New Normal ที่แท้จริง!!!


เพิ่มเพื่อน    

      ก็ไม่รู้ว่าพวก... สามิตร (สามมิตร) พวก สายฝน กรุงทอง ฯลฯ เขาไล่ฟัด ไล่งับ แย่งชามข้าว แย่งเก้าอี้ ไปถึงไหนต่อถึงไหนกันมั่งแล้ว เพราะช่วงหลังๆ นี้ ถ้าเจอกับข่าวประเภทนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ แม้แต่แค่ หัวข่าว ก็ยังไม่คิดอยากจะอ่าน คือมันไม่เหลือแรงกระตุ้น แรงจูงใจใดๆ ให้ต้องเกาะติด ติดตาม เอาเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะในช่วงที่วิกฤติโรคระบาดยังไม่แล้วเสร็จ ก็หนีไม่พ้นต้องเจอกับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ตามมาแบบติดๆ...

                                                                -----------------------------------------------

      แต่ก็มีข่าวคราวอยู่ชิ้นหนึ่ง...ที่ดูเหมือนไม่ค่อยมีสื่อฯ รายใด คิดจะเกาะติด คิดจะเค้นข่าว ขยี้ข่าว เหมือนกับข่าวพวกสามมิตร สายฝน กรุงทอง มากมายซักเท่าไหร่นัก แม้ว่าจะเป็นข่าวคราวของ นักการเมือง อันถือเป็น มนุษย์พันธุ์พิเศษ หรือเป็นสัตว์หายาก ที่อาจใกล้สูญพันธุ์ในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้ เช่นเดียวกัน แต่อาจเป็นเพราะ นักการเมือง รายนี้ ท่านอาจมีสเปก หรือมีสปีชีส์ ไม่ถึงกับตรงตามแบบฉบับนักการเมืองโดยทั่วไปมากมายซักเท่าไหร่ คือไม่ถึงกับเขี้ยวงอก เกล็ดแตกลายงา มีปีก มีหาง แถมพ่นไฟได้ด้วย ฯลฯ อะไรประมาณนั้น...

                                                                   ---------------------------------------------

      คือข่าวคราวที่นักการเมืองอย่าง คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช และโฆษกรัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกมาแถลงเอาไว้ตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว หรือเมื่อประมาณวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีสำนักข่าวอย่าง ผู้จัดการ และ แนวหน้า ฯลฯ พอจะให้ความสำคัญ หรือพอจะหยิบมาเป็นข่าวคราวเผยแพร่ให้สาธารณชนได้พอรับรู้ รับ ทราบ โดยสำนักข่าวหรือเว็บไซต์ ผู้จัดการ เขาโปรยหัวข่าวเอาไว้ประมาณว่า “กระทรวงศึกษาธิการ (โดย) คุณหญิงกัลยา ตั้งคณะทำงานบริหารจัดการน้ำเพื่อชุมชน ตามแนวทางพระราชดำริ ร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำเพื่อชุมชน แก้ปัญหาภัยแล้ง หนี้สิน ความยากจน โดยให้ประชาชนเป็นเจ้าของ ใช้อาชีวะเกษตรนำร่อง สร้าง (บุคลากร) ชลกร สอนจัดการน้ำ ยึดตามแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยความเชื่อที่ว่า...เศรษฐกิจพอเพียง...คือ New Normal ที่แท้จริง...”

                                                                     -----------------------------------------------

      นี่...แค่อ่านพาดหัวข่าว โปรยข่าว ต้องเรียกว่า ส่งผลให้เกิดการหลั่งสาร เอนดอร์ฟิน ออกมาได้พอสมควร คือพอได้เกิดความตื่นเต้ลล์ล์ล์ ตื่นตา ตื่นใจ อ่านแล้ว ฟังแล้ว มันออกจะได้เรื่อง ได้ราว เป็นประโยชน์ เป็นสาระกับรูหูซะยิ่งกว่าข่าว สามมิตร เหลือ สองมิตร เหลือ ส.ส.ในมุ้งแค่ 20 ไม่ได้เป็นร้อยๆ แบบเก่า หรือข่าว เผาไทย หันมา เผากันเอง จนทำท่าว่าจะเกิดพรรคใหม่ เกิด อนาคตเก่า แทนที่ อนาคตใหม่ หรือเกิด คณะก้าวถอยหลัง แทนที่ คณะก้าวไกล ฯลฯลฯ อะไรประมาณนั้น ซึ่งล้วนแล้วแต่ แบบบ์บ์บ์แห้งง์ง์ง์ ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                                                       ------------------------------------------------

      เพราะการที่ผู้ซึ่งจัดอยู่ในฐานะมนุษย์พันธุ์พิเศษ อย่าง นักการเมือง จะเกิดความ เข้าถึง-เข้าใจ ต่อสิ่งที่เรียกขานกันในนาม เศรษฐกิจพอเพียง อันเป็นเข็มทิศ แนวทางที่ล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านได้อาศัย ภูมิปัญญาแห่งสังคม ทรงชี้แนะ ชี้นำเอาไว้ตั้งแต่เมื่อ 3-4 ทศวรรษที่แล้ว ไม่ว่าในระดับสังคมไทย หรือสังคมโลกก็แล้วแต่ จนสามารถมองได้ทะลุ ลึกซึ้งว่า ถือเป็น New Normal ที่แท้จริง นั้น ต้องยอมรับว่า...เป็นอะไรที่หายาก หาเย็น ยิ่งกว่าหาหนวดเต่า เขากระต่าย เอาเลยก็ว่าได้ เพราะขนาดผู้ที่ไม่ใช่นักการเมือง ผู้ที่เคยรับใช้ ใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ข้าราชบริพาร ฯลฯ จำนวนไม่น้อย ก็ยังอาจคิดว่าเป็นแค่ คาถาศักดิ์สิทธิ์ ที่เอาไว้ท่อง เอาไว้บ่น เอาไว้ใช้เป็น ยันต์กันผี อะไรประมาณนั้น...

                                                                        ---------------------------------------------------

      แต่การที่นักการเมือง อย่างคุณหญิง กัลยา โสภณพนิช ท่านมองแตก มองทะลุ ถึงขั้นพร้อมลงเหงื่อ ลงแรง จัดตั้งโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน เพื่อชุมชน ตามแนวทางพระราชดำริ อาศัยกลไกของสถาบันการศึกษาอย่างวิทยาลัยเกษตรถึง 47 แห่ง โรงเรียนการศึกษาพิเศษอีก 176 แห่งทั่วประเทศ เป็นศูนย์การขับเคลื่อนแนวคิดที่ว่าให้เกิดเป็นผลในเชิงปฏิบัติ เพื่อผลิตบุคลากรที่มีความรู้เรื่องน้ำ เรื่องชลประทาน ที่เรียกกันว่า ชลกร เพื่อแพร่ขยายแนวคิดทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ให้แผ่ซ่านลงไปสู่ชาวบ้าน ชาวช่อง ด้วยความเชื่อว่า หากผู้คนในชนบทอย่างเกษตรกรมีน้ำใช้ มีอาชีพ นอกจากจะพออยู่ได้ อยู่อย่าง พอเพียง หรืออาจมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมนับร้อยๆ เปอร์เซ็นต์เอาเลยก็ไม่แน่ การกลับคืนสู่ถิ่นฐาน บ้านเกิดของบรรดาลูกๆ หลานๆ ไม่ต้องไหลมากองกันในโรงงาน อุตส่าห์หากรรม (อุตสาหกรรม) ตามแบบฉบับ Old Normal ที่กำลังล่มสลายลงไปทั้งหลาย ย่อมมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

                                                                    ----------------------------------------------------

      ในเนื้อข่าวของ ผู้จัดการ เขาได้นำคำพูดของคุณหญิง กัลยา มาปิดท้ายไว้ด้วยว่า... “ดิฉันปลูกป่ามากว่า 20 ล้านต้น ตลอดระยะเวลา 35 ปี ดิน น้ำ ป่า คือชีวิตจิตใจ มีโอกาสถวายงานรับใช้ในหลวงรัชกาลที่ 9 มา 45 ปี เกินครึ่งของชีวิต ได้ซึมซับพระราชปณิธาน และระลึกมาโดยตลอดว่าเราต้องทำเรื่องน้ำเพื่อชุมชนให้สำเร็จ เพราะน้ำคือชีวิต หากเกษตรกรมีน้ำใช้ ก็จะไม่ยากจน เมื่อมีน้ำใช้อย่างอื่นก็จะตามมา และจะนำแนวพระราชดำริของพระองค์ท่านมาปรับใช้ด้วยหลักสามประการคือ มีที่ให้น้ำอยู่ มีที่ให้น้ำไหล เก็บน้ำไว้ใต้ดิน และจะต้องประหยัด ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ โดยมีเป้าหมายที่สำคัญสูงสุดในการทำโครงการนี้คือแก้ความยากจน” ก็ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกว่า อย่างน้อย...ก็ยังโชคดีที่บรรดา นักการเมือง ทั้งหลาย ไม่ได้ถึงกับสามมิตร กรุงทอง สายฝน หรือเผาไทย หรือก้าวถอยหลัง ฯลฯ ไปด้วยกันซะทั้งหมด ดังนั้น...ไม่ว่า โลกยุคหลังโควิด หรือ การเมืองไทยหลังโควิด มันจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นใด คงต้องเร่งอนุรักษ์นักการเมืองอย่างคุณหญิง กัลยา นี่แหละ อย่าให้มีอันต้องสูญพันธุ์โดยเด็ดขาด!!!

                                                                      -----------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Davis Starr Jordan ... Wisdom is knowing to do next; virtue is doing it. – ความฉลาด...คือการรู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป ส่วนความดี...คือการลงมือกระทำสิ่งนั้น...

                                                                        ----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"