‘โอ๊ค’ตามเช็กบิล พุ่งเป้า‘พะจุณณ์’ อึ้งถามจริยธรรม


เพิ่มเพื่อน    

 “พานทองแท้” ไม่เลิกราวี งวดนี้พุ่งเป้าที่ “พะจุณณ์ ตามประทีป” อ้างสายสืบโซเชียลส่งข้อมูลพร้อมจับผิดมาให้ พร้อมขู่หากถูกเลือกปฏิบัติจะฟ้องดะ  อึ้ง! ทิ้งท้ายถามหาจริยธรรมที่มาที่ไปของเช็คหนึ่งแสน  สำรวจย้อนหลัง “ดีเอสไอ-เด็กป๋า” แจงเป็นเรื่องเก่า สอบหมดแล้ว

       เมื่อวันอาทิตย์ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “เช็คคนดัง-คดีดัง ตอนที่ 2” ซึ่งถือเป็นการโพสต์ต่อเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ในเรื่องของเช็ค ซึ่งเป็นผลพวงจากคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้กล่าวหานายพานทองแท้ในคดีฟอกเงินกรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อเครือกฤษดามหานคร 
    โดยนายพานทองแท้โพสต์ว่า ครบรอบ 1 สัปดาห์ที่โพสต์รูปเช็คสั่งจ่ายเงินเข้าบัญชีบุคคลที่มีชื่อเสียง 2 ท่าน ที่ได้รับเงินจากเงินกู้กรุงไทยแล้ว วันนี้จะขอเล่าให้ฟังต่อเป็นตอนที่ 2 ซึ่งก่อนอื่นต้องบอกว่าโลกโซเชียลปัจจุบันได้ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องราวต่างๆ อย่างสุดยอดมาก อาจเรียกได้ว่าดีกว่าการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่ตั้งมาอย่างเป็นทางการเลยด้วยซ้ำ เพราะนอกจากโซเชียลจะกระจายข่าวความไม่ชอบมาพากลที่มีให้เห็นอยู่ตลอดเวลาในช่วงปีขาลงของรัฐบาลแล้ว ยังช่วยกันตรวจสอบและชี้ข้อผิดสังเกตที่เกิดขึ้นในหน่วยงานของรัฐ อันอาจนำมาซึ่งการกระทำผิดกฎหมายในเรื่องต่างๆ ได้ 
     “ในกรณีนี้อาจเป็นเรื่องของการเลือกปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนหรือบางตำแหน่งก็ได้ ซึ่งผมได้ทำเรื่องสงวนสิทธิ์ที่จะฟ้องเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นรายบุคคลในทุกตัวบทกฎหมายไว้แล้ว หากตรวจพบการกระทำผิด” นายพานทองแท้โพสต์ไว้ 
นายพานทองแท้โพสต์ต่อว่า มีแฟนเพจและผู้ที่ได้ติดตามข่าวหลายท่านได้ตั้งข้อสังเกตและชี้ประเด็น  ตลอดจนเสนอแนะเข้ามามากมาย เพื่อให้ข้อมูลที่น่าสนใจเยอะมาก ซึ่งจะขอสรุปรวมกัน แล้วเปิดมาขยี้ทีละประเด็นให้เห็นกันชัดๆ ไป โดยจะขอเริ่มที่ประเด็นแรกคือ เช็คที่ถูกนำมาเข้าบัญชี พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จำนวน 1 แสนบาท ซึ่งสั่งจ่ายจากเงินก้อนเดียวกันกับคดีที่เร่งรีบจะฟ้องตนเอง แถมมีเลขที่เช็คติดกัน คือ เช็คเลขที่ 2724851 และ 2724852 ซึ่งมีตัวแทน พล.ร.ท.(ย่อว่า PJ) ออกมาชี้แจงว่า เป็นเช็คที่จ่ายค่างานเลี้ยงรุ่น วปอ. แต่ปรากฏว่าเช็คเงินสดฉบับนี้ พล.ร.ท.PJ เป็นคนเซ็นนำฝากเอง โดยเขียนระบุด้วยลายมือว่า ให้นำเงินไปเข้าบัญชีเงินฝากประจำประเภท 12 เดือน อันเป็นบัญชีของออเจ้าพีเจเอง
นายพานทองแท้โพสต์ต่อว่า เรื่องนี้มีข้อสังเกตจากนักสืบออนไลน์ และนักกฎหมายออนไลน์หลายท่านที่ส่งข้อมูลมาให้ ผมขอสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้ 1.เงินก้อนที่บอกว่าเป็นเงินจากการกระทำความผิดถูกนำไปเข้าบัญชีโดยระบุว่า เป็นการฝากประจำ 12 เดือน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นบัญชีเงินฝากประเภทที่ให้ดอกผลสูงสุดมากกว่าการฝากประเภท 6 เดือน หรือการฝากออมทรัพย์ ถือเป็นเจตนาหาประโยชน์งอกเงยจากเงินก้อนนี้หรือไม่? 2.เงินที่บอกว่านำมาชำระหนี้ค่างานเลี้ยง-งานเลี้ยงที่ว่านี้ เป็นงานเลี้ยงในกลุ่มเพื่อนหรือลูกน้องของ PJ เองหรือไม่? 2.1 ทำไมเจ้าของธุรกิจใหญ่ จึงต้องมาจ่ายค่างานเลี้ยงเป็นแสนๆ ให้นายทหาร? 2.2 เงินจ่ายหนี้ค่างานเลี้ยง ทำไมจึงนำมาเข้าบัญชีฝากประจำ? 2.3 กรณีนี้ ถือเป็นการรับทรัพย์เกิน 3,000 บาท ที่ทหารชั้นนายพลจะต้องสำแดงหรือไม่? ได้เคยสำแดงหรือยัง? 2.4 หน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ได้สอบสวนความผิดในประเด็นเหล่านี้หรือยัง? 2.5 จนป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะปล่อยไปจนหมดอายุความหรือไม่? 2.6 จะเร่งเอาผิดเฉพาะคดีพานทองแท้และพวกเท่านั้นหรือไม่? และ 3.เมื่อนำกรณีนี้มาเปรียบเทียบกับกรณีเช็ค 26 ล้านของพานทองแท้ ที่ตัวเงินยังไม่ทันเข้าบัญชีเลย เช็คก็ถูกยกเลิกไปก่อนแล้ว ไม่มีเงินเข้าบัญชีแม้แต่บาทเดียว ภายหลังเงินถูกนำไปเข้าบัญชีผู้อื่น ซึ่งได้ทราบว่ามีการคืนเงินกลับไปแล้วทุกบาททุกสตางค์เช่นกัน ไม่มีใครได้รับผลประโยชน์ แต่กลับจะโดนคดี
      “ส่งท้ายวันนี้ ผมขอตั้งคำถามไปถึงผู้รับเช็ค เป็นคำถามในเชิงจริยธรรมที่คนดีพึงมี ซึ่งถ้าท่านคือคนดีของแผ่นดินจริง ขอให้ท่านตอบต่อสาธารณชนด้วย เงินที่ท่านได้มาฟรีๆ โดยที่ไม่ได้ทำงานทำการอะไร และท่านได้นำไปเข้าบัญชี หรือจะนำไปเลี้ยงลูกน้องก็แล้วแต่ รวมถึงเงินที่นำไปเข้ามูลนิธิก้อนนั้นด้วย ในทางกฎหมายอาจสาวไปไม่ถึงตัวท่าน เจ้าหน้าที่ของรัฐอาจไม่กล้าเอาผิด และไม่กล้าสั่งฟ้องท่าน แต่ในทางจริยธรรมที่ท่านพึงมี เมื่อท่านได้ทราบที่มาที่ไปของเงินก้อนนี้อย่างกระจ่างชัด ว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยมิชอบแล้ว ท่านมีความคิดที่จะนำเงินมาคืนให้กับเจ้าของ หรือผู้เสียหายหรือไม่ครับ” นายพานทองแท้โพสต์ทิ้งท้าย
    ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 เม.ย. นายพานทองแท้ได้โพสต์เรื่องนี้ในตอนแรกว่า วันก่อนมีคนส่งรูปเช็ค 2 ฉบับ และใบนำฝากของธนาคารมาให้ ซึ่งลองเอาไปให้ใครดู ต่างร้องจริงดิทุกคนไป จึงอยากให้สังคมช่วยกันตรวจสอบ และช่วยกันกระตุ้นให้หน่วยงานของรัฐ ทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และดีเอสไอ ตลอดจนผู้มีอำนาจในรัฐบาล ช่วยออกมายืนยันว่า รูปถ่ายเช็คดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ หากว่าจริง เหตุใดทั้ง ปปง.และดีเอสไอจึงไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ที่มีชื่อรับผลประโยชน์ เพราะคนที่ส่งรูปมาให้นั้นยืนยันว่าทั้ง 2 หน่วยงานต่างก็มีหลักฐานเดียวกันนี้เก็บไว้ทั้งคู่ แต่ไม่เคยมีใครยอมปริปาก
    "เช็ค 2 ฉบับนี้ได้สั่งจ่ายเงินเข้าบัญชีคนดังระดับประเทศ และเป็นเงินก้อนเดียวกันกับที่ดีเอสไอกำลังเอาเรื่องพานทองแท้ ข้อหาฟอกเงินในคดีเงินกู้แบงก์กรุงไทยอยู่ ณ เวลานี้ โดยจะขอสรุปให้สั้นๆ ดังนี้ เช็คฉบับที่ 1 เป็นเช็คสั่งจ่ายโดยระบุชื่อ พล.อ.เปรม จำนวนเงิน 250,000 บาท มีลายเซ็น พล.อ.เปรม เซ็นชื่อกำชับแบบชัดๆ ว่า ให้นำเงินก้อนนี้ไปฝากเข้าบัญชีมูลนิธิของตัวเอง เช็คฉบับที่ 2 เป็นเช็คสั่งจ่ายเงินสด ซึ่งเช็คใบนี้ถูกนำไปเข้าบัญชี พล.ร.ท.พะจุณณ์ โดยมีเลขที่เช็คมันส์สุดติ่ง คือหมายเลข 2724851 ซึ่งติดกับเลขที่เช็คที่สั่งจ่ายให้ผมคือ หมายเลข 2724852 ลงวันที่สั่งจ่ายวันเดียวกันเป๊ะ” นายพานทองแท้โพสต์ไว้
เขายังโพสต์ว่า ที่สำคัญเช็คทั้ง 2 ฉบับนี้หนักกว่าเรื่องที่ดีเอสไอตั้งขึ้นมาเพื่อเอาผิดเยอะ เนื่องจากเช็คที่ถูกตีมาเพื่อเข้าบัญชีนั้นได้ถูกยกเลิกในวันเดียวกัน และสามารถแสดงหลักฐานได้ว่าเงินทั้งหมดได้ถูกนำไปคืนทุกบาททุกสตางค์ และคืนไปตั้งแต่เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว มีหลักฐานทางธุรกรรมชัดเจน ส่วนเงินที่โอนเข้า 2 บัญชีนี้ อย่าว่าแต่จะนำมาคืนเลย เงินที่บอกว่าได้มาจากการกระทำความผิดนี้ ถูกนำไปใช้สอยอย่างสบายใจ ไร้การตรวจสอบ โดยผ่านมากว่า 10 ปี ยังไม่ปรากฏร่องรอยการคืนเงินให้เห็นแม้แต่บาทเดียว
       “เงินก้อนเดียวกัน ส่วนหนึ่งโอนเข้าบัญชีผม ซึ่งได้โอนคืนกลับหมดแล้ว ถูกกล่าวหาว่ามีความผิด แต่เงินอีกส่วนหนึ่งโอนเข้าบัญชีคนอื่น ถูกนำไปจับจ่ายใช้สอยอย่างสบายใจ กลับปราศจากความผิดใดๆ แบบนี้คงไม่มีใครยอมแน่ครับ ทนายของผมได้ส่งข้อมูลหลักฐานของเช็คทั้ง 2 ฉบับนี้ และข้อมูลอื่นๆ เป็นจดหมายลงทะเบียน ไปถึงคณะกรรมการของดีเอสไอที่มีหน้าที่พิจารณาคดีนี้เป็นรายบุคคลแล้ว จึงถือว่าทุกท่านได้รับทราบข้อผิดสังเกต และได้ทราบประเด็นที่ไม่ชอบมาพากลไปแล้ว หลังจากนี้ถ้ามีการกระทำอะไรที่เป็นสองมาตรฐาน และไม่ให้ความเป็นธรรมกับผมอีก ผมคงต้องขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องตัวเองจนถึงที่สุด ในทุกตัวบทกฎหมาย ตลอดอายุความที่สามารถจะกระทำได้ จะหาเรื่องเอาคนอื่นเข้าคุก โดยที่เขาไม่ได้กระทำความผิด เล่นกันแรงแบบนี้ คงไม่มีใครปล่อยให้ฟรีคิกกันง่ายๆครับ” นายพานทองแท้ทิ้งท้ายไว้
    ต่อมาในวันที่ 2 เม.ย. พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรมฯ ได้ชี้แจงเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว เท่าที่ทราบคือเจตนาของผู้บริจาค ต้องการบริจาคเงินเข้ามูลนิธิรัฐบุรุษฯ แต่ในเช็คได้ใส่ชื่อของ พล.อ.เปรม ซึ่ง พล.อ.เปรมได้ส่งเช็คดังกล่าวเข้ามูลนิธิเรียบร้อย ซึ่งไม่ได้นำเงินมาใช้ส่วนตัว  
ในขณะที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ชี้แจงในคราวนั้นว่า ในชั้นสอบสวนดีเอสไอได้ตรวจสอบเงินที่นายวิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร สั่งจ่ายไปยังบุคคลต่างๆ รวมถึงสอบสวนกรณีที่หลายฝ่ายเข้ายื่นหนังสือให้ดีเอสไอตรวจสอบบุคคลที่มีชื่อรับเช็คในส่วนที่มีมูลหนี้ต่อกันจริงๆ เช่น ชำระค่าที่ดิน ซึ่งดีเอสไอก็ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้รับเช็ค ยืนยันว่าดีเอสไอได้ตรวจสอบครบถ้วนทุกราย แต่ไม่สามารถเปิดเผยผลการตรวจสอบได้ เพราะเป็นรายละเอียดในสำนวน.
    
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"