ภาพ : พรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องอธิบายว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ (โควิด-19)
ที่มา :
https://www.facebook.com/photo?fbid=10157221748141074&set=a.467491506073
รัฐบาลทรัมป์ประสบผลไม่น้อยในการสร้างความเกลียดชังรัฐบาลจีน ความเกลียดชังนี้ขยายผลสู่ระดับประชาชน เป็นประเทศที่ใช้นโยบายเกลียดชังคนอื่นเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้าม หวังผลทางการเมือง
รัฐบาลสหรัฐต้องการปิดล้อมจีนเพื่อรักษาความเป็นมหาอำนาจของตนเอง การสร้างความเกลียดชังเป็นอีกวิธีที่ใช้เพื่อสร้างศัตรู ไม่ต่างจากยุคสงครามเย็นที่ตีตราความเลวร้ายของลัทธิสังคมนิยม หรืออิหร่านกับเกาหลีเหนือในปัจจุบัน
ยุทธศาสตร์สร้างความเกลียดชังรัฐบาลจีน :
หลักสำคัญคือพยายามพูดแง่ลบต่อจีน ชี้ว่าเป็นความผิดของรัฐบาลจีน
ประการแรก รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน
ประธานาธิบดีทรัมป์และไมค์ ปอมเปโอ (Mike Pompeo) รมต.ต่างประเทศ รวมทั้ง ส.ส. ส.ว. พรรครีพับลิกัน มักเอ่ยถึงรัฐบาลจีนด้วยคำว่า “Chinese Communist Party” เพื่อตอกย้ำว่าจีนปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม ปอมเปโอ กล่าวเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ตั้งแต่เริ่มระบอบการปกครองใหม่ จีนถูกปกครองโดย “ระบอบอำนาจนิยมที่โหดร้าย” อุดมการณ์ทางการเมืองของจีนเป็นปรปักษ์ต่อประเทศเสรี
เป็นความจริงที่จีนปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ต่างจากอดีต สังคมจีนปัจจุบันเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เศรษฐกิจเปิดออกมากขึ้น เป็นสมาชิกองค์การค้าโลก คนจีนรุ่นใหม่เป็นพวกวัตถุนิยม คิดแต่จะร่ำรวย คิดถึงประโยชน์ตนเองมากกว่าส่วนรวม ไม่ต่างจากคนอเมริกันหลายคน ผิดจากอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ที่ต้องการสร้างสังคมไร้ชนชั้น สังคมแห่งความเท่าเทียม
ปีการศึกษา 2018-19 นักเรียนนักศึกษาจีน 369,548 คนลงทะเบียนเรียนในสหรัฐจากจำนวนนักเรียนนักศึกษาต่างชาติทั้งหมด 1,095,299 คน (เท่ากับร้อยละ 33.7) เป็นสถิติสูงสุดต่อเนื่อง 10 ปีแล้ว ดูเหมือนว่ารัฐบาลจีนไม่หวั่นคนรุ่นใหม่จะเป็นอุปสรรคต่อการปกครองของตน
เป็นความจริงที่ว่าชนชั้นปกครองได้ประโยชน์จากระบอบ มีการทุจริตคอร์รัปชันมากมาย แต่หากมองภาพรวมปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลคอมมิวนิสต์ทำให้ประเทศพัฒนา ประชาชนอยู่ดีกินดีเมื่อเทียบกับก่อนเป็นคอมมิวนิสต์
ประการที่ 2 กรณีขาดดุลการค้าจีน
ทรัมป์พูดราวกับว่าปัญหาขาดดุลการค้าของสหรัฐ คนว่างงาน อุตสาหกรรมในประเทศที่อ่อนแอ ต้นเหตุทั้งหมดมาจากจีน จึงตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนหลายรอบ โทษจีนว่าเป็นต้นเหตุคนว่างงาน ทำให้การเจรจาล้มเหลว คำถามคือทำไมบริษัทอเมริกันมากมายจึงย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไปสู่ประเทศอื่นๆ จีนเป็นเพียงหนึ่งในเป้าหมายเท่านั้น
ด้านรัฐบาลจีนรายงานในรอบ 11 เดือนแรกของปี 2019 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มจากเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 15.5 เปอร์เซ็นต์ มีกิจการต่างชาติเปิดใหม่ 36,747 ราย จีนยังเป็นแหล่งลงทุนเนื้อหอมของนานาชาติ นักลงทุนคิดต่างจากรัฐบาลสหรัฐ
ประการที่ 3 กรณี BRI
งานวิจัยจากสหรัฐหลายชิ้นพูดแง่ลบต่อข้อริเริ่ม "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" หรือ Belt and Road Initiative (BRI) อย่างต่อเนื่อง รายงานเหล่านี้มุ่งเอ่ยถึงคือข้อเสียโครงการ ต้องยอมรับว่า BRI มีทั้งข้อดีข้อเสีย มีโครงการที่ล้มเหลว แต่ที่ไม่อาจปฏิเสธคือยอดการค้าการลงทุนระหว่างประเทศคู่ค้าภายใต้ BRI เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี
เป็นอีกครั้งที่รัฐบาลสหรัฐกับนานาชาติคิดไม่ตรงกัน
ประการที่ 4 กรณีฮ่องกง
ทั้งๆ ที่ฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน เป็นเขตอธิปไตยของจีนโดยแท้ ภายใต้การปกครองแบบ “1 ประเทศ 2 ระบบ” แต่รัฐบาลทรัมป์เห็นว่าเป็นความชอบธรรมที่จะสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่เรียกร้องปกครองตนเอง สนับสนุนฝ่ายต่อต้านให้เกลียดชังรัฐบาลจีน เป็นอีกครั้งที่รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอย่างเปิดเผย ในขณะที่กล่าวประณามอย่างรุนแรงกล่าวหารัฐบาลต่างชาติแทรกแซงกิจการภายในของตน
การสร้างความแตกแยก ความเกลียดชังภายในประเทศ เป็นอีกพฤติกรรมของรัฐบาลสหรัฐที่มีมาเนิ่นนาน
ประการที่ 5 กรณีโรคระบาดโควิด-19
ปลายเดือนมีนาคมเมื่อโควิด-19 ระบาดหนักในสหรัฐ รัฐบาลทรัมป์แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า จีนต้องรับผิดชอบต่อความเสียหาย และคนอเมริกันที่เสียชีวิต ไมค์ ปอมเปโอ รมต.สหรัฐชี้ว่า เหตุที่แพร่ระบาดหนักเพราะรัฐบาลจีนไม่ให้ความร่วมมือกับสหรัฐต้านการแพร่ระบาดแต่แรก
รัฐบาลทรัมป์พยายามพูดเป็นนัยว่าเป็นไวรัสของจีน สวนทางกับข้อสรุปขององค์การอนามัยโลก วงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขสหรัฐ
ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐให้ความสำคัญต่อการป้องกันภายในประเทศ ไม่แสดงภาวะผู้นำโลก ไม่ร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกเท่าที่ควร กลายเป็นการเปิด “ช่องว่าง” ให้จีนแสดงบทบาทช่วยเหลือนานาชาติอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเรื่ององค์ความรู้ บุคลากร อุปกรณ์เครื่องมือ แม้กระทั่งหน้ากากอนามัย
รัฐบาลทรัมป์กับชาติตะวันบางประเทศชี้ว่าจีนไม่ได้ช่วยอย่างจริงใจ มีผลประโยชน์แอบแฝง ซึ่งน่าจะจริง (อย่างน้อยบางกรณี) แต่ต้องถามกลับว่าปกติการช่วยเหลือระหว่างประเทศ เป็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศใช่หรือไม่ มักมีผลประโยชน์แอบแฝงใช่หรือไม่
ไม่ว่าจะมีผลประโยชน์แอบแฝงหรือไม่ หลายประเทศร้องขอความช่วยเหลือจากจีน แม้กระทั่งประเทศที่เป็นพันธมิตร เป็นมิตรประเทศของสหรัฐ
ประการที่ 6 กรณีหยวนดิจิทัล
ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐโจมตีกล่าวหาจีนหวังใช้หยวนดิจิทัลครอบงำเศรษฐกิจโลก ส่งเสริมคอมมิวนิสต์ เรื่องนี้มีส่วนจริง แต่ในอีกมุมหนึ่งต้องมองว่าระบบโลกปัจจุบันเป็นระบบแข่งขัน
แท้จริงแล้วทุกประเทศสามารถสร้างสกุลดิจิทัลของรัฐขึ้นมา หลายประเทศกำลังพัฒนา เช่น สวีเดน แคนาดา เกาหลีใต้ ไทย เป็นทิศทางโลกที่จะมีเงินดิจิทัลใช้หลายสกุล ไม่มีใครห้ามรัฐบาลสหรัฐ หากจะสร้าง “ดอลลาร์ดิจิทัล” (บางคนเรียกว่า Fed Coin) ของตัวเอง ทำไมไม่คิดว่าดอลลาร์ดิจิทัลจะช่วยส่งเสริมผลประโยชน์ให้สหรัฐสามารถครอบงำระบบการเงินโลกได้ดีกว่าเดิม ไม่ช้าก็เร็วรัฐบาลสหรัฐจะออกสกุลเงินดิจิทัลของตนเช่นกัน
การโจมตีรัฐบาลจีนเรื่องหยวนดิจิทัลและประเด็นอื่นๆ ข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างกระแสเกลียดชังรัฐบาลจีน
รัฐบาลทรัมป์ผู้สร้างสังคมแห่งความเกลียดชัง :
ไม่ว่าจะเรื่องใด รัฐบาลทรัมป์มักจะชี้นิ้วไปที่จีน โทษจีน เหตุที่รัฐบาลสหรัฐโจมตีเล่นงานจีนมาจากหลายเหตุผล ทั้งการเมืองภายในประเทศกับการเมืองระหว่างประเทศ เช่น เป็นกลยุทธ์ทางการเมือง บิดเบือนกลบเกลื่อนความผิดพลาดจากการบริหาร ความอ่อนแอภายในของประเทศ และอีกเหตุผลคือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีน
จะเห็นว่าประธานาธิบดีทรัมป์พูดจริงบ้าง เท็จบ้าง มักใช้ hate speech หว่านความเกลียดชังไปเรื่อย และคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยเห็นคล้อยตาม โดยเฉพาะพวกที่สนับสนุนพรรครีพับลิกัน
ในยุครัฐบาลทรัมป์มีข้อสรุปว่าทัศนคติคนอเมริกันมองจีนในแง่ลบมากขึ้น ยกตัวอย่างข้อมูลจาก Deutsche Bank เมื่อกลางพฤษภาคม เผยว่าคนอเมริกันร้อยละ 41 จะไม่ซื้อสินค้า “Made in China” ด้วยเหตุผลเกี่ยวข้องกับโควิด-19 เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมทั้งจากถ้อยคำของประธานาธิบดีทรัมป์ งานวิจัยอีกชิ้นจาก FTI Consulting ของสหรัฐเผยว่า คนอเมริกันร้อยละ 78 ยอมจ่ายแพงเพื่อซื้อสินค้าที่ไม่ได้ผลิตในจีน
บทวิเคราะห์นี้สรุปว่ารัฐบาลทรัมป์ประสบผลไม่น้อยในการสร้างความเกลียดชังรัฐบาลจีน ความเกลียดชังนี้ขยายผลสู่ระดับประชาชน เป็นประเทศที่ใช้นโยบายเกลียดชังคนอื่นเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้าม แน่นอนว่ารัฐบาลจีนกระทำโดยคิดวางแผนอย่างดีเพื่อขยายผลประโยชน์ของตน การขัดผลประโยชน์เป็นที่มาของความขัดแย้ง
แต่เป็นนโยบายที่ดีแล้วหรือที่สร้างความเกลียดชังในสังคมตัวเอง เป็นสังคมแห่งความจงเกลียดจงชัง คิดหรือไม่ว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อสังคมตัวเอง หรือหวังแค่ได้ชัยชนะในสนามเลือกตั้ง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |