โปรเจ็กต์ รีสตาร์ท ก้าวสู่เป้าหมายที่แฟนบอลรอคอยจนได้เมื่อวันพฤหัสฯ หลังประกาศกำหนดวันเรียบร้อยแล้วให้เป็นวันที่ 17 มิถุนายน ที่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก จะกลับมาเริ่มฟาดแข้งต่อกันอีกครั้งให้จบฤดูกาล 2019-20
    แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเปิดบ้านรับการไปเยือนของ อาร์เซนอล และ แอสตัน วิลล่า พบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เป็นการนำร่องก่อนทีมอื่นๆ เพื่อให้จำนวนนัดที่ลงเตะในศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ เท่ากัน 29 เกมทั้ง 20 ทีม จากนั้น ก็จะเปิดฉากนัดที่ 30 ของซีซั่นด้วยกันนับตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน เป็นต้นไป
    ตามแผ่นที่ร่างไว้ พฤหัสฯที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา คือวันแรกที่แต่ละสโมสร เริ่มให้นักเตะสามารถซ้อมกันแบบสัมผัสตัว หรือ ฟูลคอนแท็กต์ ได้ จากเดิมที่ซ้อมด้วยกันอย่างมากคือแบ่งเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละประมาณ 5 คน ก็จะขยายให้เพิ่มมากขึ้น จนกลายเป็น 11 ต่อ 11 ใน 2-3 วันข้างหน้า
    พอถึงวันที่ 6 มิถุนายน แต่ละสโมสรควรจะซ้อมกันเต็มรุปแบบกันได้หมดแล้ว และมีการซ้อมที่เข้มข้นมากขึ้นตามมาตรฐานของแต่ละทีม ช่วงนี้เป็นโอกาสที่ผู้จัดการทีมและโค้ชจะปรับจูนทีมโดยมุ่งเน้นไปที่การเรียกความฟิตของนักเตะแต่ละคนกลับมาให้ดีที่สุด สื่อดังอย่าง เดอะ เทเลกราฟ เผยว่า ทีมต่างๆ กำลังเตรียมหาทางให้มีการเตะนัดกระชับมิตรกันก่อน เหมือนกับพรีซีซั่น เพื่อช่วยนักเตะในการเตรียมความพร้อมเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนหน้าเริ่มการแข่งขันจริง
    17 มิถุนายน แมทช์แรกของพรีเมียร์ลีก สำหรับการกลับมาควรเริ่มจัดแข่งกันได้ โปรแกรมนัดสำคัญคือการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ อาร์เซนอล ซึ่งจะเป็นการพบกันระหว่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า บอสทีมเรือใบสีฟ้า กับ อดีตมือขวาของเขาเองที่ได้ไปคุมทีมปืนใหญ่ต่อจาก อูนาย เอเมรี่
    จากนั้นการแข่งขันแบบฟูลฟิกเจอร์โปรแกรมแรกของพรีเมียร์ลีก ก็จะเริ่มต้นในนัดสุดสัปดาห์ ที่เริ่มต้นด้วยเสาร์ที่ 20 มิถุนายน หาก ซิตี้ แพ้ให้กับ อาร์เซนอล คาบ้านของตัวเอง ในนัดกลางสัปดาห์ เมื่อ 3 วันก่อนหน้านั้น ลิเวอร์พูล จะสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ได้ทันที ด้วยเกมกับ เอฟเวอร์ตัน
    ข่าวดีคือแมทช์การแข่งขันแต่ละนัด คาดว่าจะถ่ายทอดสดให้ชมได้ฟรี ทั้ง 92 นัดที่เหลือ แต่เฉพาะในสหราชอาณาจักร  โดยทาง บีบีซี จะร่วมแพร่ภาพฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก 4 นัด ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปีที่ บีบีซี กลับมาถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกสูงสุดของอังกฤษอีกด้วย
    สกาย สปอร์ตส จะถ่ายทอดสด 64 เกม โดยมี 25 นัด ที่"ฟรี-ทู-แอร์" ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเกมสำคัญที่พลาดไม่ได้ ที่เป็นการเจอกันระหว่าง เอฟเวอร์ตัน กับ ลิเวอร์พูล
    บีที สปอร์ต จะถ่ายทอดสดอีก 20 นัด อเมซอน ไพรม์ ร่วมด้วยอีก 4 นัด  
    ส่วนเวลาคิกออฟอาจแตกต่างไปจากเวลาเดิมที่คุ้นเคยกัน โดยตอนนี้มี 4 ช่วงเวลาต่างกันในวันเสาร์ และ อาทิตย์ จากเวลา 12.00 น.-20.00 น.ตามเวลาที่อังกฤษ และคิกออฟ 18.00 น.สำหรับเกมกลางสัปดาห์
    ริชาร์ด มาสเตอร์ส ประธานพรีเมียร์ลีก กล่าวว่า "น่าเสียดายที่ แมทช์ต่างๆจะต้องทำการแข่งขันกันโดยปราศจากแฟนบอลในสนาม แต่เราก็ดีใจที่สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปที่เป็นบวกได้สำเหรับแฟนๆ ที่จะได้ชมการแข่งขันทั้ง 92 แมทช์ที่เหลือ"
    หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน 26 กรกฎาคม คือวันสุดท้ายของ ฤดูกาล 2019-20 ซึ่งกำหนดตามเสียงส่วนใหญ่ของสโมสรในพรีเมียร์ลีกที่ต้องการเห็นฤดูกาลนี้แข่งขันกันจนจบเพื่อความยุติธรรมมากสุด ไม่ว่าจะเรื่องการตกชัน และพื้นที่ฟุตบอลยุโรป แทนที่จะไปใช้ระบบ"พอยท์-เพอร์-เกม"ในการตัดสิน
    โดยหลังปิดฤดูกาลได้ 1 สิงหาคม ก็จะเป็นกำหนดวันใหม่สำหรับการแข่งขันนัดชิงฟุตบอล เอฟเอ คัพ ที่สนามเวมบลีย์ โดยรอบควอร์เตอร์กับเซมิไฟนอล จะเตะกันะหว่างซีซั่นก่อนหน้านั้น
    ส่วนนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอล ยูโรป้า ลีก กับ แชมเปี้ยนส์ ลีก คาดว่าอยู่ระหว่าง 26-29 สิงหาคม ซี่งยังไม่มีการประกาศจากยูฟ่า