31 พ.ค.63-นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงในการอภิปรายพ.ร.ก.กู้เงิน ตอนหนึ่งระบุว่า รัฐบาลและสภาฯยังต้องร่วมกันทำงานอีก เพราะโควิดจะยังอยู่ไปอีกนาน ดังนั้นข้อเสนอของสภาฯเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งทุกหน่วยงานจะรับไปพิจารณา อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาถ้าเราไม่รีบยุติการระบาดของโควิด19 จะทำให้สถานการณ์บานปลายจนคุมไม่ได้ จึงมาถึงจุดที่รัฐบาลต้องตัดสินใจให้ทุกคนอยู่บ้าน แน่นอนว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะต้องหยุดซึ่งรัฐบาลรู้ถึงสถานการณ์นี้ดี เมื่อกดถึงจุดต่ำสุดแล้วก็มาพิจารณาถึงการผ่อนคลาย ที่ผ่านมาประชาชนให้ความร่วมมือ ระหว่างเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวมีบางอย่างที่ต้องคิดล่วงหน้า คือ การหาเงินเยียวยาในช่วงแรก ทั้งการใช้งบประมาณปกติและการกู้ยืม หลักการเยียวยา คือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบเท่านั้นที่ควรได้รับการเยียวยา
"แต่ประเด็นไม่ได้อยู่แค่นั้น ต่อมาเริ่มอาการจากตลาดตราสารที่มีการไถ่ถอน บางกองทุนเริ่มปิดกองทุน ผมผ่านต้มยำกุ้งมาแล้ว เมื่อไหร่เศรษฐกิจจริงมีปัญหาจะพันไปตลาดเงินทันที เวลานี้ตลาดตราสารใหญ่มาก สมัยปี 2540 รัฐบาลต้องตามไปเก็บศพด้วยการไปซื้อหนี้เสียจากธนาคาร ดังนั้น เวลานี้เราจะไม่ทำอย่างนั้น จึงเป็นที่มาของพ.ร.ก.ดูแลตราสารหนี้ อย่าไปคิดว่าจะเป็นการอุ้มเจ้าสัว แต่มาตรการตามพ.ร.ก.จึงเป็นสิ่งจำเป็นเป็นหลังพิง การเยียวยา 3 เดือนเงินก็หมดแล้วไม่เกินก.ค. เงินหมุนเวียนเศรษฐกิจจะมาจากไหน เราอาศัยการส่งออกและปัจจัยภายนอกอย่างเดียวไม่ได้ ทั่วโลกหนักหนาอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ไม่มีประเทศไหนไม่เดือดร้อน แต่ประเทศไทยโชคดีที่เราทำให้โครงสร้างของประเทศมีความน่าเชื่อถือ ไม่ต้องไปหาไอเอ็มเอฟ เพราะมีหนี้ต่อจีดีพีน้อยมาก นายกฯยืนยันต้องมีการผ่อนคลาย แต่ก็ต้องระวังว่าหากระบาดขึ้นมาอีกจะเอาเงินที่ไหนมาดูแล"
นายสมคิด กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่เคยคิดจะเข้ามาแทรกแซง แต่ถ้าครั้งนี้ธปท.ไม่เข้ามาก็จะทำให้ตลาดเงินตลาดทุนอยู่ไม่ได้ การเอาเงินมาฟื้นฟูนั้นต้องทำแบบเดิมไม่ได้ เพราะอะไรที่ช่วยประชาชนในท้องถิ่นจะต้องเข้าไปช่วยกัน จะใช้เป็นฐานที่เข้มแข็งของประเทศไทย และเพื่อไม่ให้การเมืองเข้ามาแทรกแซง จะให้คนกลางเข้ามากลั่นกรองการใช้เงินโดยรับฟังจากภายนอกด้วย โดยวันที่ 5 มิ.ย.จะเริ่มกระบวนการรับฟังความคิดเห็น การร่วมมือระหว่างสภากับรัฐบาลสำคัญมาก เพราะอีกครึ่งปีนี้จะยังไม่เหมือนเดิมแน่นอน ดังนั้น การใช้เงินต้องมีคุณภาพ ใช้เงินไม่หมดไม่เป็นไร เงินส่วนที่เหลือใช้สำหรับการเยียวยาได้สถานการณ์โควิดอาจลามถึงปีหน้า ความคิดของเราจึงคิดว่าเศรษฐกิจท้องถิ่นจะต้องเป็นจุดแข็ง งบประมาณปี 2564 ต้องปรับแนวทางใหม่ต้องสร้างให้คนมีงานทำ คนไทยไม่ชอบนั่งรับเงินเพราะอยากมีงานทำ
"รัฐบาลยังคิดล่วงหน้าไปด้วยว่าเพื่อพยุงไปให้ได้ ต้องเตรียมความคิดและโครงการ ผมทำงานรับใช้รัฐบาลและบ้านเมืองมา 10 ปีแล้ว เบื่อเต็มที่แล้วอยากสร้างคนใหม่ๆเข้ามาดูแล แทนคนเก่าคนแก่ที่อายุมากแล้ว และยืนยันว่าไม่มี "ลัทธิสมคิด" และ ถ้าเราเตรียมโครงสร้างพื้นฐานไว้พร้อม เมื่อโควิดผ่านพ้นเราจะก้าวกระโดดทันที และจะมีข้อมูลจำนวนมหาศาล เป็นการเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เหตุการณ์ 3 เดือนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ยังมีอีกยาวที่ต้องทำงานด้วยกันถ้าจะมาตรวจสอบความโปร่งใสย่อมเป็นสิ่งที่ดีเพื่อให้เกิดประโยชน์เท่าเทียมกัน"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |