ผมตื่นขึ้นมาเมื่อวานพร้อมข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศพร้อมจะส่งทหารอาวุธครบมือเข้าปราบผู้ประท้วงในรัฐไหนก็ตามที่ผู้ว่าการรัฐไม่จัดการอย่างเด็ดขาด
ผู้ว่าฯ บางรัฐโต้กลับว่าการทำอย่างนั้นของทรัมป์ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เพราะการที่รัฐบาลกลางจะส่งทหารเข้าไปในรัฐใดรัฐหนึ่งต้องได้รับอนุญาตหรือได้รับคำร้องขอจากรัฐนั้นๆ
ทรัมป์กำลังทำตัวเป็นผู้นำที่ไม่ยอมออกสื่อเพื่อระงับเหตุร้ายที่ลามไปทั่วประเทศอย่างน่ากลัว
แต่กลายเป็นผู้ปลุกเร้าความเกลียดชังและสร้างความแบ่งแยกหนักหน่วงขึ้นอีก
ทรัมป์กับครอบครัวถูกอพยพเข้าไปในห้องบังเกอร์ใต้ดินฉุกเฉินในทำเนียบขาวเมื่อค่ำวันศุกร์ ขณะที่รอบๆ ทำเนียบขาวมีเหตุปะทะระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจ และมีเหตุจัดเพลิงเผาสถานที่รอบๆ บริเวณนั้น
แต่ทรัมป์ก็ไม่หยุดที่จะส่งข้อความขึ้นทวิตเตอร์กล่าวหาว่ามิคสัญญีในประเทศขณะนี้ไม่ใช่เรื่องประท้วงการตายของชายผิวดำ George Floyd แล้ว
แต่เป็นการ “ก่อการร้ายในประเทศ” โดยกลุ่มซ้ายจัดที่มีแผนการจะขจัดเขาออกจากการเมือง
ทรัมป์กล่าวถึงกลุ่ม Antifa ว่าจะระบุให้เห็น “องค์กรก่อการร้าย”
กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวอย่างหลวมๆ ของผู้ต่อต้านฟาสซิสต์ ไม่ยอมรับกลุ่มขาวจัด และใช้วิธีการทั้งรุนแรงและไม่รุนแรงเพื่อแสดงจุดยืนของตน
หลายสำนักโต้ว่าทรัมป์ไม่สามารถจะประกาศกลุ่มใดในประเทศเป็น “องค์กรก่อการร้าย” ด้วยตนเองได้ เพราะอาจเป็นการใช้ดุลยพินิจของฝ่ายบริหารแต่เพียงด้านเดียวโดยอาจมาจากอคติทางการเมือง
การประท้วงลามไปกว่า 40 เมืองในทุกภาคของประเทศ เมื่อวานเป็นการกระจายตัวของการจลาจลและประท้วงอย่างสงบเป็นวันที่ 7
เหตุรุนแรงระหว่างการชุมนุมกับตำรวจมีขึ้นเป็นระยะๆ
การประท้วงลามไปในเมืองใหญ่ๆ หลายประเทศ เช่น อังกฤษแลละนิวซีแลนด์ เป็นต้น
หลายรัฐประกาศเคอร์ฟิว ห้ามการชุมนุมบนถนนหลังพลบค่ำในพื้นที่เกือบ 40 เมืองทั่วสหรัฐฯ
ไม่ว่าจะเป็นลอสแองเจลิส นครชิคาโก ไมอามี ดีทรอยต์ และฟิลาเดลเฟีย
สถานการณ์ในบางรัฐร้อนแรงกว่า เช่น เทกซัส และเวอร์จิเนีย มีคำประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วรัฐกันเลยทีเดียว
เพราะสถานการณ์ตกอยู่ในสภาพ “เอาไม่อยู่”
เริ่มต้นของวันเมื่อวานมีกิจกรรมประท้วงอย่างสันติ และค่อยๆ กลายเป็นการเผชิญหน้าที่รุนแรงขึ้นหลังพระอาทิตย์ตกดิน
