ริโอตินโต บริษัทเหมืองสัญชาติอังกฤษ-ออสเตรเลีย แถลงขอโทษที่ระเบิดทำลายถ้ำศักดิ์สิทธิ์ของชนพื้นเมืองอะบอริจินอายุเก่าแก่ 46,000 ปีในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมรับปากจะรีบทบทวนแผนการทำเหมืองแหล่งอื่นๆ ในพื้นที่นี้

ถ้ำหุบเขาจูกาน 1 และ 2 ในภาพถ่ายเมื่อเดือนมิถุนายน 2556 (Source : Puutu Kunti Kurrama And Pinikura Aboriginal Corporation)

    รายงานรอยเตอร์และบีบีซีกล่าวว่า ถ้ำโบราณแห่งนี้อยู่ในหุบเขาจูกาน ห่างจากเมืองเพิร์ธทางทิศเหนือราว 1,075 กิโลเมตร แต่โดนระเบิดทำลายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม ระหว่างที่บริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่แห่งนี้ขยายโครงการทำเหมืองแร่เหล็กในภูมิภาคพิลบารา แม้จะเป็นการทำสัมปทานโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่การทำลายแหล่งมรดกเก่าแก่ของชนพื้นเมืองทำให้เกิดเสียงวิจารณ์และเรียกร้องให้ออสเตรเลียแก้ไขกฎหมายคุ้มครองแหล่งมรดก

    ภายในถ้ำโบราณยุคน้ำแข็งแห่งนี้เคยมีผู้ค้นพบงานฝีมือของคนสมัยโบราณอายุเก่าแก่ 4,000 ปี เช่นสายเปียผม ที่ผลการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมพบความเชื่อมโยงกับชนพื้นเมืองกลุ่มปูตู คุนติ เคอร์รามา และพินิคูรา (พีเคเคพี) ที่เป็นเจ้าของดินแดนแถบนี้โดยดั้งเดิม

    เบอร์เชลล์ เฮย์ส ผู้อำนวยการพีเคเคพี กล่าวกับสถานีเอบีซีของออสเตรเลียว่า สำหรับพวกเขาแล้ว สถานที่นี้คือที่ที่บรรพบุรุษได้ครอบครองผืนดินดั้งเดิมของพวกเขา ชุมชนรู้สึกเศร้าโศกเสียใจกับการสูญเสียมรดกแห่งนี้

    บริษัท ริโอตินโต ซึ่งได้รับประทานบัตรจากรัฐบาลเมื่อปี 2556 ให้สามารถสร้างความเสียหายหรือทำลายแหล่งดังกล่าวภายใต้กรอบกฎมายที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทบทวน ออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม ขอโทษที่ระเบิดทำลายถ้ำนั้น

    คริส ซอลส์บรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสินแร่เหล็ก กล่าวในคำแถลงว่า บริษัทให้ความเคารพต่อชาวพีเคเคพี และขอโทษที่ได้สร้างความเศร้าโศกเสียใจ บริษัทกำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อทบทวนแผนการทำเหมืองทุกแหล่งในพื้นที่หุบเขาจูกาน

    ริโอตินโตกล่าวว่า พวกเขาทำงานด้านโบราณคดีเมื่อปี 2557 เพื่อรักษางานฝีมือที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม โดยเก็บรักษาโบราณวัตถุเหล่านี้ได้ราว 7,000 ชิ้น บริษัทจะร่วมมือกับเจ้าของดั้งเดิมในพื้นที่นี้เพื่อหาทางรักษามรดกเก่าแก่ไว้ต่อไป

    นอกจากทำเหมืองสินแร่เหล็กแล้ว บริษัทนี้ยังมีเหมืองแร่อีกหลายชนิดในออสเตรเลีย รวมถึงแร่บอกไซต์, เพชร และยูเรเนียม

    เคน ไวแอต รัฐมนตรีกระทรวงชนพื้นเมืองซึ่งเป็นชาวอะบอริจินด้วย กล่าวไว้ว่า เป็นเรื่องเกินความเข้าใจที่การระเบิดถ้ำยังคงเกิดขึ้น แต่น่าจะเป็นความผิดพลาดโดยแท้ และเรียกร้องให้รัฐนี้แก้ไขกฎหมายเพื่อปกป้องสถานที่ของชนพื้นเมือง.