หลายสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจของทางการ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทยและสภาพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติพยากรณ์ว่าตัวเลขจีดีพีสำหรับทั้งปีนี้อาจจะติดลบ 5-6%
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ให้ไทยติดลบ 6.7%
แต่ ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี (ไทย) ใส่ข้อมูลชุดล่าสุดเข้าไปในสมการวิเคราะห์แล้ว
ได้ตัวเลข -8.9%
“ผมเองเห็นตัวเลขแล้วยังตกใจเลยครับ” ดร.อมรเทพบอกผมระหว่างการสนทนาวันก่อน
แกบอกว่าหลังจากประเมินตัวเลขล่าสุดแล้วก็ต้องปรับลดมุมมอง GDP เศรษฐกิจไทย 2563 ลงจาก -6.4% เป็น -8.9%
และเฉพาะ GDP ไตรมาส 2 มีโอกาสหดตัวได้ถึง 14%
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
คำตอบคือวิกฤติเศรษฐกิจรอบนี้อาจเลวร้ายที่สุดที่ประเทศไทยเคยเผชิญ
เพราะรุนแรงกว่าวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2541 ที่เศรษฐกิจ -7.63% (ไตรมาส 2 หดตัวลึก 12.53%)
แต่มีความน่าสนใจตรงที่ว่า ดร.อมรเทพบอกว่าตอนนี้เศรษฐกิจไทยเหมือนกำลัง “ต้องเวทมนตร์”
นักเศรษฐศาสตร์ดูเหมือนมองโลกในแง่ลบ มองเศรษฐกิจกำลังเลวร้าย เพราะมองจากสถานการณ์ปัจจุบัน
แต่สำหรับนักลงทุน กลับมองโลกในด้านบวก เพราะมองไปอนาคต และเห็นว่าเป็นราคาที่น่าลงทุน จากเศรษฐกิจกำลังจะถึงจุดต่ำสุดในช่วงนี้ แต่สถานการณ์กำลังคลี่คลายไปด้วยดี ทั้งการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การลดลงของจำนวนผู้ติดเชื้อ จึงกลับเข้ามาลงทุน
ที่เชื่ออย่างนี้เพราะสะท้อนจากราคาหุ้น และราคาสินทรัพย์ต่างๆ ทะยานกลับขึ้นไปได้อย่างรวดเร็วหลังดิ่งลงมาในช่วงเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน
สภาพัฒน์รายงานตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกไว้ที่ -1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน หรือหดตัว 2.2% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้าหลังปรับฤดูกาล
ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเช่นนี้มีปัจจัยสำคัญมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้คนระมัดระวังการเดินทางและการเข้าไปในพื้นที่สาธารณะต่างๆ รัฐบาลในหลายประเทศได้ออกมาตรการจำกัดการใช้พื้นที่ต่างๆ รวมทั้งการปิดกิจการห้างร้านเพื่อลดการแพร่ระบาด
แม้นับว่าเป็นเรื่องที่ดีทางสาธารณสุข แต่ในทางเศรษฐกิจก็ทำให้คนว่างงานและขาดรายได้
ในไตรมาสแรกจำนวนนักท่องเที่ยวหดตัวถึง 38% ซึ่งกระทบธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวอย่างแรง
ที่ซ้ำเติมเข้ามาก็คือ อุปสงค์ภาคต่างประเทศที่ชะลอตัวและกระทบภาคการส่งออกของไทย
คนว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง
ผู้คนระมัดระวังในการจับจ่ายซื้อของ
เมื่อส่งออกไม่ได้ ภาคการผลิตก็มีปัญหา เพราะผลิตไปก็ขายลำบาก กำลังการผลิตก็เหลือ สต๊อกสินค้าก็ล้น บริษัทและโรงงานต่างพากันลดคนงานหรือให้ลาพักโดยไม่รับเงินเดือนในช่วงนี้
ผลที่ตามมาก็คือ การบริโภคในประเทศอ่อนแอลงเพราะขาดกำลังซื้อ
ไม่ใช่เพียงกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวเท่านั้นที่หายไป แต่กำลังซื้อคนในประเทศก็อ่อนแอจากรายได้ที่หดหาย
มิหนำซ้ำ ผู้คนในภาคเกษตรก็ยากลำบากจากปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงกระทบผลผลิตให้น้อยลง
ที่ซ้ำเติมลงมาคือ ภาครัฐเองที่มีความล่าช้าในการออกงบประมาณรายจ่าย มีผลให้การบริโภคและการลงทุนของรัฐบาลหดตัว
ดร.อมรเทพบอกว่า “แต่ภาครัฐก็ได้ออกมาตรการทางการคลังในการประคองเศรษฐกิจขนานใหญ่ที่เรียกว่า Bazooka...ซึ่งเราหวังว่าภาครัฐจะเป็นพระเอกในรอบนี้”
แล้วไตรมาสสองจะเป็นอย่างไร?
ในความเห็นของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่นั้น แม้รัฐบาลได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบด้วยการออกมาตรการชดเชยรายได้ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ อีกทั้งทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาตรการลดภาระผู้กู้ในการชะลอการชำระหนี้ชั่วคราว และได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมอัดฉีดเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้
แต่ปัจจัยความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มสูงขึ้น 0
การส่งออกสินค้ามีโอกาสหดตัวได้ถึง 20% และจำนวนนักท่องเที่ยวมีโอกาสหดตัวได้ถึง 90%
ดร.อมรเทพบอกว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทางสำนักวิจัยของเขาได้คาดว่า GDP ไตรมาสที่สองนี้มีโอกาสหดตัวได้ถึง 14% และน่าจะลดการหดตัวลงในช่วงที่เหลือของปี
และคาดการณ์ต่อว่าเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังอาจหดตัวราว 10%
“และเนื่องจากการหดตัวที่ลึกและลากยาวของเศรษฐกิจที่มากกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวช้า ทางเราจึงได้ปรับลดมุมมองการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ลงจาก -6.4% เป็น -8.9%”
นั่นแปลว่าวิกฤติเศรษฐกิจรอบนี้อาจเลวร้ายที่สุดที่ประเทศไทยเคยเผชิญ
เพราะมันรุนแรงกว่าวิกฤติต้มยำกุ้งที่เศรษฐกิจไทยในปี 2541 หดตัว 7.63%
โดยเฉพาะไตรมาสที่สองปีนั้นหดตัวลึกถึง 12.53% แต่รอบนี้อาจได้เห็นเศรษฐกิจหดตัวเลขสองหลักอีกครั้งและลากยาวกว่าเดิม.
(พรุ่งนี้ : เวทมนตร์นั้นคืออะไร?)
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |