามพลังประชารัฐไปจริงๆ นี่ก็อีกโอลด์นอร์มอลนะครับ ไม่ใช่โควิด-19 เรียกว่า โรคห่าล้วนๆ ช่วงนี้โควิดยังไม่หมด บางคนอาจจะบอกว่าไม่ควรพูดเรื่องการเมือง จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ ก็พรรคพลังประชารัฐเค้าเล่นการเมืองกันอึกทึกครึกโครมกันขนาดนี้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"