คนทั้งโลกเห็นภาพตำรวจถือโล่และพลองพยายามผลักดันผู้ประท้วงให้ถอยออกจากพื้นที่การชุมนุม
มีการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อสลายฝูงชน
อีกหลายภาพเห็นผู้ประท้วงจุดไฟเผาร้านค้าและมีการบุกเข้าขโมยข้าวของอย่างจ้าละหวั่น
ตั้งแต่เริ่มการประท้วง หน่วยปฏิบัติการสำรอง หรือ National Guards ถูกส่งเข้าไปกว่า 15 รัฐ เพราะตำรวจท้องที่ไม่อาจจะควบคุมสถานการณ์ได้
รวมถึงเมืองหลวงกรุงวอชิงตันก็กลายเป็นแดนกลียุคอย่างน่าหวาดหวั่น
ในหลายๆ เมืองแยกไม่ออกว่าใครคือผู้ประท้วงกรณีการเสียชีวิตของผู้ต้องสงสัยผิวดำโดยฝีมือของตำรวจผิวขาว และใครคือผู้ฉวยโอกาสของความวุ่นวายมาก่อเหตุร้าย
คนอเมริกันรอคอยให้ทรัมป์ในฐานะผู้นำประเทศในยามวิกฤติออกมาปราศรัยเพื่อดับความเกลียดชังและสมานแผลแห่งความร้าวฉาน
แต่ทรัมป์ไม่ยอมออกทีวี เพียงแถลงสั้นๆ ที่ทำเนียบขาวต่อนักข่าว...ด้วยประโยคที่ท้าทายและยั่วยุมากกว่าการสร้างบรรยากาศการฟื้นฟูบ้านเมือง
ล่าสุดมีการเปิดเผยรายงานผลการพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตที่ทางครอบครัวเป็นผู้ร้องขอ
ยิ่งจะทำให้เกิดความโกรธแค้นสำหรับผู้ร้องเรียนความเป็นธรรมในสังคมอเมริกันระหว่างคนต่างผิว
ผลการชันสูตรศพพบว่า George Floyd เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ (asphyxiation) เพราะถูกกดทับที่บริเวณคอโดยฝีมือของตำรวจผิวขาวอย่างน้อย 3 นาย
ผลพิสูจน์ออกมาอย่างนี้ไปคนละทางกับรายงานประกอบคำฟ้องของตำรวจที่ทำการจับกุมก่อนหน้านี้
รายงานนั้นอ้างว่าที่เสียชีวิตเพราะถูก “พันธนาการ” และปัญหาสุขภาพที่มีอยู่เดิมของ George Floyd
รวมทั้งอาจมีสารมึนเมาอยู่ภายในร่างกายของผู้เสียชีวิต
ติดตามข่าวและภาพของการประท้วงที่เมืองต่างๆ ในอเมริกาช่วงนี้ ก็ทำให้คิดถึงการประท้วงที่ฮ่องกงที่มีรูปแบบละม้ายกัน
เสมือนอเมริกาเอาฮ่องกงมาทับซ้อนกัน 50 เมืองพร้อมๆ กันเลยทีเดียว
เป็นที่มาของคำเยาะเย้ย ถากถางจากนักวิเคราะห์จีนที่ถามทรัมป์ว่า
“ทำไมท่านไม่ขอเจรจากับผู้ประท้วงที่ก่อเหตุรุนแรงที่อเมริกา เหมือนที่ท่านแนะนำประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้เจรจากับผู้ก่อเหตุที่ฮ่องกงล่ะ?”
และทำไมทรัมป์จึงประกาศจะส่งทหารเข้าปราบปรามในรัฐต่างๆ
แล้วไฉนทรัมป์จึงกล่าวหาว่าจีนจะส่งทหารเข้าไปปราบจลาจลที่ฮ่องกง?
ยิ่งวันโลกยิ่งเพี้ยนหนัก เอาหลักเอาการเดิมอะไรไม่ได้เลยจริงๆ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |